xs
xsm
sm
md
lg

“เที่ยวชมวัง ฟังดนตรี เมืองพระนารายณ์” ประจำปี 2562

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จังหวัดลพบุรี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “เที่ยวชมวัง ฟังดนตรี เมืองพระนารายณ์ ประจำปี 2562” มีประชาชนและนักท่องเที่ยวแต่งกายชุดไทยมาร่วมชมงานจำนวนมาก

ณ บริเวณพระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี เมื่ิอช่วงค่ำของวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ร่วมกับจังหวัดลพบุรี จัดงาน “เที่ยวชมวัง ฟังดนตรี เมืองพระนารายณ์ ประจำปี 2562” มีประชาชนและนักท่องเที่ยวแต่งกายชุดไทยย้อนยุค ร่วมสมัย เข้าชมงานจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดย นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมี นางอรพิณ จิระพันธ์วาณิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานลพบุรี นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการ กองการตลาดภาคกลาง ททท. และตัวแทนหน่วยงานภาคัฐและองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดผ้าไทย ย้อนยุคและร่วมสมัย เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

นางจิรารัตน์ มีงาม ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 โดยแต่ละปีจะมีศิลปินนักร้องชื่อดัง มาแสดงให้นักท่องเที่ยวได้รับชม ซึ่งปีนี้เป็น นักร้องชื่อดัง “ต้น สุชาติ ชวางกูร” มาแสดง นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวน 100 คนที่สนับสนุนโดย ททท. ภูมิภาคภาคกลาง มาร่วมงาน และมีนักท่องเที่ยวและประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียง เดินทางมาร่วมงานอีกจำนวนมาก



กิจกรรมนี้ ยังนับว่าเป็นการสร้างกระแสนำไปสู่การจัดงานสำคัญยิ่งใหญ่ คืองาน “แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ปีที่ 32 ซึ่งงานในช่วงนั้นจะจัดวันที่ 8-17 กุมภาพันธ์์นี้ เป็นงานสำคัญงานใหญ่ของชาวลพบุรี ที่ทุกคนตั้งใจสืบสานประเพณี มั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเม็ดเงินรวมถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว มาซึมซับกับบรรยากาศของการแต่งกายชุดไทยย้อนยุค นุ่งโจม ห่มสะไบ ชุดไทยร่วมสมัยในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ในโอกาสต่อไป”

ด้านนายไพรัชช์ ทุมเสน ผอ.กองการตลาดภาคกลาง ททท. กล่าวว่า “การจัดงานเที่ยวชมวัง ฟังดนตรี เมืองพระนารายณ์ เป็นการจัดงานเพื่อตอบสนองกับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภูมิภาคภาคกลาง ของ ททท. ซึ่งชูนโยบายมรดกแห่งสยาม หรือ Premium Nostalgia…More Legacy คือ นำสิ่งที่มีอยู่ของภาคกลาง เช่น วัด วัง มาเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวทั่วไป อย่างสถานที่วังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แห่งนี้ก็จะเป็นการจัดงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ และเป็นกิจกรรมหนึ่งเพื่อนำไปสู่การจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระณารานยณ์ ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะที่ภาคกลางก็ยังมีสถานที่ วัด วัง ที่น่าไปเที่ยวชมอีกเป็นจำนวนมาก จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวกันได้ หากสนใจสามารถ มาเที่ยวชมวัดวังในภาคกลางได้ สนใจสามารถรับรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทยครับ”


สำหรับกิจกรรมภายในงาน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แล้ว ยังมีการออกร้านค้า จำหน่ายสินค้า OTOP อาหาร และของที่ระลึกต่างๆ พร้อมฟังเรื่องเล่าแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผ่านชุดการแสดงแสดง “ลีลาศรำโทนร่วมสมัย” และ การแสดงอื่นๆ อีก อย่างหลากหลายให้ได้ชม

นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวในภาคกลางนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงถึงกันได้จากจังหวัดลพบุรีมายังจังหวัดสระบุรี และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแนะนำอีกหลายจุด อาทิ “สวนดอกเบญจมาศ บิ๊กเต้” ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี แหล่งปลูกดอกเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอมวกเหล็ก ตั้งอยู่ใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้นักท่องเที่ยวได้ชมสวนดอกเบญจมาศหลายสายพันธุ์ หลากสีสันพากันอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างละลานตา ไม่ต้องเดินทางไกลขึ้นเหนือไปชมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถมาชื่นชมความสวยงามของดอกเบญจมาศสวยๆ ได้ที่สวนบิ๊กเต้แห่งนี้ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของหุบเขา บนพื้นที่กว่าร้อยไร่มีให้ชมตลอดทั้งปี


