xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ยัน “ปิยสวัสดิ์” ถอนฟ้องเองแบบไร้ข้อแลกเปลี่ยน แจงคำ “ไกล่เกลี่ย” ทำคนเข้าใจผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ปานเทพ” ยัน “ปิยสวัสดิ์” ถอนฟ้องเองแบบไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ ทั้งสิ้น คาดหวั่นโดนซักค้านเพราะตนยืนกรานต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนให้ได้ แจงคำ “ไกล่เกลี่ย” เป็นกระบวนการของศาล นึกไม่ถึงจะเอาคำนี้มาทำประชาชนเข้าใจผิดว่ามีการตกลงอะไรกัน



วานนี้ (5 พ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ได้ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน" ถึงประเด็นที่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท

โดยกล่าวว่า จากบทความที่ตนเขียน "ไพ่ฝากจากทักษิณในรัฐบาลทหาร" 10 ตอนรวด เมื่อปี 2560 เขียนวันแรกก็คิดไว้แล้วว่าจะถูกฟ้อง และได้คิดแล้วว่าจะขึ้นซักค้านว่าอะไร ตนยินดีที่จะถูกฟ้อง จะได้มีโอกาสซักค้านคนที่เกี่ยวข้อง

นายปานเทพกล่าวอีกว่า พอโดนฟ้อง ศาลก็จะให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย เพราะศาลมีคดีเยอะ มันเป็นนโยบายศาล ศาลได้ออกจดหมายถึงตน 3 ครั้งเพื่อมาไกล่เกลี่ย ตนไม่ไปทั้ง 3 ครั้งเลยเพราะต้องการให้นัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งวันนั้นนายปิยสวัสดิ์ต้องมา ส่งทนายมาไม่ได้ แล้วตนจะขอซักค้านด้วยตัวเอง จนกระทั่งถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ผู้พิพากษาก็ยังจะให้ไกล่เกลี่ย แต่ตนยืนยันตั้งแต่ครั้งแรกเลยจะขอซักค้านเอง ไม่ขอไกล่เกลี่ย นายปิยสวัสดิ์ขอให้ลบบทความ ตนไม่ยอม จนกระทั่งขอให้แค่ลบลิงก์บทความออกจากเฟซบุ๊ก ตนก็ไม่ยอม ศาลได้นัดวันที่ 1 พ.ย. 2561 ตนตั้งใจไปซักค้าน เตรียมเอกสารและคำถามมาอย่างต่อเนื่อง แต่นายปิยสวัสดิ์ไม่มา เป็นความบังเอิญหรือตั้งใจไม่อยากให้ตนซักค้านหรือไม่ มีเพียงทนายมา 2 คน เตรียมเอกสารมาล่วงหน้า แสดงว่าตั้งธงมาแล้วว่าจะถอนฟ้อง ไม่ใช่ทำโดยพลการแบบที่ นางอานิก อัมระนันทน์ บอก

นายปานเทพกล่าวด้วยว่า กระบวนการก่อนหน้า ศาลเสนอให้นายปิยสวัสดิ์ถอนฟ้อง เพื่อไม่ให้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วจะต้องโดนยกคำร้องเพราะไม่มีมูล ทนายมาบอกว่านายปิยสวัสดิ์ตัดสินใจถอนฟ้อง โดยที่ตนไม่ต้องทำอะไรเลย ตนไม่เคยแลกเปลี่ยนอะไรด้วยสักอย่าง แล้วที่บอกว่าไกล่เกลี่ยนั้นเป็นขั้นตอนกระบวนการของศาลเพราะยังไม่เข้าสู่กระบวนการไต่สวน นี่เป็นบทเรียน เพราะนึกไม่ถึงว่าหลังจากนั้นจะเอาคำว่าไกล่เกลี่ยมาทำให้เข้าใจผิดว่ามีการตกลงอะไรกันบางอย่าง
คำต่อคำ

เติมศักดิ์- สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการคนเคาะข่าววันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561 คนเคาะข่าววันนี้ให้คุณผู้ชมได้มาฟังข้อเท็จจริงในคดีที่คุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลัง ฟ้องคุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สื่อมวลชน ฐานหมิ่นประมาทและปรากฏว่ามีการถอนฟ้องในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา และต่อมาก็มีการโพสต์ข้อความจากบางฝ่ายที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนในข้อมูลข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายของคดีนี้ เพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาเรียนรู้กันนะครับว่า ภาคประชาชนหรืออะไรก็ตาม ได้เรียนรู้อะไรจากคดีหมิ่นประมาทนี้บ้างนะครับ เรามาฟังจากตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย หรือ คปพ. อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สวัสดีครับอาจารย์ปานเทพครับ

