xs
xsm
sm
md
lg

“ซีพี ออลล์” เดินหน้าประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” 7-11 ทั่วประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าถุงพลาสติกนั้นเป็นบรรจุภัณฑ์ที่นิิยมใช้กันมากในทุกครัวเรือน จึงทำให้ปริมาณขยะถุงพลาสติกสะสมและตกค้างเป็นจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรต้องหันมาจับมือร่วมกัน “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” อย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินไป



เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย เดินหน้านโยบาย 7 GO Green (เซเว่น โก กรีน) ได้ฤกษ์วันที่ 7 เดือน 11 ประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิกใช้ถุงพลาสติก” ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ ตามปณิธานอันมุ่งมั่นของซีพี ออลล์ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ที่จะร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า “ซีพี ออลล์ได้เริ่มดำเนินโครงการรณรงค์ลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ 7 Go Green ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ ผ่านโครงการต่างๆ ตามปณิธานของบริษัท “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”


“เราขอใช้วันที่ 7 เดือน 11 ประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกที่ร้านเซเว่นฯ และขอเชิญชวนคนไทยร่วมกันลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกร่วมกันโดยลดการใช้ถุงพลาสติกวันละถุงก็จะช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ สำหรับที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ร้านเซเว่นฯ เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนต่างก็ตระหนักถึงผลกระทบของขยะถุงพลาสติกที่มีต่อโลกของเรา ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ไม่รับถุงพลาสติกกับโครงการปฏิเสธถุงได้แต้ม โดยร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศจะให้แต้ม 10 แต้มกับลูกค้าที่ชำระเงินผ่านบัตร 7 Value Card และปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก นอกจากนี้ ยังมีโครงการลดการใช้ถุงพลาสติกที่บริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หลากหลายโครงการ อาทิ โครงการปฏิเสธถุง…ได้ใจ, ใช้ถุงผ้า...บอกลาถุงพลาสติก เป็นต้น” นายธานินทร์ กล่าว

ด้าน นางสาววรรศิกา ญาณสิทธิ หนึ่งในลูกค้าที่ใช้บริการจากร้านสะดวกซื้อของ 7-11 เผยว่า ปกติก็จะใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันทุกวัน เวลาไปซื้อของตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาเก็ตเฉลี่ยตกวันละ 1 ถุง และ และถ้าเป็นถุงหูหิ้ว ก็จะกลับนำมาใช้ใหม่สำหรับใส่ขยะหรือใส่ของอย่างอื่น ส่วนที่เป็นถุงแกงก็จะใช้แล้วทิ้งเลย

สำหรับกิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” ของ 7-11 ในครั้งนี้ รู้สึกยินดีมากเพราะเคยได้ยินว่าประเทศอื่นๆ เขาก็เริ่มลดใช้ถุงพลาสติกกัน และตระหนักถึงปัญหาของถุงพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว จึงอยากสนับสนุนให้มีการรณรงค์แบบนี้ต่อไปให้แพร่หลาย เพราะบางทีเวลาไปเที่ยวข้างนอกหรือไปช้อปปิ้งก็จะนำถุงผ้าติดไปด้วยทุกครั้ง การจัดกิจกรรมแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจริงๆ แล้วคนไทยบางส่วนอาจจะยังไม่ตระหนักถึงพิษภัยและปัญหาจริงๆ ของถุงพลาสติกว่ามันคืออะไร พอมารณรงค์อย่างนี้ก็เหมือนกับได้ร่วมสนุก รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์และช่วยลดขยะที่เกิดจากถุงพลาสติกไปด้วย”

นายมนัส พิกุลแย้ม ก็เป็นอีกนึ่งคนที่ใช้บริการร้านสะดวกซื้อของ 7-11 ที่ปฏิเสธการรับถุงพลาสติกใส่ของจากทางร้าน มนัส ให้ความเห็นว่า “ปกติกแล้วจะไม่ค่อยได้ใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันเท่าไร เพราะรู้ถึงพิษภัยและปัญหาของถุงพลาสติกเป็นอย่างดีว่าย่อยสลายยาก เพราะธรรมดาแม่บ้านไปจ่ายกับข้าวก็จะถือถุงผ้าไปใส่ของอยู่เสมอและสะดวกรวมเป็นถุงเดียวใส่ของมา แต่ถ้าหากว่ามีถุงพลาสติกกลับมาด้วย ก็จะเก็บไว้และนำกลับมาใช้สำหรับทิ้งขยะในครัว

