“สุรศักดิ์ ป้องศร” ผู้กำกับภาพยนตร์ “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2” เผยความในใจ ต้องการให้ฉากพระกอดโลงศพแฟนเก่าที่ถูกแบน เป็นฉากเศร้าที่สุดของเรื่อง วอนคณะกรรมการไม่ต้องตัดอะไรเลย แต่ถ้าจำเป็นต้องตัดจริงๆ ก็ยอม แต่ต้องบอกแฟนคลับว่าหนังอาจไม่สมบูรณ์ตามที่ควรจะเป็น
จากกรณีที่ภาพยนตร์เรื่อง “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคต่อของ “ไทบ้าน เดอะ ซีรีส์” จากฝีมือผู้กำกับ สุรศักดิ์ ป้องศร หนุ่มศรีสะเกษ วัย 27 ปี โดยมี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นผู้อำนวยการสร้าง ต้องเลื่อนฉายภาพยนตร์โดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่จะฉายรอบแรกในวันที่ 22 พ.ย. นี้ หลังจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พิจารณาให้ไม่ผ่านการพิจารณา โดยมีรายงานว่า ฉากที่เป็นปัญหา คือ เซียง ตัวเอกของเรื่องที่บวชเป็นพระภิกษุ เพราะอกหักจากใบข้าว แฟนเก่าที่เลิกกันไปแต่งงานใหม่ ร้องไห้กอดโลงศพใบข้าวที่ตายไป ซึ่งถูกมองว่าไม่สำรวมขณะครองสมณเพศ
อ่านประกอบ : เลื่อนฉาย “ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2” ไม่มีกำหนดหลังถูกแบน สะพัดฉากพระร้องไห้กอดโลงศพแฟนเก่า
วันนี้ (21 พ.ย.) เฟซบุ๊ก “สุรศักดิ์ ป้องศร” ผู้กำกับคนดังกล่าว โพสต์ข้อความเกี่ยวกับฉากที่เป็นปัญหา ว่า “เราใช้เวลาถ่ายฉากนี้อยู่ 2 วัน เตรียมงาน 1 วัน เพื่อคาดหวังว่าอยากให้ฉากนี้มันฉากที่เศร้าที่สุดของเรื่อง อยากให้เป็นฉากที่ทุกคนต้องร้องไห้ตามหรือรู้สึกกับมันได้มากที่สุด อยากให้เป็นฉากที่ประทับใจ ถ้าไม่มีฉากนี้ในหนังแล้วถ้ามันจำเป็นต้องทำผมก็โอเค แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าหนังมันอาจจะไม่สมบูรณ์ตามที่หนังมันควรจะเป็น แค่เสียดายที่แฟนคลับทุกคนจะไม่ได้ดูมัน ดูฉากที่เราคาดว่ามันจะพีคสุดของเรื่อง
ในช่วงของการถ่ายทำกว่าจะถ่ายฉากนี้ได้ เราต้องไปอ้อนวอนขอร้องเจ้าของบ้านให้เราได้จัดงานศพในบ้านเขา (ถ้าคนอีสานบางบ้านเขาจะถือว่ามันเป็นลางร้าย) เขาไม่อยากให้จัด เราก็พูดคุยจนเขาใจอ่อนยอมให้เราได้เซทฉากนี้ถ่าย แต่มีข้อแม้ว่า หลังจากเสร็จแล้วเราต้องทำบุญบ้านให้เขา วันถ่ายวันแรก น้องๆ นักแสดงทุ่มเทมากอยากให้หนังออกมาแล้วให้แฟนคลับประทับใจ เพราะโจทย์ที่ผมให้ไปกับน้องต้า (นายชาติชาย ชินศรี รับบทเป็น พระเซียง) คือ เราต้องทำให้ฉากนี้เศร้าที่สุดตั้งแต่ที่ทำภาคแรกจนถึงภาคนี้ ต้องทำให้ได้
ผมอยากเห็นน้ำตาพระเซียงที่ไหลออกมาแบบหน้านิ่งๆ เหมือนพยายามทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วค่อยๆ ฝืนตัวเองกลั้นไม่ให้ร้องไห้ แต่ยิ่งกลั้นยิ่งทำให้ใจเราสั่งให้เราร้องหนักขึ้น แล้วค่อยๆ เดินอย่างคนไม่มีสติ มาเคาะโลงศพเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง แล้วทุกอย่างมันต้องสมจริง แล้วธรรมชาติที่สุด เสมือนว่ามันเกิดขึ้นจริง แต่แล้ววันนั้นน้องก็ทำไม่ได้ เราถ่ายจนเกือบถึงเที่ยงคืน เราได้ยกกองอีกครั้ง น้องเล่นไม่ได้ตามที่เราอยากได้ วันที่ 2 เรามาลองกันอีกครั้งนึง ครั้งนี้ประทับใจมากน้องเล่นได้เกินคาด แต่หลังเล่นเสร็จน้องเข้ามาถามกับผมว่า เป็นไงผมเล่นดีไหม ผมบอกแค่ว่า ก็พอได้
สาธุ ขอให้คณะกรรมการเห็นใจพวกเราและแฟนคลับชาวไทบ้านด้วยเถิด อยากให้หนังไม่ต้องตัดอะไรเลย แต่ถ้ามันจำเป็นต้องตัดจริงๆ ผมก็ยอม”