xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อคนตายสอนคนเป็น “สัปเหร่อเจอผี” : ชีวิตวิถีบาทใหม่ของ “เอ๋ เชิญยิ้ม” ที่จะปัดรังควานความชั่วให้ลดน้อย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“เอ๋-วีระพล จันทร์ตรง” แนะนำกันอย่างนี้หลายคนคงจะนึกสงสัยใครคือเขา และเขาคือใคร แต่ถ้าบอกว่า “เอ๋ เชิญยิ้ม” แน่นอนว่าทั้งภาพใบหน้าและอิริยาบถต่างๆ เหมือนเจ้าตัวลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าในทันทีทันใด เผลอๆ สำบัดสำนวนภาษาจังหวะจะโคนคำพูดมุกตลอดจะหลุดเล็ดริมฝีปากมาในบัดดล

นั่นเพราะกว่าครึ่งชีวิต 30 กว่าปีที่เก็บสั่งสมประสบการณ์เปื้อนยิ้มและเสียงหัวเราะมาอย่างโชกโชนทั้งในคาเฟ่ และละคร ซีรีส์ ซิตคอม รวมไปถึงภาพยนตร์ เป็นประจักษ์พยานการันตีชั้นดีไม่น้อยไปกว่าอีกฟากฝั่งของเรื่องราวชีวิตที่คลุกคลานผ่านร้อนฝ่าหนาวจนกลายเป็นคนเต็มคนในฐานะพี่ เพื่อน และพ่อ หัวหน้าครอบครัวที่ดีที่น่ายกย่องเอาเป็นแบบอย่าง
 
ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดในฐานะเน็ตไอดอลในรายการ “สัปเหร่อเจอผี” ปลูกฝังให้คนในสังคมรู้จักบาป-บุญ การทำความดี ละเว้นความชั่ว เรียนรู้จักการให้และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ฟรีๆ แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แบบหวังผลกำไรเงินทองหรือชื่อเสียง
 
อะไรที่ทำให้เขาคิดและกระทำเช่นนี้เพื่อสังคมและผู้อื่น บรรทัดถัดไปคือคำตอบและเรื่องราวของที่ Manager Online ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างมาก

• จากตลกซูเปอร์สตาร์ เหตุใดผันตัวเองมาสู่การเป็นสัปเหร่อได้
จริงๆ ก็ยังเป็นนักแสดงตลกอยู่ครับ (ยิ้ม) ส่วนการมาเป็นสัปเหร่อเกิดจากการทำเพจเพื่อมุ่งหวังสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมบ้านเรา เพราะในทุกๆ วันที่เราตื่นขึ้นมาเราหยิบโทรศัพท์เปิดเข้าสู่โลกโซเชียลมีเดีย เปิดมาเจอคลิปต่างๆ ที่มันไม่ดี พ่อข่มขืนลูก แม่เลี้ยงทารุณ เครียดทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เพิ่งตื่นนอนอารมณ์ดีๆ เราก็คิดว่ามันน่าจะมีคนทำสื่อที่มันดีๆ บ้างให้มันสร้างสรรค์สังคม ให้คนรู้จักบุญ-บาป สอนให้รู้จักความชั่ว-ดี อย่างน้อยทุกวันที่เห็นง่ายๆ คือ แม่-พ่อ ลูกไม่เคารพ ลูกเคารพเพื่อนในโซเชียลฯ มากกว่าพ่อแม่ เชื่อฟังเน็ตไอดอลมากกว่า

เราก็คิดว่าจะมีส่วนช่วยทำอะไรได้บ้าง เรามีเวลาว่าง 3 วันที่เหลือจากการทำงานในตอนนั้นของเรา ทีนี้แล้วเราจะทำอย่างไรให้เขาฟังเรา จู่ๆ เราจะไปพูดเลยมันคนละรุ่น เขาก็ไม่ฟังเรา เราก็ต้องทำให้เขาชื่นชอบในตัวเรา ก็มาจับทางเข้ากับเรื่องผีๆ เพราะชอบฟังเรื่องผีๆ และเรื่องผีใครก็ชอบ เรื่องเร้นลับท้าทาย มันน่าค้นหา เพราะคนอยากรู้ว่ามันมีจริงไหม ก็เลยทำเพจนี้ขึ้นมาดีกว่า ไม่เหมือนชาวบ้าน ให้มากกว่าเขา-น่ากลัวกว่า สถานที่ต้องจริง ศพต้องจริง ถามว่าเสี่ยงไหม กลัวไหม-กลัว แต่เพื่อให้เขาฟังเรา เพื่อพอเขาฟังเราเสร็จแล้วเราจะได้บอกกล่าวในสิ่งที่ดีที่ถูกที่ควรให้แก่เขาได้ และเราก็สอดแทรกสอนแฝงทุกครั้งซึ่งตั้งแต่ทำมาเราต้องฟังธรรมะทุกวันๆ เพื่อหาคำสอนมาสอนคน เขาบอกว่าดีๆ คำนี้ เราก็ฟังมาและเอามาถ่ายทอดซึ่งมันก็มีอยู่แล้ว แต่พอเราทำตรงนี้เขาฟังเรา ทำ 10 ครั้ง 10 เทป เข้าหูวัยรุ่น 1-2 ครั้งก็ถือว่าคุ้ม ในช่วงที่เขากำลังว้าวุ่นและคิดได้ เพราะว่าความตายไม่เตือน มันมาเมื่อไหร่ก็มา อยากให้เขารู้ตัวก่อนที่จะสายเกินแก้ นั่นคือที่มาของการเป็นสัปเหร่อ

• สอนเรื่องอะไรบ้าง
พ่อ-แม่ ความรัก อย่างเรื่องไม่มีเวลากลับไปเยี่ยมท่าน แต่พอแฟนเรามีคนอื่น เราลางาน ยกเลิกทุกอย่างเพื่อไปตาม ไม่ได้คำนึงถึงเวลา หรืออย่างเรื่องฆ่าตัวตายเพราะความรัก เป็นต้น คือคุณมั่นใจได้ไงว่าปัญหามันจะจบ คุณอาจจะต้องวนเวียนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ อาจจะทุกข์กว่าอีก เพราะไม่มีใครรู้ ไม่มีใครตายแล้วกลับมาบอกว่ามันจบปัญหานะ แต่ถ้ามาทางธรรม ฆ่าตัวตายจากทางโลกจากความเป็นคนมาเป็นทาสรับใช้พ่อแม่ มาเข้าสู่ทางธรรม พ่อแม่ได้บุญ อันนี้เราเห็นกันชัดๆ

แต่ละคนก็มองอย่างเดียวกัน เราก็ดึงมาเอาคนจริงๆ ที่ใจกล้า คืออาจจะนับได้ว่าเป็นบุญวิญญาณผีปู่ย่าเขาจัดระเบียบให้ผม จากตอนแรกเจอทีมที่ไม่เข้าใจกัน ไม่ได้มีจิตอาสาจริงๆ จนชุดนี้อาสาทั้งชุด แต่จ่ายค่าตัวด้วยนะบางครั้ง ถ้าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ได้ค่ารถและค่ากิน แต่เราทำกันด้วยใจจริงๆ

• แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้สอนได้บอกกล่าวคน แต่การที่เราไปถ่ายทำมันอาจจะเป็นการไปลบหลู่หรือว่าละเมิดอะไรบางอย่างหรือไม่ในเรื่องตรงนี้
เราทำเพื่อให้เขาตระหนัก นึกคิดย้อนมองดูตัวเอง เป็นการปลงสังขาร อย่างที่เราไปถ่ายทำนั่งอยู่กับศพเน่าๆ นอนกอดศพที่เสียชีวิตมาเป็นอาทิตย์ คือเราจะเข้าใจสัจธรรมเลย ด้วยกลิ่น ด้วยความรู้สึกต่างๆ บรรยากาศรอบด้านที่เงียบสงบ เมื่อก่อนมองหญิงสาวขาวๆ สวยสวยมองและคิดสวย ชอบ แต่ตอนนี้ภาพเขานอนอ้าปากแมลงวันตอมศพคือภาพแรก สักวันก็จะเป็นอย่างนั้นกันทุกคน

