คนรักสุนัขต้องร้องว้าว! ถ้าได้มาคาเฟ่แห่งนี้ “Dog Country Café” ที่มากล้นไปด้วยสุนัขสายพันธุ์เล็ก กลาง และใหญ่ กว่า 20 สายพันธุ์ จำนวนเกือบ 200 ตัว มีค่าเข้าชมแค่เพียง 199 บาท แบบไม่จำกัดเวลา สามารถอยู่เล่นกับน้องหมาได้ทั้งวัน
จุดเริ่มต้นของร้านเกิดจากความชื่นชอบสุนัข จึงถ่ายทอดออกมาเป็นคาเฟ่น้องหมาเก๋ๆ เพื่อส่งต่อสิ่งที่รักไปยังคนที่มีหัวใจเดียวกัน
มาฟังเรื่องราวความเป็นมาของร้านตลอดจนการทำธุรกิจผ่านปากเจ้าของร้านวัยหนุ่ม “แอ็คทีฟ-ภณเอก ทวีกิจวาที” กันเลยดีกว่า…

เพราะใจรัก จึงอยากส่งต่อ...
Dog Country Café คาเฟ่ของคนรักสุนัข
เริ่มจากที่คุณพ่อชอบเลี้ยงสุนัข แล้วตัวผมเองก็ชอบเลี้ยงสุนัขด้วยครับ เดิมทีเราจะเลี้ยงสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) บีเกิล (Beagle) เป็นต้น
เราชื่นชอบถึงขนาดที่ว่าเราสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ทุกที่เพื่อที่จะได้ยังแหล่งและนำสุนัขกลับมา เหตุผลที่ผมชื่นชอบสุนัขเพราะว่าเขาเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะฉลาด ซื่อสัตย์ สามารถเป็นเพื่อนกับเราได้ด้วย
หลังจากนั้นมีอยู่วันหนึ่งคุณพ่อก็ได้ไปฟาร์มไซบีเรียน ฮัสกี้ อลาสกัน มาลามิวต์ และซื้อมาประมาณ 40 ตัว คุณพ่อมีไอเดียว่าทำไมเราไม่เปิดคาเฟ่หรือเปิดเป็นฟาร์มสุนัขแบบเปิด เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือคนรู้จักได้เข้ามาเล่นกับสุนัขของเราได้ โดยเราก็เก็บเงินค่าเข้าไม่ต้องแพง เพื่อที่จะได้นำมาใช้เป็นค่าเลี้ยงดูสุนัข สุดท้ายจึงตัดสินใจกันว่าเราจะเปิดคาเฟ่สุนัขในชื่อว่า “Dog Country Café”

เพียบพร้อมไปด้วยสุนัขกว่า 200 ตัว
ค่าเข้าเพียง 199 บาท ไม่จำกัดเวลา
ทางร้านเรามีสุนัขมากกว่า 20 สายพันธุ์ ประมาณเกือบ 200 ตัว มีทั้งหมด 3 โซน
โซนแรกจะเป็นคาเฟ่ ในโซนนี้จะประกอบไปด้วยที่นั่งไว้สำหรับรับประทานอาหาร มีสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา (Chihuahua) เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) บีเกิล (Beagle) เชา เชา (Chow Chow) ปั๊ก (Pug) ปอเมอเรเนียน (Pomeranian) และอีกมากมาย
ส่วนโซนที่ 2 จะประกอบไปด้วยสุนัขพันธุ์กลาง เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) ขนาดที่ยังไม่ใหญ่มาก
