xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มปกาเกอะญอผู้หลงรักในเสียงเพลง นัน-อนันต์ อาศัยไพรพนา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผมมองว่าแม้ว่าฐานะทางบ้านผมจะไม่เอื้ออำนวย ถึงผมจะไม่ได้มีพร้อมทุกอย่าง ชีวิตผมอาจจะลำบากกว่าคนอื่นๆ แต่ผมก็ดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ แค่ผมได้อยู่กับพ่อและแม่ ได้ร้องเพลง ผมก็มีความสุขแล้ว ครอบครัวมีรอยยิ้มนั่นคือความสำเร็จของผม”

คำพูดข้างต้นเป็นของ นัน-อนันต์ อาศัยไพรพนา เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ที่หอบความสามารถด้านการร้องเพลงจากหมู่บ้านแม่ตอคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก มุ่งสู่เมืองกรุงเพื่อทำตามความฝันจนประสบความสำเร็จ ได้เป็นแชมป์ในรายการไมค์ทองคำ ซีซัน 6

แม้ว่าพื้นฐานครอบครัวจะไม่ได้สุขสบายอย่างใคร เพราะด้วยวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ห่างไกล หมู่บ้านจึงไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีถนนตัดผ่าน อีกทั้งด้วยความเป็นชนเผ่าปกาเกอะญอจึงส่งผลทำให้มีปัญหาการออกเสียงภาษาไทยไปบ้าง แต่เหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคในการร้องเพลงของเขาแต่อย่างใด เพราะเขาหมั่นฝึกฝน พัฒนา ไม่ท้อแท้และหมดหวัง นั่นก็เพราะมีความหวังเสมอมาว่าจะทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


เส้นทางสู่...นักร้อง

จุดเริ่มต้นเกิดจากตอน ป.4 ครับ มีวันหนึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อแข่งขันกันในโรงเรียน ครูได้ส่งตัวแทนแต่ละห้องไปแข่ง ส่วนตัวผมเป็นคนขี้อายมาก แล้วบวกกับที่ผมยังไม่รู้ตัวเอง ยังหาตัวเองไม่เจอว่าชอบอะไร ครูเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นลองไปท่องอาขยานดูไหม เอาจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจไปแข่งเลย ผมโดนบังคับไป (หัวเราะ)

พอได้ไปท่องอาขยาน ครูเลยบอกว่าลองฝึกร้องเพลงดูไหม เราอาจจะไปทางนี้ได้ ตอนแรกผมก็ไม่กล้าและมีความกลัวนะครับ เพราะผมยังไม่ค่อยชินกับครูด้วย แต่พอเริ่มชินกับครูแล้ว ผมก็ได้ไปฝึกร้องเพลงกับครู กับพี่ๆ ที่เขาฝึกกันอยู่แล้ว ฝึกสัปดาห์ละครั้ง ครูก็ได้ฝึกพื้นฐานการร้องเพลง ฝึกการออกเสียงต่างๆ ให้

กระทั่ง ป.6 ผมก็เริ่มไปประกวดร้องเพลง เวทีที่ผมไปประกวดส่วนใหญ่จะเป็นงานวิชาการในโรงเรียน เนื่องจากผมยังไม่กล้าออกไปประกวดเวทีใหญ่ แต่พอขึ้น ม.1 ผมก็ได้ไปประกวดร้องเพลงในเวทีที่ใหญ่ขึ้นซึ่งก็ไม่ได้รางวัลอะไรนะครับ ผมยังร้องเพลงไม่เก่งด้วย เลยได้ที่สุดท้ายมา พอได้ที่สุดท้ายยิ่งทำให้ผมอายมาก ก็มีเสียใจบ้างนิดหน่อย เพราะความรู้สึกของเด็กเราก็มีความหวังแหละครับ ครูก็เลยปลอบใจว่าเวทีนี้เป็นเวทีแรกของผม ประสบการณ์ผมยังสู้พี่คนอื่นไม่ได้ ดังนั้นต้องหมั่นฝึกฝนและพัฒนา

ต่อมาผมก็ได้ไปแข่งขันเป็นประจำเลยนะครับ ถึงผมจะไม่ชนะ ผมก็ไป เพราะผมรู้แล้วว่าตัวเองชอบร้องเพลง ผมไปประกวดเรื่อยๆ มีจัดประกวดผมก็จะไป แต่บนดอยที่ผมอยู่ไม่ได้มีการประกวดอะไรเท่าไหร่ 1 ปีจะมีงานใหญ่ๆ แค่ครั้งเดียว

