เจาะความสัมพันธ์ "ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นักการเมืองหนุ่มหล่อ ว่าที่ รมต.เกษตร ของไพร่หมื่นล้าน "ธนาธร" หลาน "คนผมขาว" ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้มากบารมีข้างกายทักษิณ
... รายงาน
“เขาจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของพรรคอนาคตใหม่”
นี่เป็นคำพูดของไพร่หมื่นล้าน "เสี่ยเอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระหว่างแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค "ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นักธุรกิจหน้าตาดี ดีกรีนักเรียนนอก เมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) ที่ จ.บุรีรัมย์
ชื่อของ "ทิม พิธา" เป็นที่รู้จักกันดี ทั้งในแวดวงนักธุรกิจ รวมทั้งแวดวงบันเทิง ยังเป็นสามีของนักแสดงสาว "ต่าย ซีซั่นเชนจ์" ชุติมา ทีปะนาถ จากภาพยนตร์เรื่อง Season Change ฉายในปี 2549
ควงคู่เข้าพิธีวิวาห์ไปในวันฤกษ์งามยามดี วันที่ 5 เดือน 5 ปี 55 แม้ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตคู่มานานกว่า 6 ปี มีพยานรัก 1 คนคือ "น้องพิพิม" จะยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็พยายามแก้ไขกันอยู่
"ทิม" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับดาราสาวภรรยา "ต่าย" ชุติมา ทีปะนาถ ที่ปลายปี 61 ตกเป็นข่าวว่าครอบครัวมีปัญหา
กระทั่งเขาตัดสินใจลงเล่นการเมืองกับพรรคการเมืองทางเลือกอย่าง "พรรคอนาคตใหม่" ที่เสี่ยเอกเป็นผู้ก่อตั้ง โดยเตรียมที่จะผลักดันนโยบาย "เกษตรก้าวหน้า"
แก้ปัญหาที่ดินทำกินและหนี้ รวมทั้งการปลดหนี้ให้เกษตรกร หากได้เป็นรัฐบาล วาดฝันเอาไว้ว่าจะเสนอปลดหนี้ให้เกษตรกรที่ไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้ 4,000 ล้านบาท
ส่วนเกษตรกรที่มีศักยภาพจะเข้าสู่กระบวนการปรับหนี้สิน และจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
อาจมีคนอยากรู้มากกว่านี้ว่า "ทิม พิธา" นักการเมืองหน้าใหม่คนนี้เป็นใคร มาจากไหน ยิ่งนามสกุล "ลิ้มเจริญรัตน์" ก็ยิ่งใคร่รู้ว่าเป็นอะไรกับ "คนผมขาว" ในตำนานการเมืองไทย
"ทิม พิธา"เกิดวันที่ 5 ก.ย. 2524 เป็นบุตรชายของ "พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์" อดีตที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กับ "ลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นพี่ชายของ "เทียน ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์"
เรียนมัธยมฯ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตรียนวิทยาลัย ก่อนไปใช้ชีวิตที่นิวซีแลนด์นานถึง 7 ปี กลับมาเรียนที่เมืองไทยจนจบปริญญาตรี สาขาการเงิน การธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ก่อนศึกษาต่อและจบปริญญาโท คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และต่อด้วยบริหารธุรกิจ ที่เอ็มไอที สโลน สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
จุดเปลี่ยนชีวิตของพิธา เกิดจากบิดาที่เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด พร้อมกับหนี้สินนับร้อยล้านบาท จากธุรกิจน้ำมันรำข้าว เขาจึงตัดสินใจดรอปเรียนและกลับมาดูแลธุรกิจแทน
กระทั่งล้างหนี้สิน สร้างธุรกิจเติบโตมูลค่าเป็นพันล้านบาท ซึ่งเขาระบุว่า เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และอันดับ 5 ของโลก
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง "ทิม พิธา" กับผู้เป็นอา "คนผมขาว" เสี่ยเฮง-ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจ
เพราะคนผมขาวคนนี้ จัดเป็นคนใกล้ชิดทักษิณ มาตั้งแต่ทำงานเอสซี แอสเสท และเด่นชัดมากขึ้นเมื่อทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี แทบจะเป็นเงาหิ้วกระเป๋า-ถือโทรศัพท์ตามติด
ข้าราชการที่ต่างๆ ต่างสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อ "ผดุง" เพราะในเวลานั้นจัดว่า "ใหญ่คับฟ้า" ทักษิณอยากได้อะไร ผดุงจัดให้หมด รวมทั้งแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทักษิณอย่างออกนอกหน้า
ทิม พิธา เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Who Magazine เมื่อปี 2551 ว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา ยังได้คุยกับบิดา ตอนนั้นยังรู้สึกว่าบิดามีสุขภาพแข็งแรง จะมีก็เป็นไข้เล็ก ๆ