ปานเทพ- สวัสดีครับ สวัสดีครับท่านผู้ชมครับ

เติมศักดิ์- อาจารย์ก่อนอื่นทบทวนข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของคดีที่คุณปิยสวัสดิ์ฟ้องอาจารย์ปานเทพฐานหมิ่นประมาท และมีการถอนฟ้องเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน สักนิดครับ

ปานเทพ- ก็ขออนุญาตไล่เรียงเรื่องราวว่าเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2557 ซึ่งก็เป็นการก่อตัวขึ้นของนักวิชาการและภาคประชาชนที่ออกมารวมตัวกัน และมีการรวมตัวกันในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกับฝ่ายภาครัฐ ถ้าใครจำได้ก็คือ มีการจัดที่สโมสรกองทัพบก ที่หลวงปู่พุทธอิสระจัดเวทีระหว่างตัวแทนพลังงานกับภาคประชาชน และให้ประชาชนแค่ถามเฉยๆ และก็เกิดการเรียกว่าดีเบตอีกครั้งหนึ่งในปี 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดเวทีดีเบตเกิดขึ้นในฝ่ายละเท่าๆ กัน และเป็นการอภิปราย สลับกันอภิปราย ระหว่างทางตัวแทนกลุ่มทุนพลังงานและกระทรวงพลังงาน และภาคประชาชน หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ก่อให้เกิดประชาชนรวมตัวกันในทางวิชาการที่แถลงข่าวให้ความรู้กับประชาชนหรือถือเรื่องความไม่ชอบมาพากลในเรื่องของพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ว่าจะต้องมีการปฏิรูปกฎหมายก่อน จนกระทั่งเดินทางมาสู่การปฏิรูปกฎหมาย ในระหว่างทางทำให้มีประชาชนหลายฝ่ายได้ความรู้กันเยอะเลย และก็เป็นแนวร่วมกับเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย แต่เราก็ได้รับบทเรียนมาว่าในช่วงเวลานั้นเองนะครับ ก็มีประชาชนธรรมดาซึ่งเป็นชาวบ้านก็โพสต์ด้วยความโกรธแค้นบ้างด้วยความไม่พอใจหลังจากได้รับข้อมูลบ้าง บางคนก็เห็นว่าราคาพลังงานแพง และก็มีความรู้สึกว่าไม่สบายใจ บางคนก็โพสต์ราคาเปรียบเทียบ บางคนก็บริภาษถึงตัวที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐหรือองค์กรพลังงาน กลุ่มทุนพลังงาน แต่ปรากฏว่าประชาชนถูกฟ้องเป็นจำนวนมาก ฟ้องเป็นการส่วนตัว จากการโพสต์เฟซบุ๊ก แชร์เฟซบุ๊ก แม้แต่คอมเมนต์ธรรมดาก็มี ที่นี่ประชาชนชาวบ้านเวลาถูกฟ้อง น่าสงสารมากครับคุณเติมศักดิ์

เติมศักดิ์- ยังไงครับ

ปานเทพ- คือ 1.คนเรานี้เขารัก คปพ. เขารักเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทยว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ แทนที่รัฐได้รับข้อมูลที่เห็นว่าตัวเองไม่เห็นด้วยหรือกลุ่มพลังงานจะใช้วิธีแถลงข่าว หรือซื้อพื้นที่โฆษณา ชี้แจงความเป็นจริง กลับใช้วิธีฟ้องร้องประชาชนให้ได้รับความเสียหาย ปัญหาคือประชาชนเหล่านี้ บางคนเป็นประชาชนที่ไม่มีเงิน ไม่มีฐานะ เป็นชาวบ้านที่อาจจะรู้การใช้โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย และก็โพสต์ตามอารมณ์ หลังจากได้รับข้อมูลมา คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าจะไปค้นข้อมูลจากที่ไหน จะไปหาทนายที่ไหน และก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเอกสารไหนที่จะไปสู้ความจริง และบางคนไม่มีแม้กระทั่งเงินทุน ที่จะเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามากรุเทพฯ ประจำ ที่จะสู้คดีความ

