ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กต่ำกว่า 2.5 ไมครอนปกคลุมกรุงเทพฯ เผยนายกฯ ห่วงใยและสั่งการให้แก้ไขปัญหา ชี้ผลกระทบลามไปถึงพื้นที่ปริมณฑลแล้ว
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ห้องเจ้าพระยา ชั้น 1 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อเวลา 13.15 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กทม. ประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM 2.5) เกินมาตรฐานในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ รองเสนาธิการทหารบก, พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) รวมทั้งผู้แทนจากกรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมอนามัย มาร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ก่อนการประชุม พล.อ.อัศวิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีข้อห่วงใยและสั่งการให้แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน เพราะส่งผลกระทบไปถึงจังหวัดใกล้เคียง เช่น อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งตนได้เชิญอธิบดีกรมควบคุมมลพิษมาให้ข้อมูล
ด้านนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้อธิบายในที่ประชุมเบื้องต้น ว่า สถานการณ์ในภาพรวม ก่อนหน้านี้ได้ประชุมร่วมกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้มีมาตรการในการแก้ไขปัญหาพร้อมกับตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ระหว่างเดือน ธ.ค. 2561 ถึง เม.ย. 2562 เบื้องต้นได้คุยกับทาง กทม. เสนอให้พ่นน้ำและคุมพื้นผิวการจราจร และระยะต่อไปได้คุยกับผู้ประกอบการรถยนต์และกระทรวงพลังงาน ในเรื่องการปรับเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์
ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากการศึกษาวิเคราะห์พบว่า 50-60% เกิดจากรถปิกอัพ รถบรรทุก รถประจำทาง ขสมก. ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ อีก 35% เกิดจสกการเผาในที่โล่ง กรมควบคุมมลพิษได้คุยกับปลัดกรุงเทพมหานครแล้ว ได้มีมาตรการห้ามเผาในที่โล่ง 2 เดือน พร้อมกับ 5 จังหวัดปริมณฑล อาทิ สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ซึ่งวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดสั่งห้ามไม่ให้มีการเผาในที่โล่งในช่วง 2 เดือน ที่เหลือประมาณ 5-10% เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม และการปลิวมาจากที่อื่น
เมื่อทราบว่าต้นเหตุเกิดจากยานพาหนะ ทางกรมควบคุมมลพิษและ บก.จร. ได้เข้าไปตรวจวัดควันดำ และบังคับใช้กฎหมายกับรถใหญ่ ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกเสนอให้เข้มฃวดเรื่องเวลาห้ามรถที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ขนส่ง เข้าเมืองตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ส่วนการทำฝนหลวง ได้พูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งได้เตรียมการมานานแล้ว และได้ลงนามร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ถ้าพบปัญหา กรมฝนหลวงจะทำทันที แต่ขึ้นอยูกับสภาวะความชื้นสัมพัทธ์ได้ 60% หรือไม่ รวมทั้งระบบลมและองค์ประกอบหลายอย่าง
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบายว่า กรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า ปริมาณความกดอากาศสูง กทม.เหมือนอยู่ในโดม 1.5 กิโลเมตรจากพื้นผิวขึ้นไป เมื่อฝุ่นละออง PM 2.5 มีขนาดเล็ก 20 เท่าของปลายเส้นผม และไม่สามารถลอยไปทะลุโพรงนี้ได้ จากการสังเกตพบว่าเมื่อวันที่ 28-29 ธ.ค. 2561 มีฝนตกลงมา หลังจากนั้นวันหยุดยาวอากาศคุณภาพดี ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ต่ำกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากนั้น วันที่ 9-10 ม.ค. 2562 ค่าฝุ่นละอองกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่โชคดีที่วันที่ 11-12 ม.ค. 2562 กลับลดลง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในสัปดาห์นี้น่าจะดีขึ้น ในวันนี้จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศจากสถานีบนถนน 25 จุด และสถานีด้านในจากถนนอีก 18 จุด ไม่มีสีแดงขึ้นเลย คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
