เมื่อสัปดาห์ก่อนอ่านข่าวใน manager online นี่แหละ ว่ามีมวยต่างชาติถูกนักสู้เส้าหลินศิษย์ก้นกุฏิของหลวงจีนเจ้าอาวาส น็อกในเวลาเพียง ๔๓ วินาที จนคนดูเกิดข้อกังขาและสืบสาวหาความจริงกันต่อมา ก็ได้ความว่า นักชกผิวหมึกชาวแทนซาเนียที่มีประวัติการชกมาอย่างสวยงาม แต่มาแพ้ศิษย์เส้าหลินแบบนกกระจอกไม่ทันกินน้ำนี้ ที่แท้ก็เป็นแค่นักศึกษานานาชาติที่มาเรียนอยู่ในจีน ยอมขึ้นไปให้ถลุงก็เพื่อหารายได้พิเศษเท่านั้น ไม่มีวิทยายุทธแต่อย่างใด ก็เลยทำให้นึกถึงข่าวมวยจีนถล่มเวทีราชดำเนินเมื่อ ๖๐ ปีก่อน แหกตาคนดูแบบนี้เหมือนกัน แต่แฟนมวยคนไทยไม่ต้องรอสืบหาความจริง เพราะเห็นอยู่กับตา เลยถล่มเวทีด้วยฝนชวดแก้ว หลังจากทนดูถึงคู่ที่ ๒ จากนั้นก็พากันกลับบ้าน ไม่มีใครรอดูคู่ต่อไป
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๐๑ เมื่อสนามมวยราชดำเนินจัดรายการใหญ่ที่น่าตื่นเต้น แต่ไม่ใช่รายการในภาพด้านซ้ายที่คนดูต้องยกเก้าอี้ขึ้นมาบังหัว หากเป็นรายการตามภาพขวา ที่ยอดฝีมือมวยจีนจากฮ่องกงยกทีมมาท้าปะทะกับทีมมวยไทย
ก่อนวันแข่งขัน ผู้จัดรายการโฆษณายกย่องทีมมวยจีนเสียเลิศเลอจนน่ากลัว ทั้งจะชกกันแบบไม่สวมนวม ให้นักมวยไทยใช้แค่ผ้าพันมือ ส่วนนักมวยจีนจะใช้หมัดลุ่นๆ เปลือยเปล่า ทำเอาแฟนมวยพากันเป็นห่วงนักมวยไทยว่าจะไม่มีใครรอดจากถูกน็อค หรืออาจถึงตายคาเวทีไปเลย จึงแห่ไปให้กำลังใจกันแน่นสนาม
เริ่มคู่แรก พอกรรมการให้สัญญาณชก สงวนศักดิ์ เทพรังสี ก็ปราดเข้าไปเอาเข่ากระทุ้งอก จางเอี้ยวเฉียง ๓-๔ ที แถมด้วยหมัดที่พันไว้แค่ผ้า กระแทกเข้าที่ปลายคางอย่างแรง สุดยอดมวยจีนก็ลงไปนอนฟังกรรมการนับ ๑๐ อย่างตรงกันข้ามกับราคาคุย ทำเอาคนดูพากันเสียอารมณ์ไปตามกัน
คู่ที่ ๒ ประวัติ พงษ์ไทย ต้องเจอกับ หูเซิ่ง ซึ่งรูปร่างบึกบึนยังกับจับกังท่าเรือ พอเริ่ม หูเซิ่งก็เป็นฝ่ายปราดเข้าหาประวัติ กางเล็บที่ดูแข็งเหมือนเหล็กพุ่งเข้าเลี๊ยะพะนักมวยไทย ประวัติหลบฉากแล้วสวนด้วยหมัดขวาเข้าที่กกหูอย่างถนัด แค่หมัดเดียวแท้ๆ ยอดยุทธจักรจากฮ่องกงก็ถลาดังในภาพ แล้วไปนอนฟังกรรมการนับ ๑๐ อีกคน
พอเห็นฝีมือมวยจีนคนที่ ๒ คนดูทั้งสนามที่เสียอารมณ์มาจากคู่แรก ต่างก็ตะบะแตก คิดว่าเป็นรายการแหกตาไปจับเอาจับกังไม่เป็นมวยมาขึ้นเวทีแน่ เลยโห่ฮาสนั่นพร้อมกับหยิบของใกล้มือขว้างปาไปที่เวที ตอนนั้นยังไม่มีการห้ามเอาขวดน้ำดื่มที่เป็นแก้วเข้าเวทีเสียด้วย หลายคนจึงหัวแตกเลือดอาบไปตามกัน นอกจากนั้นยังมีรองเท้าแตะจนถึงซาลาเปาลอยลงไปด้วย
พอเกิดการจลาจลขึ้น บรรดาพี่เลี้ยงนักมวยจีนช่วยกันหิ้วปีกนักมวยที่ยังสะลึมสะลือลงจากเวที วิ่งเข้าห้องพักนักมวยปิดประตูแน่น คนดูก็พากันกลับ ไม่มีใครรอดูคู่ที่ ๓ อีกเลย
นี่ก็เป็นเรื่องแหกตาแฟนมวยเมื่อ ๖๐ ปีก่อน ถึงวันนี้ก็ยังใช้วิธีเก่าหากินกันอีก ถ้าอยากรู้ว่าแฟนมวยเมืองไทยก้าวหน้าขึ้นแค่ไหน ลองมาจัดแบบนี้ในเมืองไทยอีกซักที ก็จะได้รู้รส