ทีนี้เมื่อกิเลสมันน้อยลง สิ่งที่ไม่ดีเราก็จะทำมันน้อยลงตามไปด้วย เราก็จะมุ่งทำกันแต่ความดีจากจิตใจภายในของเรา ผลก็จะเกิดการส่งต่อความดีให้แก่กันและกัน นั่นคือประสบการณ์ที่เราพบเจอกับตัวเองและถ่ายทอดออกมา ซึ่งเป็นความจริงและเป็นสิ่งที่ทำให้รายการ “สัปเหร่อเจอผี” ออกมาในรูปแบบนั้น ไม่ใช่รายการที่แค่สนุก พิสูจน์ความลี้ลับและสอดแทรกคำสอนของชีวิต มันสานต่อมาถึงการช่วยเหลือทั้งคนตายและคนเป็น

• มีทีมงานกันทั้งหมดกี่คน
ทั้งหมด 6 คน เป็นกลุ่มคนดีที่จิตใจอาสาโดยแท้จริงแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ วิฑูรย์ แซ่ฉั่ว, สุรศักดิ์ คาดนาม, พิทักษ์ เหลืองสนธยา และที่ไม่ได้มาในวันนี้ก็คุณเปิ้ล เจ้าของบริษัท น้องจ๋อย น้องเตี้ย ก็ต้องขอบคุณทีมงานเราทั้งหมดที่ไม่มีใครบ่นเลยเวลามีเคสเร่งด่วนทั้งๆ ที่เพิ่งจะกลับมานอนกันหลังช่วยเหลือได้ 2-3 ชม. พวกเขาได้หมดไม่เคยปฏิเสธ


• อย่างที่เราจะเห็นคู่กันเวลาทำรายการและในเพจผีช่วยคน เพจคู่กับสัปเหร่อเจอผี
ครับ…ทำเรื่องหลอนเอาไว้ให้คนเข้ามาดู และก็ให้เขาทำบุญตรงนี้ และก็อีกเพจหนึ่ง ช่วยผีช่วยคน เป็นการช่วยคนป่วย คนจน คนทุกข์ยากที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เรื่องผีเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือเรื่องการช่วยเหลือคน เพราะทำความดีแข่งกันไม่เสียหาย ถามว่าทำไมต้องไลฟ์ให้คนเทิดทูนเชิดชู มันทำความดีแข่งกันไม่เสียหาย แต่อย่าทำความชั่วแข่งกัน มันมีแต่ย่อยยับ ทำตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อยากทำบ้างมันก็ดี หรืออยากให้เสพยาโชว์ โชว์เที่ยวกลางคืน เราแข่งกันทำความดีเพื่อโลกจะน่าอยู่ขึ้น

ที่สำคัญทุกเทปก่อนทำเรามีการขอขมาก่อนทำ มีการเสี่ยงทายว่าจะยอมไหม หลังทำเสร็จการถ่ายทำเราก็นิมนต์พระมาทำสังฆทานให้ เขาก็ได้บุญ และสิ่งที่เราทำทุกครั้งฝนตกแต่ที่เราไม่ตกสักครั้ง ท้องฟ้ามืดๆ จุดธูปบอกขอถ้าไม่อยากให้ถ่ายขอให้ฝนตกลงมาเลย แต่ท้องฟ้ามืดๆ กลับมาสว่างหมด

