xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์ ๑๕ ปีกรุงธนบุรี! จากย่อยยับจนไม่เห็นทางฟื้น กลับคืนสู่ราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

ราชอาณาจักรไทยสมัยกรุงธนบุรี
ในปี พ.ศ.๒๕๖๑ นี้ เป็นปีฉลองยาวตลอดปีที่กรุงธนบุรีมีอายุ ๒๕๐ ปี มีการจัดกองเรือตามรอยกองเรือยกพลขึ้นบกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากจันทบุรีสู่กรุงศรีอยุธยา พร้อมฝีพายแต่งกายชุดนักรบโบราณเข้าร่วมขบวน ในชื่อโครงการ “๒๕๐ ปี ตามรอยกองเรือยกพลขึ้นบกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากจันทบุรีสู่อยุธยา” เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงในการที่ทรงใช้ยุทธวิธีในการยกทัพที่อาศัยเส้นทางทะเลและแม่น้ำ นำทัพเรือมากู้ชาติได้สำเร็จ และเป็นกิจกรรมที่ปลุกจิตสำนึกให้คนไทยเกิดความรักชาติ

กรุงธนบุรี เป็นเมืองหลวงที่มีอายุสั้นที่สุดของราชอาณาจักรไทย มีอายุเพียงแค่ ๑๕ ปี ขณะที่กรุงศรีอยุธยามีอายุถึง ๔๑๗ ปี และกรุงรัตนโกสินทร์ยืนยงมาถึง ๒๓๖ ปีแล้วในวันนี้ แต่ในช่วงแค่ ๑๕ ปีของกรุงธนบุรี นับเป็นช่วงมหัศจรรย์ของประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่พลิกฟื้นจากความย่อยยับของกรุงศรีอยุธยา ถูกทั้งปล้นทั้งเผาจนทั้งแผ่นดินแทบไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่ข้าวก็ไม่มีจะกิน สังคมแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า แต่กลับฟื้นคืนสู่ราชอาณาจักรที่กว้างใหญ่กว่าเดิมเสียอีก ในระยะเวลาอันสั้นเพียง ๑๕ ปี และก้าวต่อมาอย่างมั่นคงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพน่าสลดหดหู่ใจ มองไม่เห็นอนาคต ขณะที่มีข้าศึกมาล้อมพระนคร เพราะผู้นำอ่อนแอและห่วงความสุขในราชสำนักมากกว่าความมั่นคงของประเทศ พระเจ้าตากสินจึงทรงนำไพร่พลจำนวนราว ๕๐๐ คนฝ่าวงล้อมของพม่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๓๐๙ ก่อนกรุงแตกเพียง ๓ เดือนเศษ มุ่งสู่ภาคตะวันออกที่พม่าไม่ได้ส่งกองทัพใหญ่ไปยึดครอง และตีเมืองจันทบุรีได้ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๓๑๐ หลังกรุงแตกประมาณ ๒ เดือน มีขุนนางข้าราชการและคนไทยที่รักชาติติดตามไปสมทบด้วย ทรงใช้เวลา ๕ เดือนตลอดฤดูมรสุมสะสมผู้คนและอาวุธ ตลอดจนต่อเรือจนได้จำนวนตามที่ต้องการแล้ว จึงเคลื่อนกำลังออกจากจันทบุรีมุ่งสู่ปากน้ำเจ้าพระยา ยกพลขึ้นบกที่กรุงธนบุรีเป็นแห่งแรก และยึดด่านแรกนี้ได้โดยง่าย เพราะบรรดาคนไทยในกองกำลังของนายทองอิน คนไทยที่ฝักใฝ่พม่า ช่วยกันจับนายทองอินคนทรยศมาให้สำเร็จโทษ จากนั้นก็ทรงรีบรุดไปกรุงศรีอยุธยาในคืนนั้น