“สวนดอกเบญจมาศ บิ๊กเต้” แห่งนี้บริหารงานโดยคุณกิตติคุณ พรหมพิทักษ์ หรือ “คุณเต้” ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจและใส่ใจในการดูแลดอกไม้ให้สวยงามดังที่เห็น และหากนักท่องเที่ยวชมความงามของดอกเบญจมาศสวยๆ แล้วอยากนำกลับไปชื่นชมต่อที่บ้าน หรือจะนำไปปลูกไปเป็นของฝากให้กับคนที่รัก ที่นี่เขาก็จำหน่ายอีกด้วย ชอบดอกไหนสีไหนสามารถเลือกได้เลยเพียงต้นละ 20 บาท คนสวนที่นี่เขาก็มีบริการตัดห่อให้ด้วยเป็นช่อสวยงามเสร็จสรรพ นำกลับไปปักแจกันหรือนำไปปลูกที่บ้านได้ สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “สวนบิ๊กเต้” โทร. 080 455 0659 เฟสบุค https://www.facebook.com/bigtaegarden

“ฟาร์มสายทอง” ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี แหล่งท่องเที่ยวที่ถูกใจคนชอบผลไม้และรักสุขภาพ เพราะที่นี่เขาเป็นแหล่งปลูกมัลเบอร์รี่หรือลูกหม่อนแบบเกษตรอินทรีย์ เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อการผลิตผักผลไม้เพื่อความปลอดภัย (GAP)


นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมและขอความรู้ จาก “ป้าน้อย” หรือ สายสุณีย์ สุวรรณดี เจ้าของฟาร์มที่เคยเป็นเกษตรกรเลี้ยงวัวและผันตัวเองมาปลูกต้นหม่อนหรือมัลเบอร์รี่แบบเกษตรอินทรีย์จนประสบความสำเร็จ ด้วยการน้อมนำเอาศาสตร์พระราชาและหลักเศษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ที่นี่นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์จากลูกมัลเบอร์รี่ที่ทำเป็นน้ำมัลเบอร์รี่ แยม ซอส และชาใบหม่อนแล้ว ที่นี่ยังสามารถเดินชมและเลือกเก็บลูกมัลเบอร์รี่สดๆ จากต้น นำไปให้เขาแพ็คใส่กล่องกล่องละ 50 บาท กลับไปรับประทานที่บ้านหรือจะนำไปเป็นของฝากก็ถูกใจและมีประโยชน์ไม่เบา หรือช่วงวันหยุดสนใจอยากจะมาพักผ่อนกางเต้นท์ ที่นี่ก็มีเปิดให้บริการอีกด้วย สนใจสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฟาร์มสายทอง โทร. 089-045-1558


หรือจะแวะไปพักไปเช็คอินที่ “Mela Garden” ที่พักสุดหรูดูดีมีดีไซน์สไตล์ยุโรป ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ออกแบบแนวอิตาลีคลาสสิค จำนวน 24 ห้องพัก แบ่งเป็นประเภท Deluxe, Terrazzo และ Stone Cottage การก่อสร้างคงรูปแบบและเทคนิคให้เหมือนชนบทในอิตาลี ให้ความรู้สึกสงบและกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง Mela Garden พิกัดอยู่ที่ ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “Mela Garden” โทร. 036-298-115 Email :mrlagarden@gmail.com, www.melagarden.com

และสถานที่ท่่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี แล้วต้องแวะไปเที่ยวที่ “ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อสค.” ซึ่งนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในตำนานที่มีประวัติอันยาวนานและน่าสนใจ ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ผลิตน้ำนมวัวคุณภาพดีและมีเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจอย่างที่สุด เพราะจุดกำเนิดเกิดจาก เมื่อปี พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในคราว เสด็จฯ ประพาสทวีปยุโรปได้เสด็จประทับแรม ณ ประเทศเดนมาร์ค ทรงสนพระทัยในกิจการฟาร์มโคนมของชาวเดนมาร์คเป็นอย่างมาก ด้วยทรงเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมน่าจะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและประเทศไทย หลังจากเสด็จฯ นิวัติประเทศไทย

รัฐบาลเดนมาร์คได้ถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเป็นของขวัญแด่ล้นเกล้า ทั้งสองพระองค์ เพื่อให้ดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยบรรลุตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเดนมาร์ค เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2504 โดยได้ดำเนินการจัดตั้ง “ฟาร์มโคนม” และ “ศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย – เดนมาร์ค” ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินี แห่งประเทศเดนมาร์คได้เสด็จพระราชดำเนิน ประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนม และศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย - เดนมาร์ค อย่างเป็นทางการ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2514 รัฐบาลได้รับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย - เดนมาร์ค จากรัฐบาลเดนมาร์ค และได้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้ชื่อว่า “องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย” (อ.ส.ค.) โดย อ.ส.ค. ถือเอาวันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็น “วันโคนมแห่งชาติ” ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้พระราชทานอาชีพการเลี้ยงโคนม ให้แก่ ปวงชนชาวไทย ตลอดจนเป็นการพบปะสังสรรค์ของผู้ที่อยู่ในวงการนี้ ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม

สำหรับ “ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อสค.” เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน มีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ร่วมทำและเรียนรู้ อาทิ การทำปุ๋ยชีวภาพจากนมวัว ชมการสาธิตการรีดนมวัว การป้อนนมลูกวัว และการขี่ม้า เป็นต้น และในวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ก็มีงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติประจำปี 2562” นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวงานได้ในช่วงนั้น
เรื่อง/ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม







กำลังโหลดความคิดเห็น