ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะชี้แจงกรณีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมรับช่วยเหลือผู้บาดเจ็บแผลไฟไหม้ อ้างไม่รับรักษาตามสิทธิประกันสังคม ระบุแผลไฟไหม้เกิน 95% ต้องให้โรงพยาบาลใหญ่ขั้นสูงรักษาเท่านั้น เกินขีดความสามารถจะรับไหว
จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่า ชมรมฯ รับช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้รายนี้ให้ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากไม่มีโรงพยาบาลไหนรับรักษาให้ตามสิทธิประกันสังคม โดยในวันอังคารที่ 11 ธ.ค. ทางชมรมฯ จะเรียนอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพให้เข้ามาช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ซึ่งตามรายงานระบุว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ประกันตนกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
วันนี้ (9 ธ.ค.) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ชี้แจงว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ประกันตนสิทธิประกันสังคมกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประสบเหตุจากการทำงานในโรงงานสารเคมีที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ จ.ปทุมธานี และมีการส่งตัวเข้ารักษาเบื้องต้นในโรงพยาบาลย่านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลไหม้จากสารเคมีซึ่งเป็นการไหม้ในระดับ 3 (Third degree burn) มากถึง 95% ซึ่งถือว่าเป็นบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุด
โรงพยาบาลแรกรับจึงจำเป็นต้องหาโรงพยาบาลส่งต่อที่มีขีดความสามารถในการรักษาบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุด ซึ่งโรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถในระดับนี้จะมีก็แต่โรงพยาบาลที่เป็นคณะแพทยศาสตร์ (University Hospital) หรือโรงพยาบาลในระดับตติยภูมิขั้นสูง (Super-Tertiary Hospital) ในสังกัดของหน่วยงานรัฐเท่านั้น การรักษาผู้บาดเจ็บรายนี้ไม่ว่าจะโดยโรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชนก็ตาม สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวนจากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม
“การที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไม่รับการส่งตัวผู้บาดเจ็บรายนี้หาได้เกิดจากปัญหาค่าใช้จ่ายหรือการขาดจิตสำนึกแต่อย่างใด แต่เพราะผู้บาดเจ็บรายนี้เป็นกรณีไหม้ในระดับ 3 มากถึง 95% ซึ่งถือว่าเป็นบาดแผลไหม้ในระดับสูงสุด จึงยากเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลที่ทำการรักษาได้” พล.ต.นพ.เหรียญทองกล่าว