เติมศักดิ์- มันก็เกิดได้เปรียบ เสียเปรียบใช่ไหมครับ

ปานเทพ- ในแง่ได้เปรียบเสียเปรียบ เปรียบเสมือนกับว่า แทนที่จะใช้ชี้แจง ก็ใช้วิธีการฟ้อง เพื่อปิดปากประชาชนหรือไม่

เติมศักดิ์- มันศัพท์คำว่าฟ้องปิดปาก

ปานเทพ- ฟ้องปิดปาก เขาเรียกว่า สแลพ (slap) เพื่อทำให้ประชาชนยอมหมอบ ไม่กล้าแสดงความเห็นให้ประชาชนอื่นรู้ และไม่กล้าลุกขึ้นมาสู้ ด้วยการอาศัยความเหลื่อมล้ำ ทางความรู้ ทางเหลื่อมล้ำ ทางฐานะ ทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำในแง่ของการถืออำนาจรัฐ ทั้งหมดนี้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนักมาก บางคนต้องประกันตัวคุณเติมศักดิ์ และก็ต้องขอเงิน คปพ. ที่บางคนมาเป็นช่างกล้อง บรรดาที่ถ่ายรูป ไม่มีเงินที่จะประกันตัว เราให้เงินประกันตัวเขาออกมา ไม่งั้นเขาก็ติดคุกธรรมดา

เติมศักดิ์- เกิดคดีแบบนี้หลายคดี

ปานเทพ- เยอะมาก จนกระทั่งประชาชนเหล่านั้นต้องกล้ำกลืน เป็นช้ำน้ำใจ ขอโทษ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้คิดที่จะขอโทษเลย ให้ตัวเองได้รับความอับอายต่อประชาชนคนอื่นๆ บางคนถอดใจไม่มาเข้าร่วมกับ คปพ. เพราะรู้สึกทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองตัวเองไม่ได้รับประโยชน์ นอกจากต้องเสียเวลาทำมาหากินแล้ว ยังต้องได้รับผลกระทบทางคดีความ ประชาชนเหล่านี้น่าสงสารมาก ผมไม่ได้พูดถึงว่าเป็นกลุ่มทุนกลุ่มไหน รัฐภาคใด หรือเป็นคนใด แต่โดนแบบนี้กันเยอะ ในปี 2558 ในช่วงเวลาตอนนั้นก็มีเหตุการณ์ที่มีการโพสต์ข้อความเยอะเลย เข้าใจว่าเป็นช่วงการฟ้องร้องคดีความในเครือผู้จัดการจำนวนมาก ก็มีคดีที่ผมอาจจะโพสต์ในเฟซบุ๊กเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว กปปส. แล้วคุณปิยสวัสดิ์ กับคุณอนิก มีการประชุมนอกรอบที่ไหน และมีการทักท้วงที่ไหน เอกสารอย่างไร เป็นต้น และฟ้องร้องว่า ผมหมิ่นประมาท หรือเผยแพร่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตอนนั้นนะครับ ซึ่งผมเองก็พร้อมสู้คดีความนะครับตอนนั้น แต่บังเอิญฟ้องทั้งเครือผู้จัดการเยอะมาก คุณชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย โดนฟ้อง บทความในผู้จัดการโดนฟ้องไม่ต่ำ 3-5 บทความ หรือว่ามากกว่านั้น ผมก็จำไม่ได้ เป็นซีรี่ย์ยาวเรื่องพลังงานเลย

เติมศักดิ์- ฟ้องในปี 58

ปานเทพ- ครับ ฟ้องในปี 58 อาจจะมีสะสมกันมา แล้วก็มารวม ศาลเห็นว่ามันเยอะ คดีมาก ก็เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ไม่ใช่คดีนี้นะครับ ยังไม่ใช่คดีที่ผมพูดถึง นั้นคือคดีปี 2558 ผลปรากฏว่าการต่อรองพูดคุย เห็นแก่ว่าเครือผู้จัดการมีคดีเยอะ เงินก็มีน้อย ทนายก็มีคดีจนล้น ภาระก็ล้น ดังนั้นถ้าลดภาระลงได้น่าจะเป็นประโยชน์กับเครือผู้จัดการทั้งเครือ ทั้งคอลัมนิสต์หลายฝ่าย ทุกคนก็ตัดสินใจในเครือผู้จัดการว่าให้เจรจา เขาขอเจรจาว่าลบบทความเก่าออก ลบข่าวเก่าออกทั้งหมด แล้วก็ภายใต้บันทึกว่าไม่ใช่การยอมรับผิดของค่ายผู้จัดการ

