xs
xsm
sm
md
lg

เผยเบื้องหลังผู้ชุมนุมเสื้อกั๊กเหลือง “ชีเล่ท์ โชน” ชี้ชัด ปธน.ฝรั่งเศส “เอ็มมานูเอล มาครง” ทำเพื่อตัวเอง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เผยเบื้องหลังผู้ชุมนุม “ชีเล่ท์ โชน” ออกมาทั่วกรุงปารีส ชี้ทนไม่ไหวกับ “เอ็มมานูเอล มาครง” ผู้นำฝรั่งเศสบริหารประเทศ ไม่ทำตามที่หาเสียง แต่กลับเอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง สมญานาม “ประธานาธิบดีของคนรวย” ฟางเส้นสุดท้ายขึ้นภาษีน้ำมัน จนถูกโดดเดี่ยว คนรอบข้างพากันลาออก

วันนี้ (29 พ.ย.) น.ส.วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยนำข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wiwanda W. Vichit อธิบายถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลือง (ชีเล่ท์ โชน) กับเจ้าหน้าที่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งออกมาขับไล่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในประเด็นต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล ค่าครองชีพในพื้นที่ชนบท และนโยบายของที่ไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

โดยอธิบายว่า กลุ่มชีเล่ท์ โชน คือประชาชนธรรมดาที่ทนไม่ไหวกับการบริหารประเทศของนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงปีเศษ แต่ไม่มีผลงานอะไรที่ก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน สิ่งที่พูดไว้ก็ไม่ทำตามสัญญา หนำซ้ำยังใช้จ่ายจากภาษีประชาชน ทั้งการจ้างกองกำลังคุ้มภัยส่วนตัว ในกรณีของนายอเล็กซานเดอร์ เบนัลลา บอดี้การ์ดของนายมาครง สวมหมวกกันน็อกของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำร้ายนักศึกษาได้รับสิทธิพิเศษพกอาวุธ ซึ่งได้รับเงินเดือนและสวัสดิการชั้นรัฐมนตรี มีการใช้จ่ายส่วนตัวของนางบรีฌิต มาครง ภริยา จำนวนมหาศาลต่อเดือน

แทนที่นายมาครงจะหันมาดูแลประชาชน เพราะโรงงานหลายแห่งต้องปิดตัวลง หรือย้ายพื้นที่ออกไปนอกประเทศ กลับหันมาสนใจเรื่องที่จะเปลี่ยนเครื่องกระเบื้อง จานชามในรัฐสภา “ปาแลเดอเลลีเซ” สำหรับรับรองแขก เฉพาะค่าออกแบบ 5 หมื่นยูโร และค่าจัดทำผลิตตกราว 5 แสนยูโร จากนั้นเขาคิดที่จะสร้างสระว่ายน้ำในที่พักตากอากาศที่ริมทะเลบนเกาะ “ฟอร์ต เบรก็องซง” แหล่งพักผ่อนของเหล่านักการเมืองระดับสูง ด้วยงบประมาณอีกนับแสนยูโร ทำให้เป็นที่สะเทือนใจประชาชน เพราะทุกวันนี้ต่างก็รัดเข็มขัดกันถ้วนหน้าอยู่แล้ว ตรงนี้ทำให้นายมาครงได้รับสมญานามจากสื่อและประชาชนว่า “มาครง ท่านประธานาธิบดีของคนรวย”

ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การที่เขามีนโยบายที่จะเข้ามาบริการจัดการกองทุนสวัสดิการคนเกษียณ ด้วยการตัดสวัสดิการ และเพิ่มภาษี อ้างว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าทางการศึกษา จ้างครูเพิ่ม และยังกล่าวต่อหน้าประชาชนที่อนุสรณ์สถานของอดีตประธานาธิบดีชาร์ล เดอ โกล ที่ปลดปล่อยฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า “พวกคุณไม่มีสิทธิ์บ่น พวกเราชาวฝรั่งเศสโชคดีกว่าคนอื่นๆ ตั้งเท่าไหร่แล้ว ที่คนสูงวัยได้รับการดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง” โดยอ้างว่าทุกคนได้รับประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะจากที่ทำงานหรือจ่ายเองหรือจากสวัสดิการเกษียณที่ได้ทำสะสมเอาไว้

ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายมาครงถูกชายวัย 25 ปี รายหนึ่งเข้ามาประชิดตัวและปรับทุกข์ว่า เขาตกงาน พยายามหาหลายที่แล้วแต่ก็ไม่มีใครรับ นายมาครงกลับพูดออกไปอย่างรำคาญว่า “นี่... ลองเดินข้ามถนนไปนะ ไปสมัครในร้านอาหารนั้นเลย ที่ไหนๆ เขาก็ขาดคนทั้งนั้นแหละ ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่า ที่ไหนไม่รับสมัครงาน” ทำให้สื่อมวลชนวิจารณ์ว่าอ่อนประวัติศาสตร์ เพราะพระนางมารี อ็องตัวแน็ต สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส ที่เคยถูกประชาชนขับไล่และถูกประหารชีวิตเป็นทรราชขั้นร้ายแรงด้วยเครื่องกิโยติน ก็เคยกล่าวกับประชาชนที่ยากจนและหิวโหยว่า “ก็ไปกินเค้กสิ”

ประโยคดังกล่าวนำมาใช้เชิงเสียดสีทุกวันนี้ คลิปการสนทนานี้ได้ออกแพร่หลายไป ตอกย้ำประชาชนที่ตกงาน กำลังหางานทำ รู้สึกโกรธแค้น ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายจะมาถึง คือ การขึ้นราคาน้ำมัน ซึ่ง “ชีเล่ท์ โชน” (Gilet คือเสื้อกั๊ก Jaune คือสีเหลือง) คืออุปกรณ์สำคัญที่ทุกคนจะต้องมีไว้ในรถ อยู่ในที่ที่พร้อมจะหยิบมาใส่ได้เลย หากว่าเกิดเหตุอุบัติใดๆ บนท้องถนน เพื่อเป็นสัญญาณความปลอดภัย ซึ่งเป็นกฏหมายในการใช้รถใช้ถนน เมื่อเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี เขาจึงใช้เสื้อกั๊กนี้เรียกร้องประชาชนที่หมดความอดทนกับนายมาครงให้ออกมาร่วมกัน ขอย้ำว่าการต่อต้านนี้ มุ่งสู่ตัวประธานาธิบดีเท่านั้น ด้วยข้อเรียกร้องให้ลาออกสถานเดียว

การต่อต้านคือการสร้างภาวะชะงักงันให้กับฝรั่งเศส ทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ทั่วไป โดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองจะเข้าบล็อกเส้นทางต่างๆ ที่สำคัญ ปล่อยให้รถวิ่งเส้นเดียวบ้าง หรือปิดสถานที่จอดรถบ้าง แต่อย่างที่ดิสนีย์แลนด์ เปิดที่จอดรถให้คนเข้าไปจอดฟรี เพราะนายทุนคือเพื่อนของนายมาครง การต่อต้านนี้จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จะได้ผลอย่างไรนั้น ไม่มีใครรู้ แต่นายมาครงกลับเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาพูดจาเหมือนเคย อีกทั้งบรรดารัฐมนตรีทางภาคปกครองและเศรษฐกิจที่ดึงตัวมาทำงาน ต่างพากันทยอยลาออก ในตอนนี้นายมาครงโดดเดี่ยว เพราะไม่มีพรรคพวกทางการเมืองท้องถิ่น เขามาจากสายบริหารธนาคาร ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆกับภาคปกครองของรัฐ การพูดจาต่างๆ จึงไม่มีจิตวิทยามวลชน

“นี่คือประวัติศาสตร์หนึ่งของฝรั่งเศสที่ผู้นำระดับประธานาธิบดีใหม่ๆ หมาดๆ ได้กลายเป็นตัวตลกท่ามกลางความหมดศรัทธาของประชาชน ขยับทำอะไรไม่ได้เพราะผลจะออกมาเป็นลบหมด ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองฝรั่งเศส หากว่าการแสกดดันได้ผลจนประธานาธิบดีต้องลาออกไปให้ประธานสภา จะต้องมาดูแลประเทศแทนจนครบวาระ 5 ปี แต่ที่แน่ๆ คือ มาครงจะไม่ได้รับเลือกเข้ามาในวงการเมืองอีก และอาจถูกดำเนินคดีในหลายๆ เรื่องที่หมกเม็ดเอาไว้เมื่อพ้นจากวาระ และการเมืองฝ่ายขวาจัดจะได้รับความนิยมมากขึ้น”

ในตอนท้ายระบุว่า ผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในยามนี้ คือการไปไหนมาไหนจะไม่ค่อยสะดวก เพราะการปิดกั้นถนน โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด กลุ่มนี้ไม่ใช่อันธพาลที่น่ากลัว แถมออกแนวสนุกสนานเฮฮา เพียงแต่เขาเอาจริงกับการขับไล่ผู้นำเท่านั้น ตอนนี้เป็นห่วงแต่ว่าหากฝ่ายนักศึกษาทุกสถาบันออกมาร่วมด้วยจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจลุกลามขยายวงออกไปอย่างกว้างไกล หวังว่านายมาครงคงจะไม่ออกมาพูดอะไรที่สร้างความเดือดดาลให้แก่ประชาชนอีก




กำลังโหลดความคิดเห็น