... รายงาน
ในที่สุด ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
กรณีแถลงข่าวใหญ่โต กล่าวหา “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ส่อทุจริต ในโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่ก่อสร้างไม่เสร็จทันตามกำหนดเวลา เมื่อปี 2556
ทำให้นายสุเทพได้รับความเสียหาย และนำมาสู่การฟ้องดำเนินคดี
แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องก็ตาม แต่ชั้นฎีกานายธาริตได้ยื่นคำให้การใหม่เป็น “ขอรับสารภาพผิด” และขอให้ศาลลงโทษสถานเบา ขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป 60 วัน
หนำซ้ำยังให้ทนายความนำเงินสด 1 แสนบาท วางที่ศาลพร้อมยื่นคำร้อง อ้างว่าเยียวยาต่อโจทก์
แต่นายสุเทพ ไม่ยอมรับคำขอขมา ส่งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ขอให้อ่านคำพิพากษาตามที่นัดไว้ตามเดิม นำไปสู่การพิพากษากลับในวันนี้
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อายุ 60 ปี เป็นชาวตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปี 2524
ต่อด้วยเนติบัณฑิตไทย ปริญญาโทนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2532
นายธาริตเคยเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฎหมาย กระทั่งได้พบกับ นายคณิต ณ นคร ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษ ได้แนะนำให้ไปสอบอัยการ หลังจบปริญญาโท นายธาริตไปสอบข้าราชการอัยการ และสอบติดในที่สุด
เมื่อนักธุรกิจอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้ระดมนักกฎหมายหลายคน หนึ่งในนั้นมีนายและนายธาริต หลังชนะการเลือกตั้ง นายธาริตได้รับแต่งตั้งให้ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อจัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายธาริตดำรงตำแหน่งเลขาธิการเป็นคนแรก กระทั่งจัดตั้งตั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้โอนมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดี
กระทั่งในยุค รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายธาริตได้เป็นอธิบดีดีเอสไอ แทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม (ขณะนั้น)
ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2552 ยาวนาน 5 ปี มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์การเมืองต่างๆ
โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร ปี 2553 ธาริตเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
มาถึง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายธาริต รื้อคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 ให้นายอภิสิทธิ์ เละนายสุเทพ ตกเป็นจำเลย แถมยังหยิบยกกรณีการก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ เล่นงานนายสุเทพ
เมื่อมีการชุมนุมขับไล่ของกลุ่ม กปปส. ที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เมื่อปี 2557 นายธาริตรับบทบาทเป็น เลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)
ทำหน้าที่เช็กบิลนายสุเทพ ดำเนินคดี 9 แกนนำในข้อหาร่วมกันและสนับสนุนเป็นกบฏ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา ในช่วงการชุมนุมการเมืองปี 2556-2557
แต่เมื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง นายธาริตมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากคนในเครือข่ายตระกูลชินวัตร เขาถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
กระทั่งวันที่ 3 เม.ย. 2560 นายธาริตถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ หลัง ป.ป.ช.มีมติว่านายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ รวมมูลค่า 346.65 ล้านบาท
โดยเฉพาะมีพฤติการณ์โยกย้ายทรัพย์สินบางส่วนไปอยู่กับคนใกล้ชิด แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. อายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราวเพียง 90.26 ล้านบาท กระทั่งปี 2559 ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ร่ำรวยผิดปกติจริง
2 มี.ค. 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี กรณีย้าย พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมิชอบ แต่ลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี
ล่าสุด นายธาริตถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา จำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
แต่วิบากกรรมยังไม่จบ นอกจากคดีความอีกกว่า 20 คดี ทั้งคดีหมิ่นประมาท และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แล้ว คดีร่ำรวยผิดปกติ ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ต้องรอชี้ชะตาว่า ทรัพย์สินกว่า 346.65 ล้านบาท จะตกเป็นของแผ่นดินหรือไม่?