พบคนไข้โรคเบาหวานปลูกพืชสมุนไพรจีน "หนาน เฉา เหว่ย" รับประทานเองแล้วทิ้งยาแผนปัจจุบัน อ้างว่าข้างบ้านกินแล้วหาย สุดท้ายสมองขาดเลือด ไขมันแอลดีแอลพุ่ง เบาหวานขึ้น ก่อนหน้านี้เภสัชกรก็ออกมาเตือนแล้วว่าอันตรายถึงตายได้
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. เฟซบุ๊กเพจ "Neurologist P" ได้เปิดเผยผลการตรวจร่างกายของสุภาพสตรีรายหนึ่ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการสมองขาดเลือด ไขมันแอลดีแอลวัดได้ 235 เพิ่มขึ้นประมาณ 100 และค่าเบาหวานเพิ่มขึ้นจาก 8 เป็น 10 โดยจากคำบอกเล่าของคนไข้รายนี้พบว่าตั้งแต่ปลูกสมุนไพร หนาน เฉา เหว่ย มารับประทานเอง ตนได้ทิ้งยาแผนปัจจุบัน โดยอ้างว่าข้างบ้านกินแล้วหายเป็นเบาหวาน และอ้างว่ามีงานวิจัยมาแล้ว ทั้งที่งานวิจัยของสมุนไพร หนาน เฉา เหว่ย มีแต่งานทดลองในหนู และเป็นหนูที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานโดยตรงถูกกระตุ้นให้เป็น มีเฉพาะงานวิจัยจากจีนเท่านั้น ซึ่งยังเล็กมาก ถ้าเทียบกับยาที่คนไข้ได้รับก่อนหน้านี้
เมื่อถามความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานจากคนไข้ เป็นที่น่าตกใจ เพราะคนไข้คิดว่าเบาหวานคือน้ำตาลสูง เป็นของมันเองโดยไม่รู้สาเหตุ เมื่อกินยาเบาหวานนานๆ เริ่มรู้สึกไม่อยากกินยา คิดว่าคนกินยาความดัน เบาหวาน ก็เห็นเป็น ไต ตายกันทั้งนั้น กินไปก็ไม่เห็นหาย หากเบาหวานเป็นนานๆ คุมไม่ดี ก็มาหาหมอบ่อย กินยาเพิ่ม ซึ่งแพทย์เห็นว่า ความรู้เรื่องโรคและยาสำหรับโรคเรื้อรังสำคัญมาก ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้สูงอายุมีโอกาสปรับยาเองตามความสบายใจได้เยอะมาก เช่น ลดลงครึ่งหนึ่ง กินวันเว้นวัน กินวันเว้นสองวัน หนักที่สุดสัปดาห์ละเม็ด และที่เจอบ่อยคือญาติบุคลากรทางการแพทย์
สำหรับสมุนไพรหนานเฉาเหว่ย หรือป่าช้าเหงา เป็นสมุนไพรจากประเทศจีน ส่วนที่ใช้เป็นยาคือ ใบ ทั้งแบบกินใบสด และนำไปต้มดื่มกับน้ำ ก่อนหน้านี้ ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ เภสัชกรชำนาญการศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เคยออกมาเตือนว่า ผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิตได้ดีอยู่แล้วด้วยยาแผนปัจจุบัน ไม่แนะนำให้กินป่าช้าเหงา เพราะสมุนไพรไม่ได้ทำให้โรคดังกล่าวหายขาด และอาจเสริมฤทธิ์ยาแผนปัจจุบันจนเกิดอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้