และโซนที่ 3 จะเป็นไฮไลต์ของทางร้านเลยครับ เพราะโซนนี้จะมีสุนัขที่มีฝูงเดียวในเอเชีย ฝูงเดียวในที่นี้ก็คือมาจากคอกเดียวกันทั้งหมด 7 ตัวเลยครับ และจะมีทั้งฝูงสีขาว ฝูงสีดำ ฝูงสีคอปเปอร์ และฝูงหลากหลายสี ซึ่งเราจะปล่อยสุนัขรอบละ 1 ชั่วโมง โซนนี้จะประกอบไปด้วยสุนัขใหญ่ เช่น ทิเบตัน มาสทีฟฟ์ (Tibetan Mastiff) ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) อลาสกัน มาลามิวต์ (Alaskan Malamute) โอลด์อิงลิช ชีปด็อก (Old English Sheepdog) ฯลฯ
ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใกล้ๆ เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏ ฯลฯ และลูกค้าที่เขาไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้ พอเขาอยากเล่นกับสุนัขก็จะมาที่นี่ บางคนก็จะใช้เวลาอยู่ที่นี่ทั้งวันเลยก็มีครับ เพราะเราเก็บค่าเข้าเพียง 199 บาท สามารถอยู่ได้ทั้งวัน ไม่จำกัดเวลาครับ อนาคตเราจะมีการขยายและต่อเติมร้าน และเพิ่มจำนวนสุนัขให้มากขึ้นกว่านี้ ใครที่รักสุนัขมาที่นี่รับรองว่าจะได้รอยยิ้มกลับไป ก้าวเข้ามาคุ้มค่าแน่นอนครับ

เน้นความสะอาด ปลอดภัย และการบริการเป็นหลัก
ทางร้านจะเข้มงวดเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และการบริการเป็นหลัก ในเรื่องความสะอาดก่อนเข้าร้านเราจะให้ล้างมือ ถอดรองเท้า เปลี่ยนรองเท้า ใส่ถุงเท้าคลุม และใส่ผ้ากันเปื้อน
ส่วนความปลอดภัยและการบริการนั้น ทางร้านจะมีพี่เลี้ยงสุนัขหลายทีมซึ่งมีการฝึกมาก่อนแล้ว พนักงานในร้านเรานอกจากจะต้องรักสุนัขแล้วต้องเข้าใจในพฤติกรรมของสุนัข และต้องรักการบริการลูกค้าด้วย เราก็จะแบ่งหน้าที่กันเลยว่าทีมไหนดูแลสุนัขโซนไหน ตรงนี้จึงทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึงครับ

ฝึกสุนัขไม่ต้องใช้ทักษะและจิตวิทยา
แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ
ช่วงที่ร้านเปิดแรกๆ ทางร้านจะจ้างครูฝึกมาฝึกสุนัขให้โดยเฉพาะเลยครับ และเราก็ไปศึกษาด้วยว่าเขาฝึกกันยังไง จากนั้นก็จะนำมาฝึกเองด้วย เช่น เราจะเน้นที่การฝึกปัสสาวะให้เป็นที่เป็นทาง ฝึกขอขนม เป็นต้น หรือเราจะให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับทางร้านด้วย อย่างเวลาที่เราจะพาสุนัขเล็กไปพักเบรก เราจะให้ทุกคนในร้านช่วยกันปรบมือเพื่อเป็นการฝึกสุนัขไปในตัว อะไรทำนองนี้ครับ
หลังจากที่ได้ฝึกฝนแล้ว ผมมองว่าสุนัขบางสายพันธุ์ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ ต่างกันที่แต่ละตัวมากกว่าที่จะดื้อจะซนต่างกันแค่ไหน ผมว่าการฝึกสุนัขไม่จำเป็นต้องใช้จิตวิทยาหรือทักษะอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ข้อแตกต่างแต่ละสายพันธุ์จะอยู่ที่การดูแลมากกว่าครับ เช่น สุนัขที่ขนยาวๆ จะต้องแปรงขนบ่อยกว่าสุนัขขนปกติ
สายพันธุ์ที่ผมมองว่าฝึกยากที่สุดเลยก็จะเป็น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เพราะน้องค่อนข้างที่จะอะเลิร์ต แรกๆ ก่อนฝึกเขาจะชอบกัดนั่นกัดนี่ตลอดเวลาเลย แค่จะขอมือ ฝึกให้เขานั่ง ผมก็ต้องใช้เวลาฝึกอยู่สักพักเหมือนกัน คือเราต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับเขา เขาก็จะเข้าใจว่าเราต้องการอะไร ก็เหมือนเราอยู่กับเด็กนั่นแหละครับที่เราจะต้องให้เวลาเขา ทำความเข้าใจกับเขาด้วย
ส่วนพันธุ์ที่ผมมองว่าฝึกง่ายสำหรับผมเลยจะเป็นพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) ผมไม่รู้ว่าคนอื่นฝึกยากไหมนะครับ แต่พันธุ์นี้ทางร้านเราฝึกง่ายมาก เขาจะอยู่นิ่งๆ ให้เราฝึก พันธุ์นี้จะใช้เวลาค่อนข้างน้อยครับ

มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้
ฝากถึงคนที่อยากเปิดคาเฟ่สุนัข
ความยากง่ายของการทำธุรกิจนี้คือ ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วไปซื้อสุนัขมาแล้วก็สามารถเปิดร้านได้เลย เพราะสุนัขก็เหมือนคน ถ้าเราทำให้เขาเข้าใจว่าเราต้องการอะไร สุนัขก็จะทำแบบนั้นให้เรา เราต้องใช้เวลา และทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจะทำและเข้าใจกับสุนัขก่อน เราต้องเข้าใจพฤติกรรม ต้องเข้าใจในเรื่องสุขภาพร่างกายของเขา ต้องดูแลเอาใจใส่ ทำให้เขาสุขภาพดีด้วย เพราะถ้าเขาสุขภาพไม่ดีมานอนป่วยอยู่ที่ร้านลูกค้าก็จะไม่กล้าเข้า
ส่วนคนที่อยากทำธุรกิจคาเฟ่สุนัข ผมว่าเราต้องเริ่มจากที่ไม่มองว่าน้องๆ เขาเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ อย่าไปคิดว่าเราซื้อสุนัขมาเพื่อหาเงิน หารายได้ แต่เราควรมองว่าเขาเป็นเพื่อนของเราคนหนึ่ง เรามีเพื่อนของเรา (สุนัข) และอยากให้เพื่อนๆ (ลูกค้า) มาเล่นกับเพื่อน (สุนัข) ของเราจะดีกว่า เหมือนกับว่าผมรักสุนัข ผมจึงอยากส่งต่อให้คนที่เขารักสุนัขเหมือนกัน มาหาความสุข ณ ที่แห่งนี้ครับ





ร้าน Dog Country Café ตั้งอยู่ที่ พุทธมณฑล สาย 2 ใกล้ฝั่งถนนบรมราชชนนี
เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-057-0194 , 085-155-0552
จุดเริ่มต้นของร้านเกิดจากความชื่นชอบสุนัข จึงถ่ายทอดออกมาเป็นคาเฟ่น้องหมาเก๋ๆ เพื่อส่งต่อสิ่งที่รักไปยังคนที่มีหัวใจเดียวกัน
มาฟังเรื่องราวความเป็นมาของร้านตลอดจนการทำธุรกิจผ่านปากเจ้าของร้านวัยหนุ่ม “แอ็คทีฟ-ภณเอก ทวีกิจวาที” กันเลยดีกว่า…
เพราะใจรัก จึงอยากส่งต่อ...
