กรุงเทพฯ ได้ลุ้นเจ้าภาพซัมมิต “คิม-ทรัมป์” สหรัฐฯ ส่งทีมเก็บข้อมูลเปรียบเทียบฮานอย-ฮาวาย

ทำเนียบขาวส่งทีมเก็บข้อมูล กรุงเทพฯ-ฮานอย-ฮาวาย เพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็นสถานที่จัดประชุมซัมมิต รอบที่ 2 ระหว่าง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยเมืองหลวงของไทยมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด

วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ส่งทีมงานไปเก็บข้อมูลที่กรุงเทพฯ ฮานอย และฮาวาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดระหว่างนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในเร็วๆ นี้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังต่อรองเรื่องสถานที่จัดประชุมรอบสอง แต่ทางวอชิงตันยังไม่ได้ตัดสินใจหรือเสนอต่อทางเกาหลีเหนือว่าจะเป็นที่ใด ขณะที่การพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายเพื่อหารือเรื่องสถานที่ก็ยังไม่มีขึ้นเช่นกัน

ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าการประชุมหารือในระดับคณะทำงานของทั้งสองฝ่ายจะมีขึ้นเมื่อใด แต่ก็ยังคงมีการติดต่อระหว่างกันอยู่ตลอด

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเป็นห่วงว่าหากมีการจัดประชุมซัมมิตที่ฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม จะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาด เพราะจะเกิดการเปรียบเทียบระหว่างเกาหลีเหนือกับเวียดนามที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมเหมือนกัน แต่เวียดนามเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศและพัฒนาไปสู่ความทันสมัย ซึ่งคิมจองอึนไม่ต้องการจะเลียบแบบ เพราะนั่นจะทำให้เขาสูญเสียอำนาจการควบคุมภายในประเทศไป

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม-สหรัฐฯ นับวันจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปอมเปโอถึงกับบอกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่มหัศจรรย์ และชี้ว่านี่จะเป็นตัวอย่างแนวทางให้เกาหลีเหนือต้องเดินตามหลังจากมีการปลดนิวเคลียร์แล้ว โดยอ้างว่าเวียดนามได้ประโยชน์มหาศาลจากการค้าขายกับสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 8,000% ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

“ด้วยความเจริญรุ่งเรืองที่เกินจินตนาการจากความสัมพันธ์ที่เรามีกับเวียดนามในวันนี้ ผมขอส่งสารไปยังประธานคิมจองอึนว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อมั่นว่าประเทศของท่านจะเดินตามเส้นทางนี้ได้” ปอมเปโอกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญจึงเชื่อมั่นว่า กรุงเทพฯ จะเป็นตัวเลือกที่ตัดทิ้งไม่ได้เลย ทั้งนี้ เพราะประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือ และมีความคล้ายคลึงกับสิงคโปร์ สถานที่ซึ่งทรัมป์และคิมประชุมซัมมิตกันเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งหากเลือกกรุงเทพฯ ทางการเปียงยางสามารถส่งทีมงานมาเตรียมการประชุมโดยผ่านสถานทูตได้ ซึ่งแตกต่างจากฮาวายโดยสิ้นเชิง

นายโจยุน (Joe Yun) อดีตผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำเกาหลีเหนือ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า สิ่งที่จะทำให้เกิดความยุ่งยากสำหรับฮาวายคือที่นั่นไม่มีสถานทูตของเกาหลีเหนือ และถ้าจะให้จัดประชุมในสหรัฐฯ แล้ว นิวยอร์กยังจะเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากมีคณะผู้แทนของเกาหลีเหนือประจำอยู่ เช่นเดียวกับ เจนีวา และสตอกโฮล์ม ในยุโรป

ขณะที่ทางฝ่ายเกาหลีเหนือต้องการให้จัดประชุมที่เปียงยาง แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าทางฝ่ายอเมริกาจะไม่เห็นด้วย