พอขึ้น ม.3 ผมได้ไปประกวด 2 เวที เป็นเวทีร้องเพลงลูกทุ่ง และเวทีร้องเพลงสากล การประกวดครั้งนั้นเริ่มดีขึ้นมาหน่อย เพราะจากที่ผมไม่เคยชนะ ไม่เคยเข้ารอบอะไรเลย ครั้งนั้นเวทีร้องเพลงลูกทุ่งผมได้ไปถึงระดับภาค ส่วนเวทีร้องเพลงสากลผมได้ไปถึงระดับประเทศ จึงทำให้ผมฝึกร้องเพลงมาเรื่อยๆ จนจบ ม.3 ผมก็ได้ไปต่อ ม.4 ที่โรงเรียนใหม่

ก้าวแรกบนเวทีใหญ่
กับตำแหน่งแชมป์ไมค์ทองคำ ซีซัน 6

มีครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสกลับไปที่โรงเรียนเก่าเพื่อไปหาครู และโชคดีที่ครูจะพาน้องๆ ในโรงเรียนไปสมัครร้องเพลงในรายการไมค์ทองคำด้วยพอดี ครูก็บอกให้ผมไปลองดูไหม ไปแบบไม่ต้องคาดหวังอะไร แค่ไปเปิดหูเปิดตาหาประสบการณ์ก็พอ เอาจริงๆ ตอนนั้นผมไม่ได้หวังเลยครับว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ ผมคิดแค่ว่าได้ลองมาหาประสบการณ์ ผมไม่ได้หวังว่าผมจะถูกทีมงานเรียกไปออดิชันเลยด้วยซ้ำ แต่พอครูบอกว่าทางทีมงานติดต่อมาแล้วว่าผมผ่าน วันนั้นผมดีใจมากเลยนะครับที่ผมมีโอกาสได้ร้องเพลงในรายการนี้

พอได้เข้ารอบออดิชัน ผมก็ได้มีโอกาสเข้ารอบ 60 คนสุดท้ายของรายการไมค์ทองคำอีก ตอนนั้นผมมองว่าน่าจะเป็นรอบที่สูงที่สุดสำหรับผมแล้ว แต่ก็ได้เข้ารอบมาเรื่อยๆ จนผมทำตามความฝันสำเร็จได้รางวัลชนะเลิศในรายการไมค์ทองคำ ซีซัน 6 มาครับ

กว่าจะเป็นนักร้องในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ผ่านอุปสรรคมาแล้วนับไม่ถ้วน

กว่าจะมาถึงวันนี้ผมผ่านอะไรมาหลายอย่างมาก ผ่านทั้งน้ำตา เสียงหัวเราะ การฝึกฝน ความเหน็ดเหนื่อยสารพัดเลยครับ อย่างรอบที่ผมต้องเทรนนิ่ง ผมได้เดินทางจากบ้านเกิดจังหวัดตาก ใช้เวลาเดินเท้าร่วม 2 ชั่วโมงจากบ้านบนดอย และนั่งรถประมาณ 10 กว่าชั่วโมงเพื่อมากรุงเทพฯ พอเรียนเสร็จผมก็นั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ กลับแม่สอด บอกเลยครับว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยมากเลยครับ

หรืออย่างรอบอื่นๆ ก็เหมือนกัน กว่าผมจะผ่านเข้ารอบแต่ละรอบยากมาก ผมด้อยกว่าคนอื่นเยอะมาก ผมไม่ทันใครเลย บางทีฝึกซ้อม คนอื่นเขาทำได้หมด แต่ผมทำไม่ทัน ก็มีโดนดุบ้าง บางทีออกจากห้องซ้อมไป ผมแทบจะร้องไห้ เพราะสถานการณ์กดดันมาก ผมมักถามตัวเองทุกครั้งว่าทำไมเราทำไม่ได้ แล้วทำไมคนอื่นเขาทำได้

