สมาชิกสภาแห่งชาติลาว แขวงผ้งสาลี โต้เดือด สปริงนิวส์ อ้างคำพูดตนเองให้สัมภาษณ์วีโอเอใส่ร้าย“รถไฟลาว-จีน”อ้างคนลาวได้รับผลกระทบ แต่ได้ประโยชน์แค่เศษเนื้อ ชี้บิดเบือน ไม่ตรงข้อเท็จจริง ไร้จรรยาบรรณ ยันไม่เคยให้สัมภาษณ์วีโอเอ เสนอเอาผิดตามกฎหมาย พร้อมจี้ 2 นักข่าวรับผิดชอบและขอโทษประชาชนลาว
วันนี้(21 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก สำนักข่าวสารประเทศลาว (ปะเทดลาว - Pathedlao) ได้โพสต์ข้อความชี้แจงข่าว โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนาย คำสุก บุนยะวง สมาชิกสภาแห่งชาติ เขต 2 แขวงผ้งสาลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่า ตนเองไม่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเสียงอเมริกา หรือ VOA ตามที่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ในประเทศไทยได้รายงานเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างโครงการทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งเป็นการบิดเบือนความจริงและมีลักษณะใส่ร้ายป้ายสี
ทั้งนี้ นายคำสุกได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวสารประเทศลาวเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ออกข่าวในครั้งนี้ไม่ใช่คำกล่าวของตนที่แสดงความเห็นในที่ประชุมสภาสมัยสามัญครั้งที่ 6 ของสภาแห่งชาติชุดที่ 8 และตนไม่ได้ไปให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าววีโอเอ และถือว่านักข่าวสปริงนิวส์ (2 คนชาย-หญิง) ขาดจรรยาบรรณ ไม่น่าเชื่อถือ และเป็นการเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องกับเนื้อในโครงการรถไฟลาว-จีนแต่อย่างใด
การออกข่าววิจารณ์บิดเบือนนั้นเป็นการเสกสรรปั้นแต่ง สร้างกระแสข่าวให้ประชาชนและสังคมเข้าใจผิดต่อการลงทุนร่วมมือลาว-จีนในโครงการนี้ โดยสรุปก็คือ ช่องสปริงนิวส์บอกว่า “ประชาชนแขวงผ้งสาลีได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการนี้” ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะว่าแขวงผ้งสาลีไม่มีเส้นทางรถไฟผ่านเลย ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข่าวที่ไม่รู้เรื่อง เนื่องจากตลอดระยะเส้นทางรถไฟที่มีความยาว 409 กิโลเมตรได้ผ่านแขวงอื่น เช่น แขวงหลวงน้ำทา 16.9 กิโลเมตร อุมดมไซ 126.9 กิโลเมตร หลวงพระบาง 80 กิโลเมตร แขวงเวียงจันทร์ 145.5 กิโลเมตร และนครหลวงเวียงจันทร์ 40 กิโลเมตร
ที่สปริงนิวส์บอกว่า รัฐบาลลาวกู้ยืมเงินจากจีนและจ้างจีนมาก่อสร้างให้นั้น ก็ไม่ถูกต้อง เพราะว่าภายหลังจากที่มีการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจและเทคนิคของโครงการนี้แล้ว ทั้งรัฐบาลลาว-จีนได้เห็นชอบและตกลงที่จะร่วมลงทุนด้วยกัน โดยฝ่ายลาวถือหุ้น 30% ฝ่ายจีนถือหุ้น 70% แล้วทั้งสองฝ่ายได้ตกลงตั้งบริษัทร่วมทุนทางรถไฟลาว-จีน รวมทั้งได้ดำเนินการประมูลเพื่อคัดเลือก 9 บริษัทก่อสร้าง 3 บริษัทที่ปรึกษา และ 3 บริษัทที่ปรึกษาภาคส่วนที่สาม พร้อมได้มีการประมูลจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบการ
“ส่วนข่าวที่ว่า ท้าวคำสุก สมาชิกสภาแห่งชาติ แขวงผ้งสาลี ให้สัมภาษณ์วีโอเอภาคภาษาลาวโดยบอกว่าจีนกำลังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ระหว่างลาว-จีนนั้น แต่ความจริง ข้าพเจ้าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ และไม่ได้พูดแบบนี้เลย คำพูดที่นักข่าวทั้งสองพูดออกมานั้นเป็นการแบ่งแยกสายสัมพันธ์ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างลาว-จีน และไม่ใช่คำพูดที่เป็นไปในทางที่ดี”นายคำสุกกล่าว
เกี่ยวกับปัญหาแรงงาน นักข่าวสปริงนิวส์บอกว่า “เป็นเรื่องที่ทุเรศ”นั้น ซึ่งแปลเป็นภาษาลาวก็มีความหมายดูหมิ่นประมาทประชาชนลาวและชาติลาว ซึ่งเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกับที่ข้าพเจ้าได้แสดงความเห็นในที่ประชุมสภาแห่งชาติลาว ส่วนที่นักข่าวบอกว่า “จีนติดหนี้ค่าชดเชย” ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นการเข้าใจไม่ถูกต้อง เพราะในสัญญาสัมปทานระบุว่าค่าชดเชยที่ดินนั้นให้รัฐบาลลาวเป็นผู้รับผิดชอบ และค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้าง สิ่งกีดขวาง ให้บริษัทร่วมทุนลาว-จีนเป็นผู้รับผิดชอบ
นักข่าวทั้งสองคนได้สรุปว่า “ลาวเพิ่งจะรู้ว่าตนเองได้แค่เศษเนื้อ” หรือความหมายภาษาลาวก็คือได้แต่เศษเนื้อชิ้นเล็กๆ ในโครงการก่อสร้างรถไฟนี้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างสมาชิกอาเซียนกับรัฐบาลจีน และเป็นคำพูดที่ไร้สาระ ซึ่งข้าพเจ้าผู้ถูกกล่าวหา ประชาชนลาวและคนลาว ยอมรับไม่ได้
เรื่องดังกล่าว นายคำสุก บุนยะวง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเฉพาะกิจติดตามตรวจสอบโครงการก่อสร้างรถไฟลาวจีนมาแต่ต้น ขอเรียกร้องให้คนลาวมีความเข้าใจตามที่ตนได้แถลง พร้อมทั้งเรียกร้องและเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการตามกฎหมายสื่อมวลชนของลาว พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้นักข่าวของสปริงนิวส์ทั้ง 2 คน ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และขอโทษต่อประชาชนลาว ที่ได้ออกข่าววิจารณ์บิดเบือนและไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง