แฟนคลับ BNK48 เดือด! หลังพบชายนั่งรถเข็นใส่หน้ากากโพสต์ภาพคู่กับสมาชิกในงานจับมือ แถมอวดอ้าง เจ้าตัวรีบลบรูป ก่อนขอโทษ เผยเพื่อนให้บัตรจับมือฟรีพร้อมส่งรูปมาให้ อ้างเขียนแคปชั่นหวังเกทับเพื่อน ฝั่ง "ต้อม-จิรัฐ" ออกโรงขอยอมรับความผิดพลาด ด้านภรรยาบิ๊กบอส ขอโทษ ยันไม่รู้จักบุรุษจอมขิงแต่เพื่อนแนะนำมา ชี้พิการจริง บัตรวีไอพีแค่ใช้ผ่านด่านตรวจไม่มีอภิสิทธิ์ โอดไม่คิดว่าความหวังดีจะเกิดผลกระทบขนาดนี้ ขณะที่ผู้จัดการวง รับพลาดรูปหลุดก่อนเวลา เจ้าหน้าที่หละหลวมให้ใส่หน้ากากได้ ขอเช็กปมตั้งกล้องแอบถ่าย ย้ำใช้กฏเดียวกัน ลั่นเลือกตั้งโปร่งใสแน่ ไม่มีแจกบัตรฟรีให้ใครโหวต
กลายเป็นเรื่องประเด็นร้อนกันบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ หลังมีผู้พบรูปถ่ายของชายคนหนึ่งใส่หน้ากากกันแก๊สพิษนั่งบนรถเข็น จับมือพร้อมถ่ายรูปคู่กับ "โมบายล์-พิมพ์รภัส ผดุงวัฒนะโชค" สมาชิกทีม BIII ของวงไอดอลสาว BNK48 กลางงานจับมือ BNK48 4th Single Kimi wa Melody Handshake เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา จนชาวสังคมออนไลน์สงสัยว่า ชายคนนี้ป่วยด้วยโรคอะไรจนต้องใส่หน้ากากประเภทนี้ ที่สำคัญทำไมถึงสามารถถ่ายรูปคู่กับสมาชิกวงภายในงานได้ ทั้งๆ ที่ตามกฏแล้วไม่สามารถทำได้เลย ซึ่งต่อมาได้มีการสืบหาและพบว่าหน้ากากดังกล่าวเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ประกอบ มิใช่ของจริง ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มขึ้นว่า ทำไมถึงสามารถนำเข้าไปได้ และยังมีการขุดกันจนพบอีกว่า ชายคนนี้ได้จับมือและถ่ายรูปคู่กับสมาชิกรวม 11 คน พร้อมอ้างว่า "โรส-อรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ" กรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ได้มอบของที่ระลึกให้ นอกจากนี้ยังมีผู้สังเกตุเห็นว่า ภายในภาพชายคนดังกล่าวได้นำโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าในลักษณะที่เหมือนแอบถ่ายวีดิโอระหว่างทำกิจกรรมอีกด้วย
เมื่อสืบค้นข้อมูลกลับพบว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก มีการได้เข้าไปจับมือและถ่ายรูปภายในงานจับมือเมื่อเดือนสิงหาคม และได้เข้าร่วมงานต่างๆ ของ BNK48 ในฐานะวีไอพีและพาร์ทเนอร์ พร้อมกับโพสต์ภาพลงบนอินสตาแกรมเพื่ออวดอ้าง และเขียนข้อความในเชิงไม่ให้เกียรติสมาชิกที่ได้ถ่ายรูปด้วย จนทำให้แฟนคลับต่างออกมาถล่มชายคนดังกล่าวและทางต้นสังกัด BNK48 ทั้งในประเด็นสิทธิพิเศษที่นอกเหนือจากแฟนคลับคนพิการคนอื่นๆ บ้างก็ยกตัวอย่างถึงผู้ปกครองของสมาชิกบางคน ยังต้องซื้อบัตรและมารอต่อแถวกับแฟนคลับเพื่อจับมือลูกสาวตนเอง แม้กระทั่งดารา นักร้อง ผู้มีชื่อเสียงที่ชื่นชอบสมาชิก ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฏเหมือนแฟนคลับทั่วไป รวมทั้งการถ่ายรูปคู่ที่ไม่สามารถทำได้เลยในกิจกรรมดังกล่าว ขณะที่บางรายถึงกับจะเลิกติดตามวงเนื่องจากสูญสิ้นต่อความเชื่อมั่นที่ปล่อยให้มีการละเมิดกฏอันเข้มงวดของตระกูล 48
ซึ่งต่อมาชายคนดังกล่าวได้เขียนข้อความโดยระบุว่า ตนประสบอุบัติเหตุเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัมพาตซีกซ้าย ไม่มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ต่อมาตนได้ชม BNK48 จึงประทับใจ ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ขึ้น พร้อมยืนยันว่า ในวันงานตนได้ต่อคิวในช่องพิเศษสำหรับผู้ทุพพลภาพเพราะไม่สามารถเดินได้เป็นปกติ และใช้รถเข็นในชีวิตประจำวัน ขณะที่บัตรจับมือที่มาพร้อมกับซีดีซิงเกิ้ลที่ 4 ในราคา 350 บาทนั้น ตนได้ฟรีมาจากเพื่อน ส่วนรูปถ่ายกับสมาชิกนั้น ทางต้นสังกัด BNK48 ได้ถ่ายเอาไว้ โดยเพื่อนเป็นคนนำรูปทั้งหมดมาให้ตน ขณะที่ข้อความที่ไม่เหมาะสมที่เขียนใต้รูปก็เพื่อต้องการเกทับเพื่อนคนอื่นๆ ทั้งนี้ตนขอโทษ และรู้สึกเสียใจมากๆ ที่ทำให้แฟนคลับคนอื่นๆ เสียความรู้สึก
ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ย.) "จ๊อบซัง-ณัฐพล บวรวัฒนะ" ผู้จัดการวง ได้ออกมาชี้แจงว่า ตนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษอย่างเป็นทางการต่อแฟนคลับในฐานะผู้บริหาร โดยยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวเป็นอัมพาตซีกซ้าย สามารถเดินได้แต่ต้องมีคนมาดูแล และมีใบรับรองแพทย์เป็นเครื่องยืนยัน ซึ่งมาต่อแถวและใช้บัตรจับมือไม่ได้มีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ ส่วนเรื่องรูปถ่ายนั้น มีการเก็บภาพบรรยากาศระหว่างชายคนดังกล่าวจับมือกับสมาชิกในวงจริง แต่ผิดพลาดตรงที่ภาพหลุดออกไปก่อนเวลาอันควร ซึ่งตนก็ขอโทษด้วยกับข้อมูลที่หลุดออกไปโดยที่ไม่มีการกลั่นกรอง รวมถึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ทำให้ทุกคนที่ต้องให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันกับทุกคน พร้อมขอโทษสมาชิกทั้ง 11 คนในประเด็นดังกล่าวด้วย ในส่วนของข้อความที่ไม่เหมาะสม ตนทราบมาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องจากอุบัติเหตุของชายคนดังกล่าวจนส่งผลต่อด้านกระบวนการทางความคิดไม่ 100% เหมือนเราทุกคน
"ตอนนี้ผมเริ่มสงสารเขาแล้ว เขาน่าจะเจออะไรที่หนักมากเหมือนกัน นอกจากเขาจะได้ขาดโอกาสไม่เหมือนคนทุกคนแล้ว เขาไม่เต็ม 100 เหมือนทุกคนแล้ว แล้วตอนนี้ผมเชื่อว่าในโซเชียลกำลังทำร้ายเขาอยู่ด้วย ก็ขอให้เป็นกำลังใจให้เขาฟื้นฟูเร็วๆ นะครับ" ผู้จัดการวง กล่าว
ส่วนเรื่องหน้ากากที่ชายคนดังกล่าวใส่เข้าไปนั้น "จ๊อบซัง" กล่าวว่า เป็นความหละหลวมของตนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรามีการพูดคุยกันแล้วว่าในงานจับมืออะไรที่ทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งตรงนี้แน่นอนว่าเป็นความผิดของทางทีมงาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตนเขื่อว่าเป็นบทเรียนที่ดีที่ทำให้ทุกคนมองเห็นในแนวทางตรงกันว่า ควรปรับปรุงและควรปรับตัวยังไง ที่จะให้ถูกต้องตามกฏระเบียบที่วางไว้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ในส่วนนี้เรายอมรับผิด และจะนำไปปรับปรุง ขณะที่ประเด็นชายคนดังกล่าวอาจตั้งกล้องโทรศัพท์มือถือเพื่อแอบถ่ายสมาชิกในระหว่างจับมือ ตนขอนำเรื่องไปตรวจสอบเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นในลักษณะแบบนี้ และยืนยันทุกคนที่พิการได้รับเลนพิเศษเหมือนกัน
นอกจากนี้ "จ๊อบซัง" ยังกล่าวถึงข้อสงสัยในประเด็นสิทธิพิเศษนี้อาจจะโยงไปถึงความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งของ BNK48 ในเดือน ม.ค.ศกหน้าโดยยืนยันว่า โปร่งใส ผลที่ออกมาไม่มีการแทรกแซง ไม่มีการให้บัตรฟรีกับใครไปโหวต เราตื่นเต้นกับผลโหวต เพราะมันเป็นพลังจากแฟนคลับจริงๆ และในระบบไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าไปในฐานข้อมูล จะมีแค่หัวหน้าฝ่ายไอทีบริษัทที่จ้างมาทำระบบเท่านั้นและต้องมีการเข้ารหัสด้วย มันไม่ใช่อะไรง่ายๆ ที่จะเข้าไปเพื่อดูหรือล็อคผลโหวตได้
"ผมขอสัญญาว่า ไม่ว่าจะเป็นวีไอพีคนไหน หรือคนทั่วไปก็ใช้กฏเดียวกันที่เราวางไว้" ผู้จัดการวง กล่าว
