การรถไฟฯ จัดประชุมรถไฟทางคู่ “มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ” นัดสุดท้ายที่โคราช พรุ่งนี้ (24 ต.ค.) ชี้ชะตา “สะพานสีมาธานี” ถนนมิตรภาพจะทุบหรือไม่ทุบ หลัง “สุรวุฒิ เชิดชัย” ลูกเจ๊เกียวยืนกราน ต้องทุบ แถมทุบสะพานหัวทะเล อ้างเมืองจะโตอีก 3 เท่า ลั่นถ้าเทศบาลจ่ายบางส่วนได้ก็ยินดีเลย
รายงานข่าวจากจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่า การประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 3 (ปัจฉิมนิเทศโครงการ) งานปรับแบบรายละเอียดบริเวณอำเภอสีคิ้ว และตัวเมืองนครราชสีมา ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ จะจัดขึ้นในวันที่ 24 ต.ค. เวลา 09.00-12.00 น. ณ โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยประเด็นที่ให้ความสนใจ คือ การทุบสะพานข้ามทางรถไฟ ถนนมิตรภาพ หน้าโรงแรมสีมาธานี เนื่องจากมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายสุชีพ สุขสว่าง วิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และคณะ ได้เข้าพบกับ นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงโครงการดังกล่าวว่า มติ ครม.สัญจร ที่ชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้ร้องขอผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นทางรถไฟยกระดับแทนระดับพื้นดิน เพราะไม่ต้องการแบ่งแยกชุมชนออกเป็นสองฝั่งและกระทบด้านการจราจร การรถไฟฯ ต้องทำเรื่องของบประมาณเพิ่มเติมอย่างเป็นทางการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่ผ่านเรื่องให้
ทั้งนี้ สศช. ยินดีให้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องส่งให้ สศช. พิจารณาใหม่ หลังจากนั้น เสนอเรื่องไปตามปกติเพราะมีข้อร้องเรียน จำเป็นต้องขอกรอบงบประมาณ พร้อมการออกแบบรถไฟทางคู่ทั่วประเทศทุกเส้น และเมื่อร้องขอ สศช. ให้การรถไฟฯ ไปทำเองโดยไม่ต้องผ่าน ครม. ก็ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะทุกโครงการต้องมีรายละเอียดให้ สศช. พิจารณา เช่นเดียวกับโครงการนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้น กระทรวงคมนาคมเปิดโอกาสอยู่แล้ว วันนี้ที่มาเพื่อหารือว่า ทางจังหวัดจะมีอะไรมาสนับสนุนให้การรถไฟฯ ทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
ในการออกแบบครั้งนั้นได้ให้โจทย์แก่บริษัทที่ปรึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ ในครั้งนั้นรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ออกแบบมา รถไฟธรรมดามีข้อจำกัดทางเทคนิค จึงจำเป็นต้องทุบสะพานสีมาธานี แต่เมื่อจีนได้ออกแบบสถานีรถไฟความเร็วสูงโดยขยับออกไปอีก 160 เมตร ข้อจำกัดทางเทคนิคจึงหายไป เหลือแต่จุดตัดทางผ่านทั้งหมด ทำอย่างไรที่จะให้การจราจรคล่องตัวเหมือนเดิม หากทุบสะพานแล้วอาจมีปัญหา มาวันนี้ทางบริษัทที่ปรึกษาออกแบบใกล้จะจบและนิ่ง จึงต้องหารือกับทางจังหวัดในเรื่องการแก้ไขปัญหาจุดตัด เท่าที่รับทราบจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 ต.ค. มองว่าไม่เวิร์กกับภาพรวมของจังหวัด
ระหว่างนั้นยังได้นำเสนอแบบก่อสร้างกรณีไม่รื้อสะพานสีมาธานี โดยตั้งแต่สถานีภูเขาลาด จะยกระดับสูง 3-8 เมตร โดยมีถนนลอดใต้สะพานรถไฟ จากนั้นช่วงก่อนถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา จะลดลงระดับคันทางรถไฟ ผ่านสะพานสีมาธานี หลังจากนั้น จะยกระดับความสูงตั้งแต่ 9-11 เมตร ผ่านสถานีรถไฟนครราชสีมา ก่อนจะลดลงเหลือ 3-8 เมตร แล้วกลับสู่ระดับคันทางรถไฟบรืเวณก่อนถึงสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ อย่างไรก็ตาม ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจุดตัดถนนราชดำเนินไปมณฑลทหารบกที่ 21 ได้ขยับสถานีชุมทางถนนจิระไปทางสะพานหัวทะเล 200-300 เมตร เพื่อให้ไม่ต้องลงมาพื้นดินเร็ว และความสูงของจุดตัดให้ได้ 5 เมตร
