xs
xsm
sm
md
lg

สาวกินแกงส้มเจอพิษ “บอนโหรา” เกือบตาย แม่ค้าแยกไม่ออกคิดว่าเป็น “ออดิบ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สาวโพสต์เตือนภัย ทานแกงส้มใส่ “ออดิบ” แต่แม่ค้าแยกไม่ออกใส่ “บอนโหรา” เพราะหน้าตาคล้ายกันมาก เผยพิษสุดรุนแรงทานแค่ 1 ชิ้น ปาก-คอเจ็บแสบทุกอณูราวกับมีเข็มเล็กๆ จำนวนมากทิ่มแทง ดีที่ไปหาหมอทัน ลั่นเลิกกินเด็ดขาด

วันที่ 1 มี.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พิกกี้ แรบบิท” ได้โพสต์ว่า “แชร์ประสบการณ์ ที่จะจดจำไปจนวันตาย กินแกงส้มผิดชีวิตเปลี่ยน !!

เมื่อวาน (28/2/62) 11 โมง ไปกินข้าวที่ร้านข้าวแกงร้านหนึ่ง เราสั่งแกงส้มปลาใส่ออดิบกับไก่ต้มขมิ้นมา (ภาคใต้บางคนเรียก ออดิบ บางคนเรียก โชน แต่ละภาคก็จะมีชื่อเรียกไม่เหมือนกันอีก)

คำแรกเราตักออดิบ 1 ชิ้นในจานขึ้นกิน เคี้ยวๆ แล้วกลืน เริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ ในปาก มันเริ่มแสบ มันเริ่มชา จากกะพุ้งแก้มเล็กๆ ตอนนั้นบอกเลยว่า งงมาก ทำไมมันแปลกๆ เป็นเพราะยางมันรึป่าววะ ไม่กี่วินาที ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน มันก็ลามไปทุกอณูของปาก ความรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆ จำนวนมากทิ่มอยู่ในปาก ไปจนถึงในลำคอ เห้ย!! แม่งไม่ใช่ละ ตอนนั้นตกใจมาก คิดในใจ กุแดกอะไรลงไปวะ กุจะตายมั้ย ชิบหายยละ ทำอะไรไม่ถูก เราเลยเอาน้ำมากลั้วปาก หวังว่าจะล้างยางในปาก แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย อาการมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ น้ำลายในปากเริ่มเมือกข้นไหลออกมาเต็มปาก

ตอนนั้นมีแม่ค้า เดินมาถามเราว่า

ป้า :: เป็นอะไร คันคอหรอ ?
เรา :: หนูไม่รู้เป็นอะไร กินเข้าไปแล้วมันแสบไปหมดทั้งปาก ทั้งคอเลย

แม่ค้าคนนั้นก็หันไปคุยกับแม้ค้าอีกคนว่า “มีคนเป็นอีกแล้ว” แล้วก็หันไปตักแกงในหม้อตัวเองขึ้นมามองๆ ว่ามันคืออะไร

ตอนที่ได้ยินตอนนั้นคือแบบ โอ้ ไม่ใช่กุคนเดียวที่โดนละ ไอคนนั้นมันยังมีชีวิตอยู่มั้ยวะ !!! เสร็จแล้วแม่ค้าคนนึงก็เดินมาพูดว่า “งั้นหนูก็ไม่ต้องกินแล้ว กินแต่ปลาพอ”

จบประโยคนั้นคือแบบ ห๊ะ !! ว้อทท !! ถามว่ามีอารมณ์แดกต่อมั้ย ???
เรา :: แค่กลืนน้ำลายยังลำบากเลยค่ะ แสบร้อนไปหมดทั้งคอแล้วเนี่ย สรุปอันนี้คือแกงอะไรคะ ป้าใส่อะไรลงไป แล้วมันกินได้มั้ย (พูดไปน้ำตาไหลไป มันเจ็บ)
ป้า :: ก็แกงส้มใส่โชนทั่วไป ใครๆ เค้าทำกินกัน
เรา :: เอ้าแล้วทำไมเป็นแบบนี้ แล้วหนูต้องทำยังไง ??
ป้า :: ไม่รู้

จบคำว่าไม่รู้ของป้า เราก็รีบไป รพ. เลยค่ะ โดยเอาไอ่ที่หน้าตาเหมือนออดิบ ห่อทิชชู่ไปด้วย
โชคดีที่ รพ อยู่ไม่ไกล ขับรถไปไม่เกิน 10 นาที

เดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน ด้วยน้ำตานองหน้า ยื่นไอที่ห่อทิชชู่ให้พี่พยาบาลดู พี่พยาบาลเห็นเลยส่งเป็นเคสฉุกเฉิน ให้นั่งรถเข็น วัดความดัน สอบถามประวัติการแพ้ยา ถามอาการ เสร็จ พบหมอ

ตอนพบคุณหมอ คุณหมอถามอาการ ตอนนั้นไม่มีแน่นหน้าอก มีแต่อาการแสบไปทั้งปากและคอ กลืนน้ำลายก็เจ็บ พูดก็เจ็บ
จนสุดท้าย ทราบว่า ไอที่เราคิดว่าเป็น “ออดิบ” จริงๆ มันคือ “บอนโหรา” ซึ่งหน้าตามันคล้ายกันมากๆๆๆๆ

คุณหมอให้ยามาทาน เป็นพวกยา แก้ปวด ลดการอักเสบ แก้แพ้ ยายับยั้งการหลั่งกรด

แล้วคุณหมอแนะนำให้ไปซื้อ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลมา เพราะจะช่วยเข้าไปสลายผลึกพิษ (จริงๆ น้ำส้มสายชูยี่ห้อไหนก็ได้ แต่แนะนำเป็นน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล เพราะกลิ่นมันจะโอเคกว่าเวลาใช้)

โดยให้นำน้ำส้มสายชู ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กลั้วปาก-คอ แล้วกลืน ทำแบบนี้ ทุกๆ 2-3 ชม. แบบนี้ประมาณ 2 วัน อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

ช่วงระหว่างวัน เราแทบไม่ได้กินอะไรเลย เพราะกินอะไรก็เจ็บแสบไปหมด แต่ก็ต้องฝืนกินเข้าไปนิดหน่อย เพราะต้องกินยา แล้วไปหาซื้อน้ำส้มสายชูมากลั้วปากแล้วกลืน

เวลาประมาณ 23:30 วันเดียวกัน (28/2/62) อาการดีขึ้นจากตอนแรกมาก แต่ยังไม่หาย มีอาการปวดแสบเวลากลืนน้ำลายเล็กน้อย แสบๆ บนลิ้น

ค่ายา ค่าตรวจรักษา รพ. เอกชน ค่าเสียหายก็ราวๆ 2,xxx บาท (ไม่แอดมิท) ยังดีที่เราใช้สวัสดิการได้

บทเรียนวันนี้ กินไป 1 คำ ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ หลังจากนี้ ก็คงขอลาขาดยาวๆ เลย อะไรที่หน้าตาคล้ายๆ กับออดิบ คือ เลิกแดกค่ะ !!! ส่วนคุณป้าร้านนั้นก็ เราพอกันแค่นี้นะ ยังอึ้งกับคำตอบของป้าอยู่เลย กินแต่เนื้อปลาไปสิ เห่ออ จบ ไม่ไปอีกละค่ะ

ใครจะกินอะไรที่ดูเหมือน ออดิบ ถ้าไม่ได้ทำเอง ก็แนะนำให้เทส คำเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนะคะ อย่ากินไปทีเดียวแบบเรา ถ้ากินแล้วมีอาการแปลก จะได้หยุดกินทันที เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่า เค้าเอาอะไรมาทำให้เรากิน “ออดิบ” จริงๆ หรือเป็น “บอนโหรา” กันแน่

ส่วนแม่ค้าเอง เค้าก็อาจจะสับสนได้เหมือนกัน เพราะหน้าตาพืช 2 ชนิดนี้มันคล้ายกันมาก แม่ค้าบางคนเค้าก็ซื้อต่อมาอีกที แบบหั่นมาแล้ว เลยไม่รู้ว่ามันกินได้หรือไม่ ถ้าจะให้ปลอดภัยสุด คือเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ

แต่บางเคส ที่เหมือนเค้ารู้ว่า มีคนเป็นก่อนแล้ว ก็ยังขายต่อนี่ มันก็ไม่ไหวเนอะ..