ต่อมา "ต้อม-จิรัฐ บวรวัฒนะ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ได้เขียนข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า พื้นที่แห่งกำลังใจ สำหรับตน BNK48 เป็นมากกว่าธุรกิจ นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เริ่มต้น ในช่วงเวลาเพียงแค่ปีกว่าๆ เราได้เห็น ได้รับฟัง ถึงเรื่องราว แห่งกำลังใจ ที่แฟนๆ หลายๆ คน ได้รับจาก BNK48 ทั้งจากคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ทั้งจากคน ที่ไม่สมบูรณ์ 100% ทั้งจากคนที่กำลังตั้งใจและพยายามทำในเรื่องต่างๆ นานาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ชายเป็นผู้หญิง มวลกำลังใจเหล่าเหล่านี้เป็นมวลพลังที่ทำให้ ผมพยายามจะสรรหาโครงการดีๆ ความร่วมมือดีๆ การช่วยเหลือสังคม ในรูปแบบต่างๆเท่าที่เราจะทำได้
บิ๊กบอส BNK48 ระบุว่า ในกรณีของเหตุการณ์ ที่เรียกว่าโอตะ VIP ที่เกิดขึ้นนั้น ก็เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นเดียวกันคือความต้องการในการมอบกำลังใจให้กับผู้ด้อยโอกาส โดยนำมาซึ่งความผิดหวังของแฟนๆ ต่อสิทธิพิเศษนี้ ต่อวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าของภาพนั้น ตนในฐานะของ ผู้บริหารสูงสุด ขององค์กรนี้ ขอยอมรับต่อความผิดพลาดนี้และจะพยายามทำให้ไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นอีก และแน่นอนที่สุดว่าตนจะพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ BNK48 เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการทั้งเรื่องสินค้า กิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพัฒนาคอนเทนท์ในรูปแบบต่างๆที่จะพาน้องๆ BNK48 ไปมอบความสุขให้กับผู้คนในภาพใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป
ด้าน "โรส-อรพรรณ" ก็ได้เขียนข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัวชี้แจงว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้อย่างที่สุด
จากหลายๆ ประเด็นในโซเชียลในขณะนี้จะขอไล่เรียงเหตุการณ์และอธิบายให้ทุกคนได้รับข้อเท็จจริง ตนไม่ได้รู้จักกับแฟนคลับท่านนี้เป็นการส่วนตัวแต่ผ่านการแนะนำจากเพื่อนว่าเค้าชื่นชอบใน BNK48 และน้องๆ เมมเบอร์ทำให้ชีวิตของเค้าดีขึ้น เค้าเป็นผู้พิการ มีบัตรผู้พิการและใบรับรองจากแพทย์ ทาง BNK48 ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการมอบความรู้สึกที่ดีและกำลังใจและเห็นร่วมกันว่า เราอยากจะมอบความสุขนี้ให้กับคนที่ไม่มีโอกาสหรือขาดที่พึ่งเพื่อที่จะใช้ชีวิตให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
"จากงานจับมือเมื่อวานเพื่อนโรสเป็นผู้จัดหาบัตรจับมือและพามาโดยบัตร VIP ที่ห้อยอยู่เป็นเพียงแค่บัตรผ่านทางในการตรวจคนเข้างานที่เร็วขึ้นไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือแฟนคลับท่านอื่น หากมีอภิสิทธิ์ต่างๆ จริงคงได้เข้าไปหลังงานไม่ต้องมาใช้ piority lane ในงานครั้งนี้ โรสได้จัดเตรียมของให้จริง เนื่องจากเค้าไม่สามารถไปต่อคิวนานๆ ได้โดยไม่คิดว่าความหวังดีและน่าเห็นใจจะทำให้เค้านำไปโพสข้อความในทางที่ผิดและเกิดผลกระทบขนาดนี้" กรรมการบริหาร บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ระบุ
ภรรยาบิ๊กบอส BNK48 ระบุอีกว่า มีคนถามมาว่าทำไมไม่ออกมาพูดเอง เนื่องจากว่าในการทำงานบริษัทได้มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน โดยที่ "จ็อบซัง" มีหน้าที่ในการดูแลเมมเบอร์ การตลาด รวมถึงอีเว้นท์ เช่น งานจับมือ หรือ 2-shot และการปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนคลับ "ต้อม-จิรัฐ" ดูแลเรื่องภาพรวมของบริษัทและการขยายงานต่างๆ ส่วนตนดูแลงานหลังบ้านของบริษัททั้งหมด หน้าที่ในการออกมาพูดจึงเป็น "จ็อบซัง" แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีแฟนคลับที่ไม่พอใจต่อเหตุการณ์นี้อยากจะให้ตนออกมาชี้แจงเลยอยากจะขอให้พื้นที่นี้ในการชี้แจงและขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนในการทำงานที่ต้องรัดกุมยิ่งขึ้น