เห็นด้วยกับการรณรงค์ และประกาศเจตนารมณ์ “ลด และ เลิก ใช้ถุงพลาสติก” ของ 7-11 เพราะจะช่วยให้คนได้ตระหนักถึงพิษภัยของขยะถุงพลาสติกมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ 100% เพราะคนยังมีความจำเป็นในการใช้ถุงพลาสติกอยู่ แต่ทุกภาคส่วนก็ควรตระนักร่วมมือกันในการลดใช้และผลิตถุงพลาสติกให้น้อยลงและจริงจังมากกว่านี้ ถึงแม้จะไม่ได้ 100% ก็ค่อยเป็นค่อยไปก็ยังดีครับ”

นายธานินท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ล่าสุดบริษัทได้ขยายผลด้านการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น ในมหาวิทยาลัย ในโรงพยาบาล และตามเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เติบโตและเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบนพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ผ่านกิจกรรม “รักษ์อันดามัน ร่วมใจลดใช้ถุงพลาสติก” โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มูลนิธิโลกสีเขียว เครือเจริญโภคภัณฑ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อุทยานแห่งชาติบนเกาะต่างๆ ชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ ภาคประชาสังคม โดยที่ได้ดำเนินการไปแล้วคือ ที่เกาะลันตา เกาะยาวน้อย-เกาะยาวใหญ่ เกาะหลีเป๊ะ เกาะพีพี รวมถึงเกาะเต่าและเกาะเสม็ด โดยร่วมกับภาคประชาสังคมและชุมชนในเกาะต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและช่วยกันขับเคลื่อนการลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดแนวคิดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

“บริษัทได้เชิญชวนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมใจลดและเลิกใช้ถุงพลาสติก ผ่านการรณรงค์ 4 รูปแบบภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขาที่ตั้งอยู่บนเกาะ ประกอบด้วย 1.งดให้ถุงขนาดเล็กกับลูกค้าทุกคนยกเว้นที่เป็นสินค้าประเภทของร้อน 2. ยกเลิกแคปซีล(การใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม) 3. ยกเลิกการใช้พลาสติกหุ้มหลอดและเปลี่ยนเป็นใช้กระดาษแทนพลาสติก รวมไปถึงการติดตั้งกล่องกดหลอดเพื่อลดปริมาณการใช้หลอด และ 4. การติดตั้งถังขยะแยกประเภทบริเวณหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทุกสาขา เพื่อสนับสนุนแนวทางการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อชุมชน พร้อมติดตั้งสื่อรณรงค์ส่งเสริมการลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกทุกรูปแบบ”

นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดกิจกรรมไปสู่เยาวชนและสังคม ในแคมเปญ คิดถุ๊ง คิดถุง ผ่านการสร้างเครือข่ายเยาวชนไทย ลดใช้ถุงพลาสติก และได้ขยายโครงการไปสู่สถาบันการศึกษา และมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) เป็นแห่งแรกในการจัดทำโครงการลดการใช้ถุงพลาสติก และสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 80% จากนั้นก็ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้ลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ถึง 90% โดยในปี 2560 สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 24.09 ล้านใบ และในปีนี้ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับ 30 มหาวิทยาลัยเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นโครงการนำร่องและเป็นแบบอย่างที่ดีในการขยายผลสู่การสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนและสังคม

อีกทั้งมีโครงการ “ปฏิเสธถุง...ได้บุญ” หนึ่งในการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในร้านเซเว่นฯ ที่อยู่ในโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านเซเว่นฯ และปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก ทางร้านเซเว่นฯ จะสะสมยอดค่าใช้จ่ายไว้ 0.20 บาท และนำมอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดี และได้ขยายโครงการไปยังร้านเซเว่นฯ ในศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ทั้งนี้จะมีการขยายผลโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการลดการใช้ถุงพลาสติกและยังเป็นการทำบุญอีกด้วย” นายธานินทร์ กล่าว

หากทุกคนมีความมุ่งมั่นร่วมกันลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจังในทุกภาคส่วน และชวนกันหันมาใช้ถุงผ้าหรือวัสดุอื่นที่ปลอดภัยกับโลกใบนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานอนาคตที่ดีของโลกใบนี้จะกลับมาสดใสไร้ถุงพลาสติกและต่อลมหายใจให้โลกใบนี้ได้ยืนยาวต่อไปอย่างยั่งยืน
เรื่อง/ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม

กำลังโหลดความคิดเห็น