สำหรับเรา คงไม่เอาละค่า หลอน บายยย
ปล. ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ

_____________________________________

ออดิบ/โชน (ชนิดที่รับประทานได้)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Colocasia gigantea Hook.f

ภาษาท้องถิ่น :
ภาคใต้ เรียก โชน ออดิบ ออกดิบ
ภาคกลาง เรียก คูน
ภาคเหนือ เรียก กระดาดขาว หรือตูน

เป็นไม้ล้มลุกอยู่ในวงศ์ Araceae และอยู่ในสกุล Colocasia เช่นเดียวกับบอน เป็นผักชนิดหนึ่ง ซึ่งลักษณะคล้ายบอน ชาวบ้านจะปลูกไว้กินริมรั้ว หรือข้างบ้าน ชอบขึ้นบริเวณที่มีน้ำแฉะ นำมาทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน ส่วนมากจะใช้แกงส้ม และยำ

_____________________________________

** บอนโหรา ** รับประทานไม่ได้
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Alocasia macrorhiza Schott

ภาษาท้องถิ่น
ภาคใต้ เรียก โหรา หรือ เอาะลาย
ภาคกลาง เรียก กระดาดดา
ภาคเหนือ เรียก บึมปื้อ

สารพิษ :
Calcium Oxalate ลักษณะผลึกเป็นรูปเข็ม ไม่ละลายน้ำ (bundle of the needle like crystals ; raphides) ส่วนที่มีผลึกมาก คือ น้ำยางใสจากทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะลำต้น และใบ

.
อาการของพิษ

- หากสัมผัสจะทำให้เกิดการระคาย เคือง เป็น ผื่น คัน ผิวหนังบวมแดง ปวดแสบปวดร้อน ต่อมาจะอักเสบบวมและพองเป็นตุ่มน้ำใส
- หากเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบ อาจทำให้ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้
- หากรับประทาน จะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
- หากรับประทานส่วนของพืชที่มีน้ำยาง จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกในปากและลำคอ ทางเดินอาหารอักเสบ คันปาก คันคอ แสบร้อน เพดานบวมพองเป็นตุ่มน้ำใส อาการอาจรุนแรงจนกระทั่งกลืนอาหารไม่ได้ พูดลำบาก ไม่มีเสียง และอาจทำให้หายใจลำบากได้

.
วิธีการรักษา

- หากกสัมผัสน้ำยาง ให้ล้างออกโดยใช้น้ำสบู่ชะล้างหลายๆ ครั้ง แล้วนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

- หากน้ำยางเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆครั้ง อาจหยอดตาด้วยยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์ แล้วนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

- หากรับประทานส่วนของพืชที่มีน้ำยาง ให้ล้างปาก โดยการดื่มน้ำมากๆ ดื่มนมเย็น ไอศครีม ให้รับประทานอาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม และโจ๊ก
อมและดื่มสารละลาย Aluminium magnesium hydroxide (ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร) 30 มล. ทุก 2 ชั่วโมง
งดรับประทานอาหารรสจัด จนอาการทุเลาลง
เฝ้าระวังการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน
*** ที่สำคัญ ไม่ควรทำให้อาเจียน เพราะจะทำให้สารพิษสัมผัสกับเยื่อบุปาก และลำคออีกครั้ง

- บางกระแส มีการปฐมพยาบาลแบบอื่น ๆ เช่น
บ้วนปากด้วยน้ำมะพร้าว หรือให้ดื่มน้ำส้มสายชูหมักของฝรั่งสักสองสามช้อนโต๊ะ (ไม่ใช่น้ำส้มสายชูกลั่นแบบไทย) เพราะความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูหมักจะลดการระคายเคืองจากผลึกรูปเข็มแหลมเล็กของโหราที่กระจายอยู่ตามคอ และหลอดอาหาร และบ้างก็บอกว่าให้รีบหาน้ำตาลทรายขาวหรือแดงมาอมอย่างด่วนที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาอาการก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลต่อไป

ที่มา

(ข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาได้จากลิงค์ข้างล่างค่ะ)

http://www.dmsc.moph.go.th/phuk…/userfiles/files/KM-HORA.pdf

http://sukanyathumwong2542.blogspot.com/2017/07/9.html?m=1

https://www.bloggang.com/m/mainblog.php…

http://www.monmai.com/อ้อดิบ/

https://www.facebook.com/…/a.219330575760…/2198830270385202…



กำลังโหลดความคิดเห็น