ถามว่าผมเคยท้อไหม ช่วงแรกผมท้อนะครับ เพราะการร้องเพลงถือว่ายากสำหรับผมเลย อีกทั้งตอนที่เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ผมโดนคนวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการออกเสียงไม่ชัด แต่ในความกดดันหลายๆ อย่าง ไม่เคยทำให้ผมคิดที่จะยอมแพ้เลยนะครับ ผมไม่ถอยแล้ว ผมมาถึงจุดนี้แล้วจะให้ทิ้งทุกอย่างไปก็คงไม่ใช่ ผมมองว่าดีเสียอีกที่ความกดดันหลายๆ อย่างในวันนั้นกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผมได้ฝึกฝนเพื่อลบคำสบประมาทต่างๆ ทุกครั้งที่ท้อ ผมจะคิดเสมอว่ามีโอกาสแล้ว ต้องคว้าไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม จะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด ให้คิดว่ารอบนี้เป็นรอบสุดท้ายของเรา ถ้าแพ้หรือไม่ได้เข้ารอบก็ไม่เป็นไร ชีวิตเรายังเดินหน้าต่อไปได้อีกเสมอ

อุปสรรคที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือเรื่อง “ภาษาไทย”

จะว่าไปแล้วเรื่องภาษาเป็นอุปสรรคอย่างแรกของผมเลยนะครับ ตอนแรกยากและหนักมาก เพราะด้วยพื้นฐานผมเป็นคนชนเผ่ากะเหรี่ยง ปกาเกอะญอ จากหมู่บ้านแม่ตอคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ทำให้ผมไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยเท่าไหร่ จะได้ใช้แค่ตอนเรียนกับครูมากกว่า นอกนั้นตอนอยู่กับเพื่อนจะพูดภาษากะเหรี่ยงล้วนๆ เลยครับ แต่ก่อนหน้านี้ตอนผมอายุได้ 5 ขวบ พี่คนที่ 2 ของผม ได้ไปทำงานในกรุงเทพฯ เขาก็ได้ซื้อวิทยุทรานซิสเตอร์มาให้ที่บ้าน 1 เครื่อง ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ได้แต่หมุนเล่นไปจนได้ยินเสียงเพลงภาษาไทย ผมก็หยุดฟัง แต่คลื่นก็ไม่ได้ชัดอะไรนะครับ ผมก็ได้ซึมซับมาโดยตลอด

ความยากของภาษาไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวสะกด อักขระ คำบางคำ เช่น ตัว ร.เรือ คำควบกล้ำ คำสั้นคำยาวต่างๆ บางคำเสียงยาวผมจะออกเสียงสั้น บางคำเสียงสั้นผมจะออกเสียงยาว อะไรประมาณนี้ครับ จากที่ผมเคยประกวดตามงานวิชาการของโรงเรียนมา ผมสังเกตว่าทางคณะกรรมการเขาจะคัดเลือกตรงที่ใครออกเสียงเหล่านี้ได้ชัดกว่ากัน ถ้าร้องเพลงเพราะทั้งคู่ก็จะใช้การออกเสียงชัด การออกเสียงถูกต้องเป็นตัวตัดสิน

การฝึกฝนภาษาไทยของผมจึงต้องเอาเนื้อเพลงมาอ่านแล้วก็ท่องเพื่อให้ชินก่อน ชัดก่อน อย่างตอนที่ประกวดที่โรงเรียน ก่อนประกวดครูจะให้อ่านและท่องเนื้อให้ผ่านก่อนแล้วถึงจะไปร้องกับคาราโอเกะ แต่ถามว่าชัดเป๊ะเลยไหม ก็ยังไม่ชัดขนาดนั้น

การมาประกวดไมค์ทองคำ ซีซัน 6 ผมเลยทำใจไว้อยู่แล้ว เพราะตัวผมเกิดมาเป็นชาวปะกาเกอะญอ จะให้ไปฝืนธรรมชาติให้ตัวเองพูดชัดเป๊ะเลยก็ทำไม่ได้ ผมจึงต้องฝึกไปเรื่อยๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับเนื้อเพลงและทำนอง ส่วนเพลงที่ใช้ประกวดในรายการไมค์ทองคำ ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่ผมเคยร้องมาก่อนหน้านี้แล้วนะครับ โดยรอบ Audition ผมเลือก เพลง “แด่แม่” รอบ 60 คน เพลง “เธอคือดวงใจ” รอบ 12 คน เพลง “ต้องมีสักวัน” รอบแก้ตัว เพลง “แทนความคิดถึง” รอบเพลงช้า เพลง “ จากคนที่รักเธอ” รอบเพลงเร็ว เพลง “รักคุณยิ่งกว่าใคร” และรอบเพลงใหม่ เพลง “พระจันทร์ไม่เต็มดวง” ครับ