• ไม่ใช่คำบอกเล่ากล่าวลอยๆ เป็นอย่างนั้นจริงๆ จากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว
คำตอบอาจจะยาว แต่มันจะตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี เริ่มต้นจากชีวิตของผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน คุณพ่อพิการตั้งแต่เด็ก ป.2 เนื่องจากรถคว่ำ สาเหตุเพราะเมาแล้วขับที่ถนนงามวงศ์วาน ดนตรีไทยคุณพ่อก็ไปเล่นกับเขาไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว ครอบครัวก็เริ่มลำบาก แม่คนเดียวเลี้ยงลูก 4 คน พ่ออีกคน รับจ้างซักผ้าตะกร้าละ 120 บาท นอนตี 3 ตื่นตี 5 ผมเห็นมาตลอดภาพนั้น ผมเลยเกลียดเหล้าไม่กินเลย หน้าตาอาจจะตรงกันข้าม คิดว่าน่าจะทุกอย่าง แต่คนที่รู้จักผมรู้ว่าเราไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวผับบาร์

ทีนี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็แยกทางกันเพราะพ่อไม่ยอมหยุดกินเหล้า ผมก็บอกแม่ว่าผมขออยู่กับพ่อเพราะไม่มีใครดูแลท่าน แม่ก็มีภาระน้องอีก 3 คน ยังเล็ก เราคนโตก็ต้องเสียสละ ก็ลำบากนะชีวิตตอนนั้น และตอนนั้นคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งช่วยแบ่งเบา ก็ไปเป็นเด็กวัดขออยู่กับหลวงตา บิณฑบาตเสร็จเอาข้าวมาให้พ่อ แต่งตัวไปโรงเรียน นั่นคือชีวิตประจำวัน พอวันเสาร์ก็ไปหาแม่เอาผ้าไปให้แม่ซักแล้วก็ขอเงินค่าเดินทางไปโรงเรียน กลางวันวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือบางทีก็ไม่หยุดหนีโรงเรียนไปเช็ดกระจกรถตามแยก แยกสะพานควายจุดของเราเลย ผ้าที่เช็ดก็จีวรพระ ได้บาทสองบาท เขาก็เมตตาพระเราใส่ชุดนักเรียน ก็หาเงินตรงนั้นวันละ 30-40 บาท ช่วงก่อน 10 ขวบ เพื่อรุ่นพี่พาไปหาเงิน และก็หาเงินมาตลอด

ส่วนแรกที่ผมจะสรุปก็คือ ท่ามกลางชีวิตแบบนั้นหากเป็นคนอื่นก็อาจจะหลงเดินทางผิด มุ่งเข้าหายาเสพติด นั่นคือข้ออ้างของคุณ-ของคนเห็นแก่ตัว ไม่โทษตัวเองว่าตัวเองผิด ผมอยู่กับวัด ชุมชนที่อยู่มีหมด แต่ไม่เอา มันอยู่ที่ตัวเรา อย่าโทษใคร คนทำผิดและโทษคนอื่นคือเห็นแก่ตัว ผมไม่เคยโทษตัวเองเลย มันไม่มีใครมาจับเหล้าใส่ปากคุณ ไม่มีใครมาจับสิ่งที่ไม่ดียัดปากคุณ คุณใฝ่เอง วางไว้ต่อหน้า คุณไม่ชอบก็ไม่ทำ อาหารหมากับอุจจาระ คล้ายกัน เหม็นก็ไม่กิน

• มีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เราตกผลึก
ส่วนที่สองจะเป็นในเรื่องของ “สติ” การรู้ตัวตน ใช้ชีวิตไม่ประมาท คือหลังจากอยู่วัดจนอายุ 15 ออกเพราะไม่ชอบเรียน อยากทำงานหาเงินช่วยเหลือพ่อแม่ หนีออกจากบ้านไปอยู่สนามหลวง ไปนอนกระดาษหนังสือพิมพ์ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น กระเป๋าเป้หนึ่งใบ รองเท้าหนุนหัวไว้ เพราะไม่หนุนตื่นมาหาย ไปล้างจานร้านก๋วยเตี๋ยวแลกข้าว 3 มื้อ แลกเงิน 30 บาท ผ่านไปวันสองวันตื่นมากลางดึกคืนที่ 3 คนอื่นๆ เขาก็รู้สึกแบบเดียวกันนั่งมองอนาคตที่ถนน เราคิดถึงพ่อแม่ ก็กลับบ้านดีกว่า มาอยู่บ้านทำงานขายเรียงเบอร์ ขายพวงมาลัย ไปแบกสุขภัณฑ์ห้องน้ำ ได้วันละ 150 และทีนี้พลิกผันเข้าวงการตลกก็คือเพื่อนมาชวน เพราะว่าสมัยก่อนตลกจะมีแบ็กอัพข้างหลังวงดนตรี พอดีคนระนาดคนเก่าเขาออกไปเขาขาดคน เราก็ไปทำแทน พอไปตีกับเขาคืนหนึ่งเล่น 6 ที่ เล่นยันตี 4 สมัยก่อนยุคเฟื่องฟูตลกคาเฟ่ดังอย่างกับดารา ได้ทีละ 50 บาท คืนหนึ่ง 300 บาท คิดเลยผมรวยแน่ๆ ที่ได้ครั้งแรก รวยแล้ว 300 บาท ต่อวันตกเดือนหนึ่ง 9,000 บาท สมัยนั้นไม่ธรรมดา ถ้าไปต่างจังหวัดอีกได้ถึง 2-3 เท่า

พออยู่นานๆ ก็เริ่มขยับไปตีกลองชุดบ้างอะไรบ้าง ด้วยความทะเยอทะยานเห็นตลกได้ค่าตัวเป็น 1,000 บาทต่อคืน ก็เลยคิดว่าอยากจะทำ อยากจะเป็นตลกเพราะเงิน เราก็จำมุกได้ทั้งหมดจากการฟังดูทุกวันๆ 2 ปี ชวนกับเพื่อนตั้งคณะตลกกันเอง แต่มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด คำพูดเดียวกันมุกเดียวกันแต่เราเล่นไม่ฮาเลยสักที่ เพราะเราไม่รู้ศาสตร์ในตอนนั้น เรื่องการทิ้งเสียง จังหวะ มันมีหมด จากที่เราคิดว่าเราแค่ท่องจำ แค่พูดแบบนั้นจะตลก ไม่ใช่ (หัวเราะ) อาทิตย์หนึ่งก็มีงานที่เดียวจากเล่นที่เล็กๆ ที่ละ 500 แบ่งกัน 10 คน บางที่ 300 แบ่งกัน ทำอย่างนั้นร่วมปีที่อยู่ก็ไม่ไหวแล้ว หันไปทำงานอย่างอื่น ก็ไปอยู่รับจ้างแบกกระทุ้งเสาเข็ม งานก่อสร้าง ทาสี จนเพื่อนมาตามอีกรอบหนึ่ง ไปเล่นตลกเหมือนเดิม เราก็ไม่เอาแล้วรายได้ไม่พอกิน เล่นไม่ค่อยขำ แต่เพื่อนบอกว่ามีอาจารย์สอน มีตลกดังคนหนึ่งจะช่วย หาคาเฟ่ให้รับให้เล่นเยอะกว่าเดิม ก็ลองดู ก็ทำสองอย่างเลยเพราะไม่กล้าทิ้งงานกลัวแบบเดิม แต่ไปทำวันแรกได้ 300-400 บาทต่อวัน ดีขึ้น ได้เล่นเยอะขึ้นและผู้ใหญ่เขาก็คอยสอนคอยบอกเราก็พัฒนา เป็นขั้นๆ จนพี่เต่า เชิญยิ้ม มาดึงไป เพราะเห็นเราเล่นแล้วชอบ ก็สนุกสนานเลย คืนหนึ่งอย่างต่ำ 1,200-1,300 บาท พอเงินเยอะความสนุกที่เคยคิดตั้งหวังเก็บเงินช่วยพ่อแม่มันหายไป มันเป็นเบี้ยหัวแตก เที่ยวเล่น พนันเอย ผู้หญิงเอย มีเมียคนหนึ่งจะมีนอกบ้านทุกครั้ง 1 คนตลอด เรียกได้ว่าครบ ยกเว้นเรื่องยาเสพติด