สุกี้พระนายกองแม่ทัพพม่ารู้ว่าเมืองธนบุรีแตกและกองทัพพระยาตากกำลังมุ่งมา ก็ส่ง มองญ่า ปลัดทัพคุมพลมอญไทยมาตั้งรับที่เพนียดหน่วงเวลาไว้ เพื่อเตรียมการทางค่ายโพธิ์สามต้นให้พร้อม แต่คนไทยในกองทัพมองญ่ารู้ว่าพระยาตากมากู้ชาติก็พากันหลบหนีออกมาเข้าร่วม มองญ่ากลัวจะถูกจับส่งให้พระยาตากเหมือนนายทองอิน จึงหลบกลับไปค่ายโพธิ์สามต้น

พระยาตากไปถึงค่ายโพธิ์สามต้นในตอนเช้า เข้าตีค่ายทางด้านตะวันออกเพียง ๒ ชั่วโมงก็เข้ายึดได้ แต่ค่ายด้านตะวันตกสุกี้ตั้งรับเองและมีกำแพงแข็งแรง เพราะเนเมียวสีหบดีรื้ออิฐวัดมาสร้างค่าย พระยาตากจึงให้หยุดพักเตรียมบันได แล้วให้ทหารพักผ่อนเอาแรงเสียคืนหนึ่ง สุกี้เตรียมรับมืออยู่ทั้งคืนก็ไม่เห็นทหารไทยเข้าโจมตี แต่พอเช้าต่างพักผ่อน พระยาตากก็นำทหารเข้าบุก ไม่ทันถึงเที่ยงค่ายโพธิ์สามต้นของพม่าก็แตก สุกี้วีรบุรุษของพม่าผู้พิชิตค่ายบางระจันตายในที่รบ ที่เหลือต่างเตลิดหนี

ค่ายของสุกี้แตกในวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๐ ทรงใช้เวลาไม่ถึง ๒ วันจากที่ยกพลเข้าปากน้ำเจ้าพระยามา ก็กำจัดอำนาจของพม่าสูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เอกราชและอธิปไตยกลับคืนมา รวมเวลาที่ถูกพม่ายึดครองประมาณ ๗ เดือน

ขณะที่พระเจ้าตากสินทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีนั้น อาณาบริเวณนี้เกือบไม่มีพลเมืองอาศัยอยู่ เพราะต่างต้องอพยพลี้ภัยพม่าไปหลบซ่อนอยู่ตามป่า เรือกสวนไร่นาไม่มีโอกาสได้ทำ พระสงฆ์ก็ไม่มีที่จะบิณฑบาต บางพวกก็ซ่องสุมกันออกแย่งชิงอาหารจากคนที่สะสมไว้ เมื่อรู้ข่าวว่าพระยาตากปราบปรามขับไล่อิทธิพลพม่าพ้นไปจากแผ่นดินไทยแล้ว สถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี ราษฎรทั้งหลายจึงบ่ายหน้ากลับเข้าเมือง

