บรรดานักวิ่งในงาน “เมืองไทย เชียงใหม่ มาราธอน 2018” จำนวนมาก แสดงความไม่พอใจที่ผู้จัดเปลี่ยนเวลาปล่อยตัวกะทันหัน จากตีสี่เป็นตีหนึ่ง ช่วงเวลาเดียวกับสถานบันเทิงปิด หวั่นไม่ปลอดภัย เสี่ยงเมาแล้วขับ แถมเสี่ยงปัญหาสุขภาพเพราะต้องพักผ่อนไม่เพียงพอ
ทำเอานักวิ่งพากันไม่พอใจจำนวนมาก สำหรับการจัดงาน “เมืองไทย เชียงใหม่ มาราธอน 2018” ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธ.ค. ที่ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักวิ่งและนักท่องเที่ยวจำนวนมากสมัครเข้าร่วมแข่งขัน เมื่อ นายสายัณห์ สมดุลยาวาทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน ประกาศเปลี่ยนเวลาการปล่อยตัวการแข่งขัน จากเดิมรุ่นมาราธอน 42.195 กิโลเมตร จะปล่อยตัวนักวิ่งในเวลา 04.00 น. เลื่อนเวลาเร็วขึ้นมาเป็น 01.00 น. รุ่นฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร เลื่อนเวลาจาก 05.00 น. เป็น 02.00 น. ส่วนมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร เลื่อนเวลาเป็น 04.00 น. สมายรันและล่นละอ่อนต่อนแต่น 3 กิโลเมตร เลื่อนเวลาเป็น 06.00 น.
นายสายันห์ ให้เหตุผลว่า เนื่องด้วยการจัดการแข่งขัน ในปีนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้นกว่าทุกปี ซึ่งสถานที่จัดงานจุดเริ่มต้นและเส้นชัย ณ ประตูท่าแพ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อไม่ให้การจัดการแข่งขันมีผลกระทบกับ ธุรกิจการบิน โรงพยาบาล การเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป และเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน คณะกรรมการจัดงานจึงขอปรับเปลี่ยนเวลาในการปล่อยตัวการแข่งขัน ทุกระยะทางการวิ่งดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนเวลาในการปล่อยตัวนักวิ่งครั้งนี้ เป็นที่วิจารณ์ในหมู่นักวิ่งจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการแจ้งล่วงหน้าเพียงแค่ 3 สัปดาห์ก่อนการวิ่งที่จะมาถึงจริง หลายคนนอกจากจะเสียค่าสมัครคนละ 900 บาทแล้ว ยังตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไว้ล่วงหน้าอีกด้วย ต้องได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเวลาวิ่ง ทั้งเรื่องความปลอดภัย เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่นักเที่ยวออกจากสถานบันเทิง ทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากพวกเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ยังวิจารณ์ไปถึงผู้จัดงาน ที่รับสมัครนักวิ่งสูงกว่า 11,000 คน โดยไม่รู้ว่าเปลี่ยนเวลาวิ่ง และเมื่อผิดเงื่อนไขขนาดนี้ก็ทำให้นักวิ่งรับไม่ได้จำนวนมาก
“โน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ” นักแสดง ที่ลงสมัครรุ่นมาราธอน 42.195 กิโลเมตร โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “การบอกล่วงหน้าไม่ถึงสามสัปดาห์ สำหรับนักวิ่งที่ซ้อมมาเพื่อวิ่งมาราธอนแล้ว เวลานี้คือช่วง Taper สุดท้าย (ลดการซ้อมหนักเพื่อคงความเร็วไว้สำหรับการแข่งขัน) ก่อนจะวิ่ง 42 กิโลเมตร มันก็คือการบังคับให้ยอมรับโดยปริยายว่า คุณต้องรับเงื่อนไขนี้ซะ หรือไม่ก็ต้องทิ้งสิ่งที่คุณซ้อมมาตลอด 4 เดือน สำหรับนักวิ่งอย่างเราๆ มีทางเลือกอะไรได้บ้าง เงินค่าสมัครแค่ 900 บาท ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่ต้องคิดคือการชั่งน้ำหนักระหว่างทิ้งสิ่งที่ซ้อมมา กับ ความปลอดภัยของชีวิตตัวเองจากรถยนต์บนถนนในช่วงเวลาเลิกของสถานบันเทิง เวลาแปลกๆ ที่ไม่เคยวิ่ง ความปลอดภัยจากการวิ่งในที่มืดๆ ไม่มีบรรยากาศ ไม่มีทิวทัศน์ใดๆ ทั้งสิ้น
“ต้องมายอมรับอะไรแย่ๆ แบบนี้ เพียงเพราะข้ออ้างของผู้จัดว่าบริหารจัดการไม่ได้ เพราะนักวิ่งสมัครมากขึ้น นี่ไม่ใช่งานแรกที่คุณจัดนะครับ คุณมีประสบการณ์อยู่แล้วว่าปัญหาของครั้งก่อนๆ คืออะไร แนวทางการแก้ไขก็มีหลายวิธี ผู้จัดเจ้าอื่นก็ทำกันได้ สันนิษฐานว่าอยากจะประหยัด แล้วก็ไม่ต้องบอกว่าเชิญไปวิ่งเจ้าอื่น เพราะ 4 เดือนก่อนข้อตกลงเราไม่ได้เป็นแบบนี้ ที่เลือกงานนี้เพราะเวลาปล่อยตัว สภาพอากาศและโรงแรมที่พัก แต่ครั้งหน้า ผู้จัดงานคือสิ่งแรกๆ ที่ต้องเลือก” โน้ต วัชรบูล กล่าว
อีกด้านหนึ่ง MGR Online สอบถามนักวิ่งรายหนึ่ง อายุ 29 ปี ที่ลงสมัครประเภทฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตรในรายการเดียวกัน ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการจราจร เนื่องจากหากวิ่งในตแนเช้าจะส่งผลกระทบต่อปัญหารถติดในเมืองเชียงใหม่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักวิ่งได้รับผลกระทบโดยตรง บางรายเริ่มขายบิบ (ป้ายติดเสื้อบอกหมายเลข ประเภท และรุ่นอายุของนักวิ่ง) เพื่อจะเปลี่ยนมาวิ่งงานลำพูนมาราธอน จ.ลำพูน ซึ่งจะมี นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม เป็นแขกรับเชิญในงานแทน
เขากล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นที่กังวลในหมู่นักวิ่ง หลังผู้จัดงานแจ้งเปลี่ยนเวลาวิ่งกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็น คนที่เดินทางจากจังหวัดลำพูนมาที่จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมจะออกจากบ้านตอนเช้ามืด กลายเป็นว่าต้องออกจากบ้านตอนดึก นักวิ่งบางคนทำงานวันเสาร์ เลิกงานตอนเย็น มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ นักวิ่งบางคนนอน 3 ทุ่มเพื่อจะตื่นกลางดึก กลายเป็นว่าต้องฝืนไม่ได้นอน ที่สำคัญคือ เวลาปล่อยตัวนักวิ่งตอนกลางคืน เป็นช่วงเดียวกับสถานบันเทิงปิด อาจจะมีนักเที่ยวเข้ามาปะปนกัน เกิดความไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่ออุบัติเหตุแก่นักวิ่งได้
“โดยส่วนตัวลง 21 กิโลเมตร เวลาปล่อยตัวตอนตีสอง (02.00 น.) คิดว่า ถ้าเป็นเรื่องการจราจรจริงก็พอรับได้ อาจจะต้องเปลี่ยนเวลานอนเป็น 6 โมงเย็น เพื่อให้ตื่นตอนเที่ยงคืน วิ่งเสร็จประมาณตีสาม” แหล่งข่าว ระบุ