ผู้อํานวยการศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ชี้แจง การบริจาคดวงตาเพื่อเปลี่ยนแก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการทั่วประเทศตามที่ขึ้นทะเบียน ไม่สามารถระบุผู้รับดวงตาได้ อีกทั้งผู้บริจาคที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งบางประเภท ไม่สามารถนำดวงตามาใช้ได้ ยืนยันผู้แสดงความจำนงไม่จําเป็นต้องพบแพทย์
วันนี้ (4 ก.พ.) ผศ.พญ.ลลิตา ปรียกนก ผู้อํานวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ส่งหนังสือชี้แจงกับทาง MGR Online กรณีที่ก่อนหน้านี้ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะที่ 4 มีความประสงค์จะบริจาคดวงตาแก่ นายดำเกิง มุ่งธัญญา ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพฯ ว่า ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานแห่งเดียวในประเทศไทย มีหน้าที่ในการรวบรวมดวงตา จากผู้บริจาคที่เสียชีวิตและจัดสรรให้แก่จักษุแพทย์นําไปใช้ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการทั่วประเทศ ที่ขึ้นทะเบียนจองดวงตาบริจาคกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
ทั้งนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเป็นวิธีการรักษาผู้ป่วยตาบอดจากโรคกระจกตาพิการ ทําโดยจักษุแพทย์ ผู้ให้การรักษาผู้ป่วยรายนั้นๆ ดวงตาที่ได้รับจากผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิต จะได้รับการตรวจสอบคุณภาพของกระจกตา เพื่อให้มีความเหมาะสม ปลอดภัย และศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยจะจัดสรรดวงตาให้แก่จักษุแพทย์นําไปใช้ผ่าตัด เปลี่ยนกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ผู้แสดงความจํานงบริจาคดวงตา ไม่จําเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการตรวจก่อนแสดงความจํานงบริจาคดวงตา
อย่างไรก็ตาม ผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อาทิเช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งตับบางประเภท มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยไม่สามารถนําดวงตามาใช้ประโยชน์ในการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาได้ การบริจาคดวงตาเป็นการแสดงความจํานงบริจาคดวงตาภายหลังเสียชีวิต เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการและไม่สามารถระบุผู้รับดวงตาได้