พระราชพงศาวดารฉบับพระราชเลขากล่าวว่า

“ลุศักราช ๑๑๓๐ ปีชวดสัมฤทธิศก จึงท้าวพระยาข้าราชการจีนไทยผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง ก็ปรึกษาพร้อมกันอัญเชิญเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นบรมกษัตริย์ผ่านพิภพลีลา ณ กรุงธนบุรี ตั้งขึ้นเป็นราชธานีสืบไป ทรงพระกรุณาให้แจกจ่ายอาหารแก่ราษฎรทั้งหลาย ซึ่งอดโซอนาถาทั่วสีมามณฑล เกลื่อนกล่นกันมารับพระราชทานมากว่าหมื่น บรรดาข้าราชการฝ่ายพลเรือนไทยจีนทั้งปวงนั้น ได้รับพระราชทานข้าวสารเสมอกันคนละถังกินคนละยี่สิบวัน ครั้งนั้นยังหาผู้ใดทำไร่นาไม่ อาหารกันดารนัก และสำเภาบรรทุกข้าวสารมาแต่เมืองพุทไธมาส จำหน่ายถังละสามบาทสี่บาทห้าบาทบ้าง ทรงพระกรุณาให้ซื้อแจกคนทั้งปวงโดยพระราชอุตสาหะโปรดเลี้ยงสัตว์โลก พระราชทานชีวิตไว้มิได้อาลัยแก่พระราชทรัพย์ แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้าเงินตราแก่ไพร่ฟ้าประชาชนจักนับมิได้ และทรงพระกรุณาโปรดชุบเลี้ยงแต่งตั้งข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยครบตามตำแหน่งถานานุศักดิ์เหมือนแต่ก่อน แล้วโปรดตั้งเจ้าเมืองกรมการให้ออกไปครองหัวเมืองใหญ่น้อยซึ่งอยู่ในพระราชอาณาจักรใกล้ๆ นั้นทุกๆ เมือง ให้ตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมอาณาประชาราษฎรซึ่งแตกฉานซ่านเซ็นไปนั้น ให้กลับมาอยู่ภูมิลำเนาเหมือนแต่ก่อนทุกบ้านทุกเมือง...”
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. ๒๓๑๐ บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแตกแยกสาแหรกขาด ผู้คนที่รอดพ้นจากการจับกุมและไม่ถูกกวาดต้อนไป ได้พยายามรักษาตัวรอด โดยการซ่องสุมผู้คนขึ้นตั้งกันเป็นก๊กเป็นเหล่า พระเจ้าตากสินพยายามจะรวบรวมให้กลับมาเป็นชาติด้วยกันดังเดิม ก๊กใดกระด้างกระเดื่องก็ปราบปราม พร้อมกับต้องต่อสู้กับพม่าที่ระรานไม่หยุด ทรงขยายพระราชอาณาเขตออกไปรอบด้านเพื่อความมั่นคงของประเทศ ขณะเดียวกันพระเกียติที่กระเดื่องเดชาก็ทำให้หลายเมืองเข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยความสมัครใจ ขออยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์

ในปลายสมัยกรุงธนบุรี พระยาสรรค์ซึ่งพระเจ้าตากสินทรงส่งไปปราบกบฏที่กรุงศรีอยุธยา กลับยกกำลังเข้ามาล้อมวังเสียเอง และได้นิมนต์พระราชาคณะมาถวายพระพรให้พระเจ้าตากสินบรรพชาชำระพระเคราะห์เมืองในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๓๒๔ จึงถือได้ว่าเป็นวันสิ้นสุดรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี นับแต่วันที่ทรงกอบกู้อิสรภาพ ๖ พฤศจิกายน ๒๓๑๐ ก็เป็นเวลา ๑๔ ปี ๔ เดือน ๔ วัน ในรัชกาลของพระองค์     
                       
ในสารานุกรมสำหรับเยาวชนระบุว่า ตลอดรัชสมัยของพระเจ้าตากสิน ทรงขยายพระราชอาณาจักรของกรุงธนบุรีออกไปกว้างใหญ่ไพศาลกว่าสมัยกรุงศรีอยุธยา
ทิศเหนือ ตลอดอาณาจักรล้านนา
ทิศใต้ ตลอดเมืองไทรบุรีและตรังกานู
ทิศตะวันออก ตลอดกัมพูชาจนจดญวนใต้
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดเวียงจันทน์ หัวเมืองพวน และหลวงพระบาง หัวพันห้าทั้งหก

ความมหัศจรรย์ของกรุงธนบุรีที่พลิกฟื้นจากความย่อยยับกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในเวลา ๑๕ ปี ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด หลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อใดที่คนไทยเรารวมใจได้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีผู้นำที่เข้มแข็ง ให้ความมั่นใจแก่คนในชาติว่าทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง เราก็สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ได้ เช่นเดียวกับสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่บ้านเมืองก็ไม่ได้มีความเข้มแข็งมากไปกว่าตอนเสียกรุงครั้งที่ ๒ สักเท่าใด

ตรงกันข้ามกับกาลอวสานของกรุงศรีอยุธยา เมืองที่โอ่อ่าสง่างามและมั่งคั่งที่สุดในภาคตะวันออกไกล เมื่อมีผู้นำที่อ่อนแอ เห็นแต่ประโยชน์สุขของตนและพวกพ้องมากกว่าประเทศชาติ บ้านเมืองก็ย่อยยับลงได้เช่นในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์
ฉะนั้น เลือกตั้งครั้งนี้ พิจารณากันให้ดี อย่าให้คนชั่วเข้ามาปกครองบ้านเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น