Dog Country Café คาเฟ่ของคนรักสุนัข
เริ่มจากที่คุณพ่อชอบเลี้ยงสุนัข แล้วตัวผมเองก็ชอบเลี้ยงสุนัขด้วยครับ เดิมทีเราจะเลี้ยงสุนัขหลากหลายสายพันธุ์ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) บีเกิล (Beagle) เป็นต้น
เราชื่นชอบถึงขนาดที่ว่าเราสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ทุกที่เพื่อที่จะได้ยังแหล่งและนำสุนัขกลับมา เหตุผลที่ผมชื่นชอบสุนัขเพราะว่าเขาเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะฉลาด ซื่อสัตย์ สามารถเป็นเพื่อนกับเราได้ด้วย
หลังจากนั้นมีอยู่วันหนึ่งคุณพ่อก็ได้ไปฟาร์มไซบีเรียน ฮัสกี้ อลาสกัน มาลามิวต์ และซื้อมาประมาณ 40 ตัว คุณพ่อมีไอเดียว่าทำไมเราไม่เปิดคาเฟ่หรือเปิดเป็นฟาร์มสุนัขแบบเปิด เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือคนรู้จักได้เข้ามาเล่นกับสุนัขของเราได้ โดยเราก็เก็บเงินค่าเข้าไม่ต้องแพง เพื่อที่จะได้นำมาใช้เป็นค่าเลี้ยงดูสุนัข สุดท้ายจึงตัดสินใจกันว่าเราจะเปิดคาเฟ่สุนัขในชื่อว่า “Dog Country Café”
เพียบพร้อมไปด้วยสุนัขกว่า 200 ตัว
ค่าเข้าเพียง 199 บาท ไม่จำกัดเวลา
ทางร้านเรามีสุนัขมากกว่า 20 สายพันธุ์ ประมาณเกือบ 200 ตัว มีทั้งหมด 3 โซน
โซนแรกจะเป็นคาเฟ่ ในโซนนี้จะประกอบไปด้วยที่นั่งไว้สำหรับรับประทานอาหาร มีสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา (Chihuahua) เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) บีเกิล (Beagle) เชา เชา (Chow Chow) ปั๊ก (Pug) ปอเมอเรเนียน (Pomeranian) และอีกมากมาย
ส่วนโซนที่ 2 จะประกอบไปด้วยสุนัขพันธุ์กลาง เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) ขนาดที่ยังไม่ใหญ่มาก
และโซนที่ 3 จะเป็นไฮไลต์ของทางร้านเลยครับ เพราะโซนนี้จะมีสุนัขที่มีฝูงเดียวในเอเชีย ฝูงเดียวในที่นี้ก็คือมาจากคอกเดียวกันทั้งหมด 7 ตัวเลยครับ และจะมีทั้งฝูงสีขาว ฝูงสีดำ ฝูงสีคอปเปอร์ และฝูงหลากหลายสี ซึ่งเราจะปล่อยสุนัขรอบละ 1 ชั่วโมง โซนนี้จะประกอบไปด้วยสุนัขใหญ่ เช่น ทิเบตัน มาสทีฟฟ์ (Tibetan Mastiff) ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) อลาสกัน มาลามิวต์ (Alaskan Malamute) โอลด์อิงลิช ชีปด็อก (Old English Sheepdog) ฯลฯ
ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยใกล้ๆ เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยราชภัฏ ฯลฯ และลูกค้าที่เขาไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้ พอเขาอยากเล่นกับสุนัขก็จะมาที่นี่ บางคนก็จะใช้เวลาอยู่ที่นี่ทั้งวันเลยก็มีครับ เพราะเราเก็บค่าเข้าเพียง 199 บาท สามารถอยู่ได้ทั้งวัน ไม่จำกัดเวลาครับ อนาคตเราจะมีการขยายและต่อเติมร้าน และเพิ่มจำนวนสุนัขให้มากขึ้นกว่านี้ ใครที่รักสุนัขมาที่นี่รับรองว่าจะได้รอยยิ้มกลับไป ก้าวเข้ามาคุ้มค่าแน่นอนครับ
เน้นความสะอาด ปลอดภัย และการบริการเป็นหลัก
ทางร้านจะเข้มงวดเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และการบริการเป็นหลัก ในเรื่องความสะอาดก่อนเข้าร้านเราจะให้ล้างมือ ถอดรองเท้า เปลี่ยนรองเท้า ใส่ถุงเท้าคลุม และใส่ผ้ากันเปื้อน