เติมศักดิ์- อ๋อ มีการบันทึกหมายเหตุไว้ด้วย

ปานเทพ- ไม่ใช่การบันทึก แต่เห็นว่าเป็นการลดจำนวนคดีในศาลตามเจตนาและนโยบายของศาล ที่ต้องการลดจำนวนคดี

เติมศักดิ์- แตมิใช่การยอมรับผิด

ปานเทพ- ไม่ใช่การยอมรับผิด แล้วไม่ใช่เป็นการขอโทษหรือเพื่อเยียวยาความเสียใจด้วย

เติมศักดิ์- ไม่ใช่การยอมรับผิด ไม่ใช่การขอโทษ หรือยอมรับว่าตัวเองผิด มีการบันทึกไว้เช่นนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เาเห็นว่ามันเป็นคดีตั้งแต่ปี 57 ช่วง กปปส. ไล่เรื่อยมา เป็นปี 58 คดีเยอะมากนะครับ หารลบก็คงไม่กระทบกระเทือนเท่าไหร่ ประชาชนอ่านไปมากแล้ว แชร์ไปเยอะแล้ว แล้วก็รับรู้ไปนานมากแล้ว

เติมศักดิ์- ก็เลยมีการลบ

ปานเทพ- ลบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีผมในปีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ตอนนั้นลบไปเกือบทั้งหมด ผมไม่ได้มีบทความ มีกระทู้เรื่องชุมนุม กปปส. ก็ลบไปด้วย เพราะเป็นแก่ประโยชน์องค์กรเท่านั้น ที่นี้ต่อมาเสร็จเนี่ย ผมก็ทราบว่ามีกลุ่ม คปพ. บางท่านถูกฟ้อง ก็คือคุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เดิมที่ไม่ได้อยู่เครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทยเลย แต่ถูกบางท่านฟ้องร้องคุณธีรชัย

เติมศักดิ์- จากการโพสต์ข้อความ แสดงความเห็น

ปานเทพ- แสดงความเห็น โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเหมือนกัน แต่คุณธีรชัยสู้ครับ แต่ใช้ประโยชน์จากการสู้ด้วย ด้วยการขอเรียกเอกสาร หลักฐานจำนวนมากที่เป็นเอกสารราชการ และก็ได้เอกสารมาเยอะมาก ที่ไม่มีทางคนธรรมดาจะเข้าถึงเลย เพราะเป็นเอกสารที่การเซ็นการสัมปทาน การโอนสัมปทาน การแจกหุ้น การประชุมหุ้น อย่างละเอียด แม้กระทั่งเอกสารแนบการประมูล ได้มาเป็นกลุ่มใหญ่และประมาณมาก

เติมศักดิ์- เพราะมีการนำเรื่องขึ้นสู่ศาล

ปานเทพ- นำเรื่องเข้าสู่ศาล คุณธีรชัยสู้ และก็ชนะคดีนะครับ ชนะคดีมาเรื่อย ที่นี้ คปพ. ก็ถูกฟ้องแทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคุณรสนา หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ คุณอิฐบูรณ์ อ้นวงษา และก็อีกหลายคน ถูกฟ้องเป็นระยะๆ มาถึงจุดนี้ ผมก็ทบทวนเอกสารที่คุณธีรชัยได้หลักฐานมาเพิ่ม

เติมศักดิ์- หลังจากที่ถูกฟ้อง

ปานเทพ- หลังจากที่ถูกฟ้อง คุณธีรชัยแกก็เป็นแนวนร่วม ตชคปพ. คนใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ทำการบ้านเยอะมาก และก็ฉลาดหลักแหลมมาก ผมรู้สึกขอบคุณมาก ที่มีการฟ้งคุณธีรชัยเกิดขึ้น