ส่วนการฝึกฝนในด้านอื่นๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากนักกีฬาเลยนะครับ ตอนเช้าผมต้องตื่นมาวิ่งทุกวัน วอร์มเสียงทุกเช้า ตอนเย็นก็ต้องฝึกร้องเพลงที่จะใช้ประกวด หรือการฝึกลูกคอก็เช่นกัน ผมฝึกอยู่นานมาก ผมต้องตั้งใจฟังเพลงแบบจริงจังและฝึกร้องตามเรื่อยๆ ฝึกอยู่อย่างนั้น เหมือนคนบ้าเลยครับ (หัวเราะ)

พื้นฐานชีวิตไม่ได้สุขสบาย
กำลังใจสำคัญคือ “ครอบครัว” ที่สนับสนุนมาโดยตลอด

ผมมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ผมเป็นคนที่ 6 ฐานะครอบครัวพออยู่พอกิน ไม่ได้ร่ำรวย มีอาชีพทำไร่ ทำนา ปลูกข้าว ปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อนำมาบริโภคและที่เหลือก็นำมาค้าขาย วิถีชีวิตความเป็นอยู่คืออาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลและมีแค่ 5 ครัวเรือนเท่านั้น ในหมู่บ้านยังไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ใช้เทียนและการก่อไฟในการดำรงชีวิต ยังไม่มีถนนตัดผ่าน ผมจึงมีความฝันว่าอยากจะสร้างบ้านให้พ่อกับแม่เพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ถึงอาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ผมก็อยากให้ความเป็นอยู่ทางครอบครัวดีกว่าเดิมครับ ผมมองว่าแม้ว่าฐานะทางบ้านผมจะไม่เอื้ออำนวย ถึงผมจะไม่ได้มีพร้อมทุกอย่าง ชีวิตผมอาจจะลำบากกว่าคนอื่นๆ แต่ผมก็ดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ แค่ผมได้อยู่กับพ่อและแม่ ได้ร้องเพลง ผมก็มีความสุขแล้ว ซึ่งการทำให้ครอบครัวมีรอยยิ้มคือความสำเร็จของผม (ยิ้ม)


ถามว่าทางบ้านสนับสนุนให้ร้องเพลงไหม คุณพ่อ คุณแม่ จะแล้วแต่ผมเลยครับ ผมอยากจะเป็นอะไรที่บ้านจะสนับสนุนเต็มที่เลยครับ ผมอยากเป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดีก็พอ ทางบ้านจะสนับสนุนด้วยการให้กำลังใจมากกว่า เพราะถ้าจะให้สนับสนุนด้วยการให้เงินทองเพื่อไปเรียนเสริมเพิ่มเติมก็คงจะไม่มีให้ แต่กำลังใจเหล่านี้ก็เป็นแรงผลักดันที่ดีมากเลยนะครับ มันทำให้ผมมีวันนี้ได้ และพอผมได้ผ่านเข้ารอบทางบ้านก็ดีใจและภูมิใจครับ บอกแค่ว่าให้ผมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

ฝากถึงน้องๆ ที่มีความฝัน
เริ่มต้นด้วยใจ ควบคู่ด้วยการฝึกฝนและพัฒนา

ผมอยากฝากถึงน้องๆ ว่าถ้าอยากเริ่มต้นทำอะไร อย่างแรกเลย ใจต้องรักก่อน เพราะถ้าใจรัก อะไรหลายๆ อย่างก็จะตามมา แต่ถ้าใจไม่รักต่อให้ใครเก่งแค่ไหนมาสอนเรา เราก็ไม่อยากทำ แล้วพอใจรักแล้วก็ต้องหมั่นฝึกฝน พัฒนาตามมาด้วย

ส่วนในเรื่องการร้องเพลง ผมก็ไม่ได้เก่งจนสามารถไปสอนใครได้ขนาดนั้น ศักยภาพผมคงยังไม่พอ แต่ผมจะแนะนำพวกประสบการณ์ที่ผมได้รับจากการประกวดแทนมากกว่าครับ ตั้งแต่วันที่ผมได้แชมป์ไมค์ทองคำ ซีซัน 6 มา กระแสตอบรับกลับมาค่อนข้างดีมากเลยครับ คนในชนเผ่าหลายคนเขาเข้ามาขอบคุณผมที่ผมทำให้หลายๆ คนได้รู้จักชนเผ่า รู้จักปะกาเกอะญอมากขึ้น หลังจากที่ผมมาประกวดก็มีคนชนเผ่ากล้าเข้ามาประกวดร้องเพลงกันมากขึ้นด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากครับ

ประสบการณ์ทำให้ได้เจอโลกใบใหม่
กับก้าวต่อไปในอนาคต

ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณครูเพลง และศิลปินร่วมค่าย ที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ผมเสมอมา ขอบคุณคุณครูที่ช่วยสอนในเรื่องการออกเสียง การขับร้อง การที่ได้มาประกวดในครั้งนั้นทำให้ผมได้อะไรเยอะมาก จากที่ผมไม่กล้าคุยกับใคร ไม่กล้าทักทายใครก่อน ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว แต่พอได้มาอยู่ตรงนี้มันลดความอายของผมลงไปเยอะเลย มันทำให้ผมกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะเข้าหาคนมากขึ้น กล้าที่จะใช้ชีวิตในคนหมู่มาก นอกจากนี้แล้วผมยังได้ทั้งเพื่อน ได้ทั้งมิตรภาพ ได้ความสุข และได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ผมยังไม่เคยเจอ เหมือนกับว่าผมได้เจอโลกใบใหม่ที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนเลยครับ

ตอนนี้ผมก็กำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วครับ ส่วนความฝันในอนาคตเดิมทีตอนเด็กๆ ผมมีความฝันว่าอยากจะเป็นทหารครับ ผมมองว่าอาชีพนี้เท่ดี อยากใส่ชุดทหาร อยากถือปืน แต่พอโตขึ้นผมว่าอาชีพนี้ได้อะไรมากกว่าความเท่นะครับ เราเป็นลูกผู้ชายด้วย เราต้องรับใช้ชาติ แต่ตอนนี้ผมเดินมาบนเส้นทางการเป็นนักร้อง ผมคงจะต้องทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน

ในเรื่องการร้องเพลง ผมถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่งซึ่งน่าจะสูงสุดในชีวิตผมแล้ว ผมดีใจที่ความเหนื่อยในวันนั้นทำให้ผมได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างภูมิใจ ผมได้ทำให้ครอบครัวสุขสบายมากขึ้น แต่ผมก็ยังต้องพัฒนาต่อไป ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ การพัฒนาของผมยังไม่สิ้นสุดอยู่แค่นี้แน่นอนครับ

ท้ายนี้ผมขอฝากผลงานเพลง “พระจันทร์ไม่เต็มดวง” ด้วยนะครับ ในอนาคตก็จะมีซิงเกิลใหม่ที่จะออกมาเร็วๆ นี้ ตอนนี้อยู่ในช่วงดำเนินการอยู่ครับ อยากให้ติดตามทั้งผม และพี่ๆ ในค่ายยุ้งข้าว เรคคอร์ด ด้วยนะครับ

Profile

ชื่อ-นามสกุล : อนันต์ อาศัยไพรพนา
ชื่อเล่น : นัน
เกิด : 3 พฤษภาคม 2542
ส่วนสูง : 171 เซนติเมตร  น้ำหนัก : 68 กิโลกรัม
ภูมิลำเนา : จ.ตาก
มีพี่น้องทั้งหมด  6 คน (นัน คือคนที่ 6)
การศึกษา : กำลังศึกษาอยู่ที่มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านแม่อุสุวิทยา จ.ตาก (สายวิทย์-คณิต)
ศิลปินที่ชอบ :  ก๊อต จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ เพราะชอบน้ำเสียง ฟังแล้วไม่เบื่อ โดยเพลงแรกของพี่ก๊อตที่ฟังคือเพลง “ต้องมีสักวัน”
ความสามารถพิเศษ: เล่นดนตรีพื้นเมือง คือ “เตหน่า” เป็นเครื่องดนตรีประจำชนเผ่ากะเหรี่ยง ปกาเกอะญอ
งานอดิเรก : ร้องเพลง ออกกำลังกาย เล่นกีฬาฟุตบอล ฟุตซอล
ของสะสม : รองเท้า
รางวัลที่เคยได้รับ : รางวัลลูกกตัญญู ประจำปี 2561
ผลงาน : เพลง พระจันทร์ไม่เต็มดวง (2561)




ติดต่องานแสดงศิลปิน 02-833-2264 , 02-833-2590, 082-993-0302

เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี, Facebook : นัน อนันต์ อาศัยไพรพนา



กำลังโหลดความคิดเห็น