กระทั่งวันที่ 19 ก.ย. 2549 รู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง จึงโทรศัพท์ไปหามารดา ปลายสายกล่าวว่า "พ่อเข้าไอซียู" ทำให้เขาตกใจ แต่ช่วงนั้นไม่ยอมบอกความจริงว่าบิดาเสียชีวิตแล้ว
ระหว่างนั้น ผดุง ที่ติดตามนายกฯ ทักษิณ ไปประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โทรศัพท์มาว่า ให้รีบเดินทางกลับไทยโดยด่วน จึงนั่งเครื่องบินจากนครบอสตันไปยังนิวยอร์กทันที
จังหวะที่ไปซื้อตั๋วเครื่องบิน ก็เห็นข่าวจาก CNN ว่า ประเทศไทยมีรัฐประหาร ยึดอำนาจจากทักษิณ มาถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท นิวยอร์ค ผดุงพาไปนั่งข้างๆ แล้วบอกว่า "พ่อเสียแล้ว"
เมื่อเป็นห่วงแม่กับน้องชาย เพราะไม่มีพ่อครอบครัวจะอยู่อย่างไร จึงตัดสินใจบินกลับไทยทันที แต่เมื่อไม่มีไฟล์ทบินกลับไทยโดยตรง จึงต้องนั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำของทักษิณไปลงที่อังกฤษ เพื่อต่อเครื่องกลับไทย
เมื่อเครื่องบินเช่าเหมาลำของทักษิณ แตะพื้นสนามบินกองทัพอากาศ เห็นรถถังวิ่งเข้ามาจอด 3 คัน ตรงทางลงของเครื่องบิน และมีทหารหลายนายวิ่งขึ้นมาบนเครื่อง เมื่อเห็นว่าใส่เสื้อผ้าแบบปอนๆ เพียงชุดเดียว พยายามถามว่าเป็นใคร
เมื่อบอกชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ก็อธิบายกับทหารจนเลือดเกือบขึ้นหน้า เป็นนักเรียนที่อเมริกา พอดีพ่อเสียชีวิตเลยรีบจะมางานศพ ในที่สุดต้องบอกว่า "ไม่เกี่ยวกับการเมือง" ทหารก็ยอมปล่อยตัวออกมา
หลังรัฐประหารปี 2549 ชื่อของผดุงก็เงียบหายไประยะหนึ่ง กระทั่งพบว่า ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผดุง กลับมารับหน้าที่เป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย ที่มีเจ้ากระทรวงชื่อ "จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ"
ว่ากันว่า "ผดุง" ถูกวางให้ดูอะไรบางอย่าง ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายคุมคนในกระทรวงมหาดไทย
ชื่อของผดุง ถูกฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ชำแหละอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีบริษัทจัดการน้ำภาคตะวันออก "อีสต์วอเตอร์" พาผดุงไปมาเลเซีย พร้อมกับอดีตบอร์ด "โต้ง-ชินวัฒน์ อัศวโภคี"
มาถึงรัฐประหารครั้งล่าสุด 22 พ.ค. 2557 ผดุง ก็ถูก คสช. เรียกมารายงานตัวตามคำสั่งที่ 23/2557 จึงได้เห็นผดุงมารายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2557
ผดุง ถูกนำตัวไปปรับทัศนคติที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี 3 วัน ถูกสอบสวนว่าใช้อิทธิพลย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดไปกี่คน ก็ตอบไปว่าไม่รู้เรื่อง กระทั่งปรับทัศนคติทำความเข้าใจร่วมกัน ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน
นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับผดุงออกมาผ่านสื่ออีกเลย
สำหรับ "ทิม พิธา" แม้จะไม่เคยมีบทบาททางการเมืองมาก่อน แต่เขาเคยกล่าวว่า อยากเป็นนักการเมือง เพราะเบื่อข่าวที่หาว่าไทยสู้ประเทศอื่นไม่ได้ จึงอยากนำความรู้ที่ได้มาจากผู้นำระดับโลกมาพัฒนาประเทศ
"สิ่งที่อยากจะเข้ามาดูคงต้องเป็นเรื่องที่ถนัดเกี่ยวกับเกษตร กระทรวงเกษตร หรือไม่ก็การค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จริงๆ อะไรก็ได้ที่ผมทำได้ตามความรู้ที่ผมได้ทำและได้เรียนมา"
ผ่านมา 10 ปี เราจึงได้เห็น "ทิม พิธา" ลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคอนาคตใหม่ ที่สร้างกระแสทางการเมืองหลายครั้ง แม้จะไม่มีฐานเสียงในมือเหมือนพรรคการเมืองอื่นก็ตาม
มองกันอย่างผิวเผิน แม้ "ทิม พิธา" กับ "คนผมขาว" จะเป็นคนในตระกูลเดียวกัน แต่เมื่อสาวลึกเข้าจริงกลับพบว่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนยิ่งห่าง
เพราะแม้พรรคอนาคตใหม่ จะเป็นขั้วการเมืองที่ไม่เอา คสช. เหมือนกัน แต่ไม่เด่นชัดว่าเป็นพรรคหนึ่งในกลยุทธ์ "แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย" เหมือนพรรคอื่นๆ ตามยุทธศาสตร์สู้ศึกเลือกตั้ง ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร