พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่คู่ราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่มีพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในสมัยกรุงสุโขทัย เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่มีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งด้วยความหมายต่างๆ สิ่งของที่ใช้ในพิธีก็ล้วนแต่เป็นมรดกที่ล้ำค่ามาแต่โบราณ และเป็นของใช้สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปยากจะมีโอกาสได้เห็น อย่างในหมวดพระแสงก็มี พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสะโตง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในประวัติศาสตร์ ที่เรียกกันว่า พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง
เหตุการณ์ที่มาของพระแสงปืนนี้ เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้านันทบุรง กษัตริย์แห่งพม่า ทราบว่าสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมขึ้นต่อหงสาวดีแล้ว อีกทั้งพระยาเกียรติพระยาราม ๒ พระยามอญที่ส่งไปเป็นไส้ศึก ก็แปรพักตร์ไปเข้าด้วยสมเด็จพระนเรศวร จึงให้ สุรกรรมา เป็นแม่ทัพหน้า พระมหาอุปราชาเป็นทัพหลวง ยกพล ๑๐๐,๐๐๐ ติดตามมาทันที
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมาถึงแม่น้ำสะโตง ทรงเก็บเรือย่านนั้นทั้งหมดและผูกแพเร่งพาครอบครัวมอญที่ติดตามมาด้วย พร้อมไพร่พลช้างม้าข้ามฟาก พอเสร็จสิ้นก็ให้เผาทำลายเรือแพทั้งหมด พอดีกับที่กองทัพหน้าของสุรกรรมาใกล้เข้ามา สมเด็จพระนเรศวรจึงให้นายทัพนายกองนำพระมหาเถรคันฉ่องและครัวมอญรีบล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพระองค์กับทหาร ๑๕,๐๐๐ ตั้งรับอยู่ริมฝั่ง ไม่ให้กองทัพพม่าข้ามมาได้
เมื่อสุรกรรมาถึงฝั่งตรงข้าม ได้สั่งทหารระดมยิงด้วยปืนทุกชนิดที่มีมา ส่วนสมเด็จพระนเรศวรก็รับสั่งให้ทหารเอาปืนหามแล่น ปืนนกสับคาบชุด ระดมยิงตอบโต้ แต่แม่น้ำสะโตงช่วงนั้นกว้างเกินกว่ากำลังปืนทั้งสองฝ่ายจะข้ามไปถึง จึงไม่มีไพร่พลฝ่ายใดได้รับอันตราย สมเด็จพระนเรศวรทอดระเนตรดังนั้นจึงทรงพระแสงปืนนกสับยาว ๑ วา ๑ คืบ เล็งไปที่สุรกรรมาซึ่งใส่เสื้อแดงนั่งเด่นอยู่บนหลังช้างริมฝั่ง กระสุนปืนต้องสุรกรรมมาตายตกจากหลังช้าง ไพร่พลพม่าเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็เร่งถอยออกจากริมฝังแล้วยกทัพกลับไป เมื่อทัพหลวงของพระพระมหาอุปราชาตามมาถึง รับรู้ถึงถึงความพ่ายแพ้ต่อพระองค์ดำอีกครั้ง จึงจำต้องพากันยกทัพกลับไปหงสาวดี
พระแสงปืนประวัติศาสตร์ที่สำแดงเดชข้ามแม่น้ำสะโตงกระบอกนี้ จึงได้ชื่อว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง”
นับเป็น ๑ ใน ๔ อย่างของพระบรมราชานุสรณ์ในพระวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งได้กลายเป็นพระราชสัญลักษณ์ความเป็นพระมหากษัตริย์แห่งชาติไทย ที่จะต้องนำเข้าตั้งเป็นเครื่องประกอบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดมา คือ พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง พระแสงดาบคาบค่าย พระมาลาเบี่ยง และพระแสงของ้าวพระยาแสนพลพ่าย