เติมศักดิ์- ทำให้เห็นเอกสารต่างๆ ที่คทั่วไปอาจจะเข้าถึงได้ยาก

ปานเทพ- เข้าถึงได้อยากนะครับ แล้วก็ที่สำคัญคุณธีรชัย ชนะคดีมาเรื่อย ตอนนี้อยู่ระหว่างการฎีกา เดี๋ยวจะพิสูจน์กันว่าใครชนะในท้ายที่สุด ดังนั้นคดีที่ผมเกิดขึ้นตอนนี้ คือคดีที่เกิดผลเร็วที่สุด ระหว่างฟากพลังงานกับฟากประชาชนที่ได้ผล ที่นี้มันเกิดขึ้นยังไงต่อ หลังจากที่ผมได้เอกสารมา ผมก็นั่งทบทวนปรากฏว่ามันมีหลักฐานจำนวนมาก หลักฐานใหม่ ที่ผมไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย ก็เลยเป็นผลทำให้ผมไปนำบทความที่ลบไปแล้วเมื่อปี 2558 ของค่ายผู้จัดการ ไปทบทวนดู ปรากฏว่าความหลายอย่าง ถ้ามาต่อยอดกับหลักฐานหรือข้อมูลใหม่ มันจะเป็นบทความที่สมบูรณ์และไม่ควรจะทิ้งสิ่งที่ลบไปแล้วทั้งหมด การลบไปแล้ว ถ้าผมมาโพสต์ใหม่ ผมมีสิทธิ์ถูกฟ้งอีก แต่ครั้งนี้ผมเห็นหลักฐานทั้งหมด พร้อมจะให้ถูกฟ้องได้

เติมศักดิ์- คือบทความเก่าปี 58

ปานเทพ- 57 แต่มามีการไกล่เมื่อปี 58

เติมศักดิ์- บทความเหล่านั้นเมื่อเอามาประกอบกับข้อเท็จจริง

ปานเทพ- ที่ได้มาใหม่

เติมศักดิ์- ที่ได้มาภายหลัง หลังจากที่อาจารย์ธีรชัยถูกฟ้อง ก็นำมาปรับปรุงบทความเป็นโพสต์ใหม่

ปานเทพ- และมาโพสต์ใหม่ ไม่ได้โพสต์ใหม่ ไล่เรียงบทความใหม่ คราวนี้ผมเขียนบทความชื่อ ไพ่ฝากทักษิณ

เติมศักดิ์- โดยเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวเนื่องกับบทความที่เคยลบไป

ปานเทพ- บทความที่เกี่ยว ที่ลบไป มีมากกว่านี้อีก อีกจำนวนมากเลย ผมเขียนไพ่ฝากทักษิณในรัฐบาลทหาร 10 ตอนรวดเลยครับ ทุกสัปดาห์ต่อเนื่องกัน และเขียนวันแรกก็คิดว่าตัวเองจะถูกฟ้องนะครับ เพราะว่าผมทำกราฟิกด้วย และเขียนบทความ ทุกบรรทัดผมดูเอกสารทุกชิ้นแล้ว และก็คิดแล้วว่าถ้าถุกฟ้อง จะขึ้นซักค้านว่ายังไง จะขึ้นเบิกความว่ายังไง และก็ยินดีถ้าจะถูกฟ้อง เพราะจะได้มีโอกาสซักค้านคนที่เกี่ยวข้อง เพราะคดีหลายคดีที่ฝ่าย คปพ. ไปฟ้องเขา ไปฟ้องศาลปกครอง เขาบอกว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย ไปฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดินก็อาจถูกภายใต้อิทธิพลของรับบาลที่คอยกำกับดูแลอยู่ ไปฟ้องปปช. ก็ไม่มั่นใจว่า ปปช. ภายใต้การคัดเลือกของสนช. ภายใต้รัฐบาลจะเข้าข้างใคร สุดท้ายแล้วประชาชนไม่มีโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเลย ที่จะไปแสวงหาข้อเท็จจริง ดังนั้น ผมเขียนบทความให้ฟ้องได้ และจะยินดีถ้าเขาฟ้อง

เติมศักดิ์- อาจารย์จึงเขียนบทความชุด บันทึกลับไพ่ฝากทักษิณ ในรัฐบาลทหาร

ปานเทพ- ใช่ครับ

เติมศักดิ์- ลงในผู้จัดการสุดสัปดาห์

ปานเทพ- 10 ตอน ทุกสัปดาห์

เติมศักดิ์- 10 ตอน ทุกสัปดาห์ เริ่มวันที่ 20 มกราคม 2560 20 มกรา 27 มกรา

ปานเทพ- ไปเรื่อยจนครบ 10 ตอน และทำกราฟิก

เติมศักดิ์- และหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ ก่อนที่เราจะไปดูเนื้อหาในบทความ

