xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดกิจกรรมแรลลี่ ครั้งที่ 2 เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดกิจกรรมแรลลี่ ครั้งที่ 2 เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวภาคตะวันออกและภาคกลาง เมื่อวันที่ 12-13 มกราคม 2562 เที่ยวเมืองรอง เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย นำโดย นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน พร้อมคณะกรรมการบริหาร และสมาชิก จัดกิจกรรม “ทีซีเจเอ.แรลลี่มิตรภาพไทย-จีน ครั้งที่ 2” ทริปเดียวท่องเที่ยว 4 จังหวัด ปทุมธานี-นครนายก-สระบุรี-ลพบุรี


โดยเริ่มต้นปล่อยตัวจากจุดสตาร์ทบริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี คลองหก จังหวัดปทุมธานี มุ่งหน้า ค้นหา RC เป้าหมาย TCJA = Thailand Chainese Journalist Association สถานีแรก แลนด์มาร์คท่องเที่ยว จังหวัดนครนายก ที่ “เอเดนฟาร์ม” TC 1 โดยมี นางสาววรวรรณ ปราณีตพลกรัง และนางสาวเสาวนีย์ คนกล้า รองผู้อำนวยการ (ททท.) สำนักงานนครนายก ให้การต้อนรับ ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี พร้อมบริการข้อมูลข่าวสารแก่ผู้สื่อข่าวไทย-จีน และนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมอย่างเป็นกันเอง



TC 2 “วัดป่าสว่างบุญ” จังหวัดสระบุรี พุทธสถานที่มีพระมหาเจดีย์ 500 ยอด พระนอน 209 เมตร เป็นธรรมสถานที่ฆาราวาสวิถีพุทธ มาปฏิบัติกิจด้วยศรัทธา


จากนั้นเดินทางไป “สวนอาหารไทรทอง” จังหวัดสระบุรี มีนางอรสา อาวุธคม ผู้อำนวยการ (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา และนายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ รองผู้อำนวยการ รับผิดชอบพื้นที่สระบุรี ให้เกียรติร่วมรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมแถลงข่าวเรื่อง สถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2561 ที่ผ่านมาและทิศทางการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดอยุธยา-สระบุรี ปี 2562 “เส้นทาง Premium Nostalgia .. More Legacy ตามรอยมรดกแห่งสยาม” ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand “Open to the New Shades” หรือ “amazing ไทยเท่” ภายใต้ แนวคิด “เมืองไทย...สวยทุกที่ เท่ทุกเวลา” ซึ่งสื่อมวลชนไทย-จีนให้ความสนใจ

พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ให้ ททท. ช่วยแนะนำข้อมูลตามแหล่งท่องเที่ยว เป็นภาษาจีนได้ทราบรายละเอียดเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเริ่มให้ความสำคัญในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากมีละครโทรทัศน์ไทยเรื่อง “บุพเพสันนิวาศ” ที่ปลุกเร้าให้มีการท่องเที่ยวตามกระแส

ช่วงบ่าย TC 3 คณะแรลลี่สื่อมวลชนไทย-จีน ได้เข้าไปกราบสักการะพระพุทธบาท ที่ “วัดพระพุทธบาท” จังหวัดสระบุรี ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของสระบุรีอีกแห่งหนึ่ง แล้วเดินทางต่อเข้าพื้นที่จังหวัดลพบุรี เที่ยวชมแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของลพบุรี อาทิ ศาลพระกาฬ พระปรางค์สามยอด และบ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ช่วงเย็น TC 4 ก่อนเช็คอิน เข้าที่พัก โรงแรม O2 มีเวลา และสถานที่ ให้ได้ออกกำลังกลางสนามหญ้า ค้นหา RC ท้ายสุด จบภารกิจแรลลี่ ด้วยความสนุกสนาน อิ่มบุญ


และในช่วงค่ำ นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการ (ททท.) สำนักงานลพบุรี และนางสาวนงนุช สุวรรณรักษ์ รองผู้อำนวยการ พร้อมพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้รับรองคณะแรลลี่ฯ ด้วยอาหารไทย ที่ “ตลาดบ้านโบราณ 4 ภาค” มีการแสดงโชว์ของคณะนักศึกษานาฏศิลป์ลพบุรี และมอบรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนรางวัลและของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ ด้วย บรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเอง มีการแต่งชุดย้อนยุคไทยและจีน ร้องเพลง เต้นรำ จนได้เวลาพอสมควร 



กิจกรรมยามเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวไทย-จีน และสมาชิกนักท่องเที่ยวที่ร่วมคณะ ได้ร่วมทำบุญ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ที่ “วังนารายณ์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์” เที่ยวชมโบราณสถานที่มีประวัติศาสตร์สำคัญอันยาวนานก่อนแยกย้าย ท่องเที่ยวตามอัธยาศัย และเดินทางกลับ





นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดแรลลี่ครั้งนี้ “เป็นกิจกรรมในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้สื่อข่าวไทยและจีน เพราะปกติต่างคนต่างก็ทำงานไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะมีเวลายาว 2 วัน 1 คืน ที่จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน และทำความรู้จักกันมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันการที่เราจัดเป็นแรลลี่เราก็ต้องการนำชื่อเสียงของสมาคมฯมาสู่สังคมและสู่องค์กรต่างๆ สู่ภายนอกทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค ซึ่งครั้งนี้เราก็ได้มารู้จักกับ (ททท.) หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก อยุธยา และ ลพบุรี ทั้ง 3 สำนักงานของ ททท. ขณะเดียวกัน กิจกรรมครั้งนี้ก็เป็นการสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะเราจัดแรลลี่ครั้งนี้ได้วันเดียวเที่ยว 4 จังหวัด คือ ปทุมธานี นครนายก สระบุรี และก็มาจบที่ลพบุรี

เหตุที่เลือกเส้นทางนี้ก็เพราะว่าเป็นเล้นทางนี้ใช้เวลาไม่นานเกินไปสามารถเดินทางได้แบบสบายๆ มีจุดแวะพักได้ ซึ่งจริงๆ แล้วในภาคกลางยังมีอีกหลายจังหวัดมากในการจัดกิจกรรมแรลลี่ อย่างปีที่แล้วที่เราไปฝั่งตะวันตกก็คือจังหวัดกาญจนบุรี มาครั้งนี้เราก็อยากจะลองลัดเลาะดูบ้าง เพราะถ้าหากเรามาตรงๆ อย่างกรุงเทพฯมาอยุธยาสามารถไปกลับได้เลยมาลพบุรีก็ได้ ประทุมหรือนครนายกนี้ไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าเราจัดเป็น route เส้นทางที่แวะเที่ยวได้หลายจังหวัด ก็ทำให้เราได้แวะเที่ยวได้หลายแห่ง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้ว่าครั้งนี้หลายคนที่มาร่วมก็ยังไม่เคยมาพักลพบุรี ไม่เคยมานอนสระบุรี หรือที่ วัดป่าสว่างบุญ หลายๆ คนก็ยังไม่เคยไปเยี่ยมเยือน เป็นต้น

การที่ ททท. มาร่วมกิจกรรมกับเราถึง 3 สำนักงาน เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ททท. ให้ความสนใจและให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาคมฯ โดยเฉพาะสื่อมวลชนจีน เพราะว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทย 10 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 38 ล้านคน และในปี 2562 รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 40 ล้านคน ในจำนวนนี้จะเป็นเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวจีน 11 ล้านคน ซึ่งถ้า 11 ล้านคนมาจริงๆ หลายๆ จังหวัดก็อยากจะเชิญชวนให้แวะมาเยือนจังหวัดเขาบ้าง ดังนั้นถ้าเขารู้ว่านักท่องเที่ยวจีนต้องการอะไร และเขารู้จักที่จะทำการตลาดกับจีนได้ ก็จะทำให้แต่ละจังหวัดสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ ซึ่งทางสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เองก็ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนด้วยครับ”

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน มีวัตถุประสงค์สำคัญก็คือต้องการจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสื่อไทยกับสื่อจีน ขณะเดียวกันเราก็ต้องการจะยกระดับความรู้ความสามารถสื่อไทยในมุมที่เกี่ยวกับจีน คือ ทำอย่างไรให้รู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศจีนให้มากขึ้น และมีความรู้มีความเข้าใจที่เกี่ยวกับประเทศจีนและผู้คนรวมถึงการพัฒนาการของเขา ดังนั้นจึงทำให้มีกิจกรรมหลายๆ อย่างที่จะมาส่งเสริมสิ่งนี้ เช่น หลักๆ เราจะมีการจัดสัมมนา อบรม สัมมนาประเด็นที่เกี่ยวพันธ์ระหว่างไทย-จีน 2 ครั้ง เรามีเสวนาโต๊ะกลมซึ่งเป็นกิจกรรมสั้นๆ ครึ่งวันซึ่งจะมีหลากหลายหัวข้อที่ hot issue หรือว่า cerrent หน่อย และมีการพาสื่อมวลชนไทยไปเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับเมืองจีนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในประเด็นที่น่าสนใจ เช่น เราเคยพาไปชมเรื่องของรถไฟความเร็วสูงหรือเกาเถี่ยถึงโรงงานผลิต เราอาจจะมีการอบรมเกี่ยวกับภาษาจีนเพื่อทำใหสื่อมวลชนไทยมีความรู้เรื่องภาษาจีนบ้างหรือว่ามากขึ้น อย่างนี้เป็นต้น”
เรื่อง/ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม

กำลังโหลดความคิดเห็น