แต่มันไม่มีความสุข เราหลงระเริงกับอบายมุขรอบตัว ในวันที่เราขึ้นมาระดับขั้นนี้เมื่อก่อนเราคิดว่ามันต้องมีความสุข ครอบครัวเราต้องอบอุ่นกันแน่ๆ แต่ง่ายๆ แค่มองลูกทั้ง 7-8 คน ลูกทำไมเขาต้องกำพร้าแม่ ทำไมไม่มีใครอยู่กับเราเลยยั่งยืน เรารักษาไม่ได้ ก็มองกลับมาหาต้นเหตุ คือทั้งหมดเกิดจากเราทั้งสิ้น เพราะเราไม่หยุด เรากลายเป็นแบบคนที่เราเกลียด นั่นถึงได้ตั้งใจทำอีกแบบ วัดดูซิว่าเขาจะเลิกกับเราอีกไหม ปัจจุบันภรรยาก็ไม่เลิก ชีวิตก็ดีขึ้นๆ

• รุ่งเรือง มีหนังละคร และล่าสุดกับรายการสัปเหร่อเจอผีรายการแรกของตัวเอง
ครับ…หลายๆ สิ่งอย่างเกิดจากตรงนี้ ผมเดินทางจากเคสแรกที่วิ่งไปถ่ายต่างจังหวัด เราผ่านทางเจอสิบล้อชนกันและคนติดในนั้น ผมก็จอดลงกันเลย ไปช่วยงัดๆ และไลฟ์สดเพราะว่าอาจะมีคนรู้จักและบอกญาติ ก็เป็นรูปแบบให้ทำรายการถ่ายศพไร้ญาติ คือเขามีญาติแต่บังเอิญไม่ได้พกอะไรเลย เลยกลายเป็นไร้ญาติ เผื่อญาติเข้ามาดูและเจอ มีมาตามกลับไปทำพิธี 20 กว่าศพ

พอตรงนั้นเกิดขึ้นก็มีคนอื่นเข้ามา พี่ช่วยหน่อยได้ไหม ไม่มีเงิน บ้าน ยากจน ลูกไม่สบาย  เราก็ลองไปดู พอไปดูเขาร้องไห้ดีใจที่เราไป เดินมากอดเราเลย ตรงนั้นจำได้ว่าเป็นคุณแม่ที่ป่วยโรคมะเร็ง เขาชอบอยากเจอก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ แค่เราขับรถไปหาคนใกล้จะตาย เสียแค่ค่าน้ำมันกับเวลา แต่ถ้าเป็นกำลังใจให้เขาได้มันยิ่งใหญ่มาก และสิ่งที่ได้รับตอบกลับมหาศาล คือก่อนจากเขาได้รวบรวมเงินคนในตึกเพื่อไปทำบุญโลงศพไร้ญาติกับเราอีก น้ำตาผมคลอเลย การที่ทำให้เขารู้สึกและเขาส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้กันและกัน ก็มีคนเข้ามามันก็เกิดสังคมแบบนี้ เงินมากน้อยไม่สำคัญ มันอยู่ที่ใจ ทำทานเยอะได้บุญเยอะ ขึ้นสวรรค์ชั้นดี เทวดารับส่วย โกหก อยู่ที่จิตและใจของเราทั้งสิ้น...ทำบุญ

ก็ขอฝากติดตามเราเพื่อร่วมสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือได้ที่เพจ “สัปเหร่อเจอผี” และ “ช่วยผีช่วยคน” เพราะว่าความตายไม่เตือน มันมาเมื่อไหร่ก็มา อยากให้เขารู้ตัวก่อนที่จะสายเกินแก้ มาร่วมกันทำความดีแข่งกันเพื่อสังคมที่ดีในชีวิตของเราที่มีอยู่

เรื่องและภาพ : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล



กำลังโหลดความคิดเห็น