ปานเทพ- ก่อนที่จะดูเนื้อหาก็คือว่าผมเขียนบทความเสร็จก็ไล่มาเรื่อย จนกระทั่งครบ 10 ตอน และก็เห็นว่าได้มีหลักฐาน รอนะครับ ว่าเมื่อไหร่เขาจะฟ้อง ถ้าฟ้องเราก็มีโอกาสซักค้านเขาได้ ดังนั้น ผมก็ดูเหตุการณ์ไป จนกระทั่งประมาณเดือน นี่เดือนมกราคมใช่ไหมครับที่ผมเขียน

เติมศักดิ์- ตอนแรก 20 มกรา เขียนไป 10 ตอน

ปานเทพ- 20 มกรา ดังนั้นเขาก็คงต้องดูเรื่องอายุความ ก็ปรากฏว่าเขามาฟ้องผมประมาณเดือนกุมภา มีนา ก็ฟ้องผมทีเดียว 3 บทความเลย

ปานเทพ- ก็คือ 3 บทความแรกของบทความ จาก 10 ตอน และก็ฟ้องเลย พอฟ้องเสร็จ ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราต้องเตรียมทำการบ้าน เพราะว่าเป็นบทความที่ผมเขียนในปี 2560 ไม่ใช่เหตุการณ์ปี 2558 และผมจะได้รู้สึกว่าประชาชนที่ถูกฟ้อง ผู้จัดการที่ลดไปทั้งเครือ เราควรจะยืนหยัดสิทธิ์เพื่อจะสู้ความจริง เพราะเรามีหลักฐานในมือแล้ว ในเมื่อเราถือหลักฐานทั้งหมดในมือ ขอสู้คดีครับ ดังนั้น หลังจากนั้นก็ปรากฏว่า เขาก็เริ่มพิจารณาเนื่องจากคดีหมิ่นประมาทมันเกลื่อนประเทศ ศาลก็จะมีนโยบายไกล่เกลี่ยเพื่อลดจำนวนคดีในศาลหลง ไม่ให้เป็นภาระแก่ศาล ให้ศาลไปพิพากษาพิจารณาคดีที่สำคัญๆ กระบวนการนี้มันเป็นนโยบายของศาลอยู่แล้ว ศาลท่านก็ออกจดหมายถึงผม 3 ครั้ง ทิ้งช่วงเป็นเดือนๆ เลยนะครับ เพื่อให้ผมเข้าสู่กระบวนการนัดไกล่เกลี่ย ขอให้มาตามกำหนด เพื่อขอให้ไกล่เกลี่ยตกลงกันด้วย ผมตัดสินใจไม่ไปทั้ง 3 ครั้ง ไม่ไปเลย

เติมศักดิ์- ผลของมันคืออะไรครับ ไม่ไปทั้ง 3 ครั้ง

ปานเทพ- ว่าการที่ไม่ไป เพราะผมหวังว่าวันหนึ่งเมื่อไม่ไปแล้ว ต้องเริ่มนัดไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อนัดไต่สวนมูลฟ้องแล้ว หนีไม่พ้นฝ่ายโจทก์ก็คือคุณปิยสวัสดิ์ ต้องมาด้วยตัวเอง ส่งทนายมาไม่ได้ ทนายมาได้ปากเดียว ก็ไม่รู้ข้อเท็จจริง และผมจะข้อซักค้าน

เติมศักดิ์- เพราะว่า 3 ครั้งที่ผ่านมา คือการนัดไกล่เกลี่ย ระหว่างคู่ความ ซึ่ง คุณปิยสวัสดิ์ ในฐานะผู้ฟ้องไม่จำเป็นต้องมาไกล่เกลี่ยเองเลย

ปานเทพ- ไม่ต้องมาไกล่เกลี่ยเองก็ได้ จะใช้ทนายก็ได้ แต่ว่าผมไม่ไปทุกครั้งเลย ทั้ง 3 ครั้ง ก็แสดงให้เห็นว่าผมตั้งใจซักค้าน

