เพิ่งจบเรื่องราวไป สำหรับกรณีการเปิดเพลงเสียงดังในงานบวชที่วัดสิงห์ รบกวนการสอบ GAT-PAT ซึ่งเกิดกรณีล่าสุดอีกครั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พบงานบวชเสียงกระหึ่มรบกวนการเรียนการสอบอีก จนติดเทรนในทวิตเตอร์ #SaveChiangrak
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. สมาชิกเฟซบุ๊ก Nantachai Yuennan นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับงานบวชที่ชุมชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่เปิดเพลงเสียงดัง ได้ยินมาถึงบริเวณหอพักนักศึกษาที่อยู่ใกล้เคียง โดยนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นอ่านหนังสือเตรียมสอบกลางภาคได้ลำบากเพราะมีเสียงดังมาจากงานบวช
โดยระบุว่า “สำหรับสถานการณ์เพลงลูกทุ่งที่ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งละแวกใกล้เคียงกับ ม.ธรรมศาสตร์ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องมาแล้ว ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นการเปิดเพลงมาจากงานบวชซึ่งจะมียาวนานไปจนถึงวันจันทร์ นั่นหมายความว่าเพลงก็อาจจะส่งเสียงยาวนานไปจนถึงวันจันทร์เช่นเดียวกัน คือต้องบอกก่อนว่าเสียงดังที่ว่านี่มันดังขนาดไหนกัน มันดังขนาดที่ว่าเราฟังอยู่ในห้องนอนเราในหอยังได้ยินแบบชัดเจน ชัดแบบ Stereo ดังถึงขั้นที่ว่าได้ยินเนื้อแบบชัดเจน ไม่มีการดำน้ำใดๆ ทั้งสิ้น ได้ยินชัดเจนทุกคำ ย้ำว่าทุกคำ ดังกว่าเพลงหรือโทรทัศน์ที่เราเปิดฟังเองในห้องของเราด้วยซ้ำ ที่สำคัญดังมาตั้งแต่เช้า 9 โมงโดยประมาณ จนตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าเสียงมันจะเบาลงเลย มีแต่ดังขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ที่สำคัญคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ มธ.กำลังจะสอบมิดเทอมในสัปดาห์หน้า แล้วคราวนี้จะอ่านหนังสือกับทำงานกันยังไงล่ะ คือถ้าบวชถึงวันจันทร์จริงๆ นี่ ไม่ต้องทำอะไรกันเลยนะ ฟังเพลงลูกทุ่งกันไปยาวๆ
ส่วนตัวแล้วงงว่าการบวชในลักษณะนี้ มันจะได้รับผลบุญเท่าไหนกันเชียวอะ ญาติโยมสนุกสนานกัน แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความรำคาญในระดับ Noise Pollution ให้กับทุกคนที่เหลือที่อยู่ในละแวกนั้น บุญกับบาปอันไหนมันจะมากกว่ากัน อยากขอร้องจริงๆ บวชทั้งทีอย่าให้มีบาปเลยดีกว่ามั้ย อย่ามาสร้างบาปกับคนรอบข้างเลยดีกว่า พลีส”
อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีกลุ่มเพื่อนที่เข้าร่วมงานบวชดังกล่าวได้เข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวท้าทายกันในทำนองว่า งานบวช ประเพณี เป็นสิ่งที่สืบต่อกันมานานแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเพิ่งมาอยู่ อะไรที่ควรปรับตัว และยังมีการข่มขู่กันผ่านเฟซบุ๊ก โดยพบว่ามีภาพบรรยากาศของงานบวชดังกล่าวที่ตั้งเวทีขนาดใหญ่เพื่อเลี้ยงนาคอีกด้วย โดยพบว่าความร้อนแรงของประเด็นดังกล่าวทำให้แฮชแท็ก #savechiangrak ติดเทรนทวิตเตอร์ ซึ่งชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวอย่างดุเดือด และเกิดความกังวลว่านักศึกษาในละแวกดังกล่าวจะเกิดความไม่ปลอดภัยจากเรื่องนี้