ส่วนความปลอดภัยและการบริการนั้น ทางร้านจะมีพี่เลี้ยงสุนัขหลายทีมซึ่งมีการฝึกมาก่อนแล้ว พนักงานในร้านเรานอกจากจะต้องรักสุนัขแล้วต้องเข้าใจในพฤติกรรมของสุนัข และต้องรักการบริการลูกค้าด้วย เราก็จะแบ่งหน้าที่กันเลยว่าทีมไหนดูแลสุนัขโซนไหน ตรงนี้จึงทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึงครับ
ฝึกสุนัขไม่ต้องใช้ทักษะและจิตวิทยา
แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ
ช่วงที่ร้านเปิดแรกๆ ทางร้านจะจ้างครูฝึกมาฝึกสุนัขให้โดยเฉพาะเลยครับ และเราก็ไปศึกษาด้วยว่าเขาฝึกกันยังไง จากนั้นก็จะนำมาฝึกเองด้วย เช่น เราจะเน้นที่การฝึกปัสสาวะให้เป็นที่เป็นทาง ฝึกขอขนม เป็นต้น หรือเราจะให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับทางร้านด้วย อย่างเวลาที่เราจะพาสุนัขเล็กไปพักเบรก เราจะให้ทุกคนในร้านช่วยกันปรบมือเพื่อเป็นการฝึกสุนัขไปในตัว อะไรทำนองนี้ครับ
หลังจากที่ได้ฝึกฝนแล้ว ผมมองว่าสุนัขบางสายพันธุ์ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ ต่างกันที่แต่ละตัวมากกว่าที่จะดื้อจะซนต่างกันแค่ไหน ผมว่าการฝึกสุนัขไม่จำเป็นต้องใช้จิตวิทยาหรือทักษะอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ข้อแตกต่างแต่ละสายพันธุ์จะอยู่ที่การดูแลมากกว่าครับ เช่น สุนัขที่ขนยาวๆ จะต้องแปรงขนบ่อยกว่าสุนัขขนปกติ
สายพันธุ์ที่ผมมองว่าฝึกยากที่สุดเลยก็จะเป็น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เพราะน้องค่อนข้างที่จะอะเลิร์ต แรกๆ ก่อนฝึกเขาจะชอบกัดนั่นกัดนี่ตลอดเวลาเลย แค่จะขอมือ ฝึกให้เขานั่ง ผมก็ต้องใช้เวลาฝึกอยู่สักพักเหมือนกัน คือเราต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับเขา เขาก็จะเข้าใจว่าเราต้องการอะไร ก็เหมือนเราอยู่กับเด็กนั่นแหละครับที่เราจะต้องให้เวลาเขา ทำความเข้าใจกับเขาด้วย
ส่วนพันธุ์ที่ผมมองว่าฝึกง่ายสำหรับผมเลยจะเป็นพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog) ผมไม่รู้ว่าคนอื่นฝึกยากไหมนะครับ แต่พันธุ์นี้ทางร้านเราฝึกง่ายมาก เขาจะอยู่นิ่งๆ ให้เราฝึก พันธุ์นี้จะใช้เวลาค่อนข้างน้อยครับ
มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้
ฝากถึงคนที่อยากเปิดคาเฟ่สุนัข
ความยากง่ายของการทำธุรกิจนี้คือ ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วไปซื้อสุนัขมาแล้วก็สามารถเปิดร้านได้เลย เพราะสุนัขก็เหมือนคน ถ้าเราทำให้เขาเข้าใจว่าเราต้องการอะไร สุนัขก็จะทำแบบนั้นให้เรา เราต้องใช้เวลา และทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจะทำและเข้าใจกับสุนัขก่อน เราต้องเข้าใจพฤติกรรม ต้องเข้าใจในเรื่องสุขภาพร่างกายของเขา ต้องดูแลเอาใจใส่ ทำให้เขาสุขภาพดีด้วย เพราะถ้าเขาสุขภาพไม่ดีมานอนป่วยอยู่ที่ร้านลูกค้าก็จะไม่กล้าเข้า
ส่วนคนที่อยากทำธุรกิจคาเฟ่สุนัข ผมว่าเราต้องเริ่มจากที่ไม่มองว่าน้องๆ เขาเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ อย่าไปคิดว่าเราซื้อสุนัขมาเพื่อหาเงิน หารายได้ แต่เราควรมองว่าเขาเป็นเพื่อนของเราคนหนึ่ง เรามีเพื่อนของเรา (สุนัข) และอยากให้เพื่อนๆ (ลูกค้า) มาเล่นกับเพื่อน (สุนัข) ของเราจะดีกว่า เหมือนกับว่าผมรักสุนัข ผมจึงอยากส่งต่อให้คนที่เขารักสุนัขเหมือนกัน มาหาความสุข ณ ที่แห่งนี้ครับ
ร้าน Dog Country Café ตั้งอยู่ที่ พุทธมณฑล สาย 2 ใกล้ฝั่งถนนบรมราชชนนี
เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-057-0194 , 085-155-0552