เติมศักดิ์- เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนมูลฟ้อง

ปานเทพ- ไต่สวนมูลฟ้อง โดยครั้งหนึ่งมีคนหนึ่งเป็นไข้อยู่ในค่ายผู้จัดการ ผมบอกว่าทางคุณปิยสวัสดิ์เขาขู่มาว่าครั้งนี้คุณปานเทพอย่าหวังว่าจะถอนฟ้องนะ ผมบอกว่าใครบอกว่าผมอยากจะถอนฟ้อง ผมอยากจะไต่สวนเขาต่างหาก ไปบอกเขาด้วย ดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็เกิดปรากฏการณ์ที่ผมไม่ไปนัดไกล่เกลี่ย จนกระทั่งถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ประมาณปลายปี 2560 ผู้พิพากษาก็เข้าสู่กระบวนการในการนัดไต่สวนมูลฟ้อง ผมก็ไปปรากฏว่า

เติมศักดิ์- การนัดไต่สวนมูลฟ้องเพื่อจะตัดสินว่า จะรับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง

ปานเทพ- จะประทับรับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง ต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน ถ้าศาลรับฟ้องก็สุ้กันในศาลชั้นต้น อุทรณ์ ฏีกา ถ้าศาลไม่รับฟ้อง หลุดเลย เท่ากับผมชนะทันที ไม่ต้องไปรออีกหลายๆ ปี

เติมศักดิ์- เพราะฉะนั้นย้ำว่าสถานะของคดีนี้

ปานเทพ- ยังไม่ถึงขั้นไต่สวนมูลฟ้อง

เติมศักดิ์- ยังนะครับ

ปานเทพ- ยัง เสร็จแล้ว แล้วพอผมไปถึง นัดแรกเป็นนัดไต่สวนมูลฟ้องจริงๆ ผู้พิพากษาก็ถามว่ายังไง ก็ไกล่เกลี่ยอยู่อีก ไม่ใช่ท่านนี้นะครับ ท่านก่อนหน้านี้อีก ท่านก็พยายามบอกว่าคดีมันเยอะนะในศาล เพราะฉะนั้นแล้ว จะลดราวาศอกได้ไหม คุณปานเทพจะลบได้ไหม ก็ปรากฏว่าไม่มา ศาลท่านบอกว่างั้นครั้งหน้าขอคุณปิยสวัสดิ์มา ครั้งต่อมาคุณปิยสวัสดิ์มา ครั้งที่ 2

เติมศักดิ์- นัดครั้งแรก คุณปิยสวัสดิ์ไม่มา

ปานเทพ- ไม่มา ผมก็ยินดีว่า ผมจะขอขึ้นซักค้านเอง ตั้งแต่ครั้งแรกเลย ว่าผมไม่ไกล่เกลี่ย และผมไม่มีอะไรจะต้องทำและไม่ต้องทำ และผมจะขอขึ้นซักค้านเลยด้วยตัวเอง

เติมศักดิ์- จึงมีการนัดครั้งต่อไป

ปานเทพ- แล้วก็ ศาลก็จะประหลาดใจหน่อย คืออย่างนี้ครับท่านผู้ชมและคุณเติมศักดิ์ การที่จำเลยขอซักค้านเอง เกิดขึ้นน้อยมาก น้อยมากๆ มันผิดปกติจริงๆ ที่จำเลยจะขอซักค้านด้วยตัวเอง ผมมาเรียนรู้ในกระบวนการว่ามีเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทยท่านหนึ่งคือ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ซึ่งถูกฟ้องและทนายถามไม่ได้ดั่งใจ เพราะว่ารายละเอียดคนที่รู้จริง เขาจะซักค้านจนมุม เพราะเขารู้ว่าพวกคุณจะตอบว่ายังไง หลบเลี่ยงยังไง จะดักทางได้ทัน แต่ถ้าทนายไม่รู้เรื่องทั้งหมดในเรื่องข้อเท็จจริง อาจจะไล่ไม่ทันในคำถาม ดังนั้นหม่อมหลวงกร หลังจากเพลี่ยงพล้ำในศาลชั้นต้นบางคดี ก็ลุกขึ้นเอง ขอเป็นทนายให้ตัวเอง คือขึ้นซักค้านเอง ปรากฏว่าชนะ (มีต่อ...)


กำลังโหลดความคิดเห็น