“พล.ต.อ.อัศวิน” ผู้ว่าราชการ กทม. ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว หวังให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ยุทธศาสตร์ “มหานครปลอดภัย” เพื่อให้ชาวกรุง ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดมลพิษ มีมาตรการบริหารจัดการน้ำเสียอย่างเหมาะสม ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ
วันนี้ (7 ก.พ.) เวลา 13.30 น.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร และ พลตรี สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 นำคณะกรรมการการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย สภากรุงเทพมหานคร และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว โดยลงเรือตรวจความก้าวหน้าตั้งแต่บริเวณประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม จนถึงท่าเรือชั่วคราววัดบางบัว เขตบางเขน ระยะทางประมาณ 10.5 กม. ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ยุทธศาสตร์ “มหานครปลอดภัย” เพื่อให้ประชาชนกรุงเทพมหานครได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดมลพิษ มีมาตรการบริหารจัดการน้ำเสียอย่างเหมาะสม ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว มีความก้าวหน้าไปมากแต่ก็ยังมีที่ติดขัดบางจุด ในกรณีการรื้อย้ายของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลอง บางส่วนยินยอมย้ายออก แต่ทาง พอช.ยังสร้างบ้านมั่นคงไม่เสร็จ จึงยังไม่ได้ย้ายออกไป และบางจุดที่ยังเจรจาไม่สำเร็จ เหลือเป็นฟันหลอ ซึ่งก็ตัองใช้มาตรการทางกฎหมาย เพราะได้เจรจามากว่า 2 ปีแล้ว กรุงเทพมหานครโดยสำนักงานเขตในพื้นที่โครงการ ร่วมกับ กอ.รมน.กทม. กองทัพภาคที่ 1 จะเข้าไปเจรจาในการรื้อย้ายให้ไปอยู่ที่ที่ควร
โดยหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมให้ และเชื่อว่าเมื่อเสร็จทั้งโครงการ จะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ มีความสวยงาม สภาพแวดล้อมดี ทั้งนี้ ยอมรับจะไม่เสร็จตามแผนในปีนี้ แต่จะพยายามเร่งรัดให้เสร็จเร็วที่สุด สำหรับข้อเรียกร้องในส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายที่มีการขอค่าชดเชย จำนวนเป็นแสนบาทนั้น ต้องดูตามความเหมาะสม พิจารณาให้ตามเหตุผล สมควร สำหรับการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เร่งรัดมา หรือมีการขีดเส้นตายว่าโครงการจะต้องแล้วเสร็จเมื่อใด เพียงย้ำว่าทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองลาดพร้าวให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษน้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สภาพแวดล้อมรอบตัวดีขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงแก่ประชาชนโดยส่วนรวมเป็นสำคัญ โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ครอบคลุมพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ได้แก่ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และสายไหม เขื่อนคลอง ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว มีความยาว 2 ฝั่งคลอง รวมทั้งสิ้น 45.3 กม. สำหรับพื้นที่โครงการก่อสร้างที่ส่งมอบแล้ว ความยาว 24,056 ม. ส่วนพื้นที่โครงการก่อสร้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ความยาว 21,224 ม. ปัจจุบันสามารถดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 28,823 ต้น จากทั้งหมด 60,400 ต้น คิดเป็นผลงาน 90% ของพื้นที่ส่งมอบแล้ว ส่วนความยาวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้ว 21,854 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้ 38.64% ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 96.50%
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ได้แบ่งการก่อสร้าง ออกเป็นพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ที่ผ่านมาสำนักงานเขตในพื้นที่โครงการได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่มีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการให้เห็นถึงความสำคัญของส่วนรวมและและประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ซึ่งในพื้นที่เขตสายไหมมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการทั้งหมด 10 ชุมชน มีความยาวทั้ง 2 ฝั่งคลองรวมกันประมาณ 7,100 ม. โดยประชาชนในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกไปและเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง สามารถส่งมอบพื้นที่ได้หมดแล้ว ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ดำเนินการตอกเสาเข็ม การกดแผงกันดิน การทำคานทางเดิน และการติดตั้งราวกันตก เมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ในพื้นที่เขตสายไหมแล้วเสร็จ จะเป็นพื้นที่นำร่องในการก่อสร้างเขื่อนคลอง ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว รวมถึงเป็นต้นแบบในการพัฒนาคลองลาดพร้าวแก่สำนักงานเขตอื่นๆ ตลอดจนเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา