เภสัชกรสาวระบายความอัดอั้นตันใจก่อนปิดร้ายขายยา แฉเคยมีเด็กวัยรุ่นมาซื้อยาสตรีทุก 30 นาที ซื้อจนเดาออกว่าซื้อไปทำอะไร จนตัดสินใจรีบปิดร้าน ยันหมด passion การเป็นเภสัชกรแล้ว
วันนี้ (29 พ.ย.) เพจเฟซบุ๊ก “ใบเฟิร์นเภสัช & drug-a-holic เช่าเสื้อโค้ท by เภสัช” ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้ต้องจำใจปิดร้านขายยาลงเนื่องจากเจอปัญหาบั่นทอนจิตใจหลากหลายเรื่องทำให้หมดใจกับการประกอบอาชีพนี้ และเธอทำอาชีพนี้มาถึง 3 ปีแล้ว โดยฝากข้อคิดที่คิดว่ามีประโยชน์ไว้ โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่พบเจอทุกวันในร้านยา เรื่องใกล้ตัวเล็กๆ น้อยๆไว้ ดังนี้
1. ยาแก้อักเสบ ไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อ เจ็บคออย่างเดียวไม่ต้องกินยาฆ่าเชื้อ เจ็บคอ เจ็บข้างๆ คอซ้ายขวา (ต่อมทอนซิล) น้ำมูก/เสมหะ เขียวเหลือง 3 วันอาการไม่ดีขึ้นส่องคอ คอแดง มีจุดหนอง ค่อยกินยาฆ่าเชื้อ ทุกครั้งที่กินยาฆ่าเชื้อต้องกินจนหมด ดีขึ้นแล้วก็ห้ามหยุด ตอนนี้อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปจะดื้อยาในอนาคต
2. ยาเลื่อนประจำเดือน กินตามน้ำหนัก กินก่อนวันที่คิดว่าจะมา หรือวันที่จะทำธุระ 2-3 วัน ถ้าประจำเดือนมาแล้ว กินไปไม่ได้เกิดประโยชน์
3. ยาคุมฉุกเฉิน ห้ามกินเกิน “2 กล่องต่อเดือน” ไม่ใช่ 2 กล่องต่อชีวิต เรื่องนี้เข้าใจผิดกันแทบทุกคน แต่ถามว่ากินได้เดือนละ 2 กล่อง แล้วกินบ่อยดีไหม คำตอบคือไม่ดี กินเท่าที่จำเป็น เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งอยากมีลูกจริงๆ จะเพิ่มโอกาสท้องนอกมดลูก ถ้าคิดว่าตัวเองจะต้องกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ ให้เปลี่ยนเป็นยาคุมแบบรายเดือน
4. ยาโรคเรื้อรัง เบาหวาน หัวใจ ความดัน ห้ามหยุดยาเอง ห้ามปรับขนาดยาเอง
5. เกลือแร่ท้องเสีย กับเกลือแร่ออกกำลังกาย เกลือแร่สำหรับท้องเสีย “ไม่ได้รักษาท้องเสีย” แต่กินเพื่อชดเชยแร่ธาตุต่างๆ ที่สูญเสียไปเพื่อที่จะได้ไม่อ่อนเพลีย เป็นลม และห้ามดื่มทีเดียวหมด แต่ใช้วิธีจิบบ่อยๆ (การดื่มทีเดียวหมดจะยิ่งทำให้ท้องเสีย เพราะเกลือแร่มีคุณสมบัติดูดน้ำเข้าหาตัวจึงเป็นเหตุผลที่หลายคนชอบบอกว่ากินเกลือแร่แล้วไม่เห็นจะดีขึ้นเลย)
6. ยาคลายกล้ามเนื้อ บางยี่ห้อมีตัวยาพาราฯ ผสมอยู่แล้ว ห้ามกินพาราฯ เพิ่มเข้าไปอีก เพราะโดสพาราฯ จะเกิน ก่อนจะหยิบพาราฯ กินเพิ่ม ดูส่วนประกอบของยาคลายกล้ามเนื้อด้วยว่ามีพาราฯ อยู่แล้วหรือยัง
7. ไอแห้งกับไอมีเสมหะ ตัวยารักษาคนละตัวกัน
8. ยาหยอดตาทุกชนิดเปิดฝาแล้วใช้ได้ 1 เดือน และห้ามใช้ร่วมกับคนอื่นเด็ดขาด
9. ยาที่คนเรียกกันว่ายาล้างไต ไม่ได้รักษาโรคไต ถ้ารักษาได้จริงโลกนี้จะไม่มีผู้ป่วยโรคไต
10. เวลาเจ็บปวดอะไรสักอย่าง ยาแก้อักเสบ เช่น ibuprofen, diclofenac, naproxen, mefenamic acid, piroxicam, celecoxib กินยาแก้อักเสบตัวเดียวชนิดเดียวพอ อาจกินเสริมกับยาคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ไม่ควรกินยาแก้อักเสบ 2 ชนิดร่วมกัน เพราะจะยิ่งระคายเคืองกระเพาะ และยิ่งมีผลต่อไต
11. ยาแก้อักเสบ ที่เขาพูดกันว่ากัดกระเพาะ ฟังดูแรงแต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แค่กินหลังอาหารทันที เพื่อจะได้ไม่ระคายเคืองกระเพาะ
12. ยาทาสเตียรอยด์ ทาบางๆ และทาเฉพาะเมื่อมีอาการความแรงสเตียรอยด์มีหลายระดับไม่ใช่ว่ามี 1 หลอด สามารถทาได้ทุกส่วนในร่างกายถ้าทาหน้าหรือผิวหนังอ่อนๆ หรือเด็กเล็กมากๆ ให้ใช้ระดับอ่อนสุด-กลางๆ เท่านั้น ห้ามใช้ระดับแรงๆ
13. ยาลดน้ำมูก มีแบบง่วงกับไม่ง่วงแบบ ง่วงฤทธิ์แรงกว่า ลดน้ำมูก คัดจมูกได้หมดแต่ออกฤทธิ์สั้น เลยต้องกินบ่อย เช้า กลางวัน เย็น แบบไม่ง่วง ลดน้ำมูกได้ในระดับหนึ่ง (คัดจมูกไม่ได้) แต่ออกฤทธิ์ยาว กินแค่วันละครั้ง (ฤทธิ์ยาวแต่อ่อนๆ) ถ้าทั้งน้ำมูกทั้งคัดจมูกมากๆ แต่ทำงานขับรถ ใช้เครื่องจักร ที่ง่วงนอนไม่ได้ให้ใช้วิธีกลางวันกินแบบไม่ง่วง ก่อนนอนกินแบบง่วง หรืออาจเปลี่ยนไปกินยาลดน้ำมูกแบบไม่ง่วงรุ่นใหม่ล่าสุดที่เป็นการเอารุ่นเก่าไปพัฒนาชื่อตัวยาจะขึ้นต้นด้วย Des... Levo...รุ่นใหม่หน่อย ราคาแพงหน่อย แต่ประสิทธิภาพดี
14. ยาสตรีทั้งหลาย ไม่ได้มีไว้ทำแท้ง นอกจากทำแท้งไม่ได้ยังเสี่ยงลูกออกมาพิการ เคยมีเด็กวัยรุ่นมาซื้อยาสตรีทุก 30 นาที ซื้อจนเราพอจะเดาออกว่าซื้อไปทำอะไร เราต้องรีบตัดสินใจปิดร้าน เพราะกลัวว่าถ้าไม่ขายให้จะโดนทำร้าย
โดยเธอฝากทิ้งท้ายว่า “ที่เจอบ่อยๆ ทุกวัน พรุ่งนี้เปิดวันสุดท้าย แวะมาลาเภสัชกันได้ หมด passion การเป็นเภสัชกรแล้วค่ะ”