ส่วนสถานีชุมทางถนนจิระนั้น เมื่อสถานีนครราชสีมาเป็นสถานียกระดับ ในการปฏิบัติการเดินรถไม่สามารถยกเลิกสถานีนี้ได้ เพราะต้องใช้สำหรับเติมน้ำมัน ตรวจเช็กสภาพ ก่อนที่จะไปภาคอีสานเหนือและอีสานใต้ เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่สถานีนครราชสีมาทำไว้เดิมก็ต้องย้ายไปทำที่สถานีชุมทางถนนจิระ ยกเลิกไม่ได้ ส่วนปัญหาการทำท่อลอดได้รับทราบปัญหาอยู่ เพราะฉะนั้นจึงต้องยกระดับทางรถไฟเพื่อให้ถนนอยู่ในระดับใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด โดยจะพยายามไม่ทำทางลอดเนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ ในส่วนของทางรถไฟเดิมหลังจากยกระดับ จำเป็นต้องคงไว้สำหรับการเดินรถทางทหาร ทางความมั่นคงเป็นหลัก แม้ว่าจะไม่ได้ใช้บ่อยครั้งก็ตาม เนื่องจากอุปกรณ์ทางทหารบางอย่างใช้ทางยกระดับไม่ได้ แต่ทางระดับดินสะดวกกว่า
ส่วนประเด็นการทุบสะพานสีมาธานี มีโจทย์หนึ่งที่การรถไฟฯ ต้องไปดำเนินการแม้ว่าต้องการการสนับสนุนจากทางจังหวัด คือ ต้องทำการบ้านกับกรมทางหลวง หากกรณีทุบสะพานรับภาระหนักแน่ๆ ถูกประชาชนต่อว่าตลอด เนื่องจากยังพิจารณาแค่ผิวเผิน อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 เดือนในการคุยรายละเอียดกับกรมทางหลวง เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ต้องดูว่าในมุมมองกรมทางหลวงมีมุมมองอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดว่าวันที่ 24 ต.ค. ประชาชนมีความเห็นอย่างไรก็เป็นข้อมูลที่การรถไฟฯ ต้องนำไปรายงานทุกระดับ และหากจะให้ทุบสะพานสีมาธานีก็ต้องไปคุยกับกรมทางหลวง
นายสุรวุฒิ กล่าวว่า วันนี้โชคดีมีโอกาสปรับปรุงเส้นทางรถไฟ ซึ่งจะเปลี่ยนเมืองเราได้ หากเริ่มจากเหนือสี่แยกปักธงชัย ยกระดับตลอดทาง ผ่านสถานีรถไฟนครราชสีมา ข้ามไปหัวทะเล ถ้าทำเช่นนี้เมืองจะเปลี่ยนร้อยเปอร์เซ็นต์ มูลค่าทางเศรษฐกิจจะก้าวกระโดด ถ้ารถไฟยกระดับเสร็จ ใต้ทางรถไฟจะทำเป็นรางระบายน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากชุมทางถนนจิระไม่มีพื้นที่วางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ และถนนลอดใต้ทางรถไฟจะเชื่อมโยงผ่านทิศตะวันออก และทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งการเชื่อมโยงจะเปลี่ยนหมดเลย จุดตัดทางรถไฟในเขตเทศบาลมีประมาณ 9-11 จุด ถ้ายกระดับเสร็จเราสามารถทำได้ถึงเกือบ 20 จุด การจราจรในเมืองโคราชจะเปลี่ยนพอสมควร
พร้อมกันนี้ ยังได้นำเสนอแบบที่เทศบาลนครนครราชสีมา ระบุว่า จากการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลการจราจรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พบว่า มีผ่านจุดตัดทั้งหมดประมาณ 50,000 คันต่อวัน และจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าการแก้ปัญหาทำสะพานต่างๆ ประชาชนจะต้องใช้ระยะทางเพิ่มขึ้น ตนเห็นว่าควรจะยกระดับ และบริเวณชุมชนหัวทะเลควรจะยกตาม ถ้าไม่มีสถานีชุมทางถนนจิระ มันก็จะเปลี่ยนเมือง ตนมั่นใจว่า โคราชจะโตเป็น 3 เท่า ถ้าเทศบาลช่วยเงินได้ จ่ายด้วยบางส่วนได้ก็จะยินดีเลย เพราะรู้แล้วว่าเมืองจะเปลี่ยน ถ้าขายของจาก 10,000 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท เมืองมันจะโตอีกเท่าไหร่ ที่ดินเราไม่สะดุด ถ้าสะพานหัวทะเล (ถนนนครราชสีมา-โชคชัย) ไม่มี ราคาที่ดินจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ การจราจรเปลี่ยนยังไง เราคิดหมด
ในตอนท้าย นายสุรวุฒิ กล่าวว่า มีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าในเมืองโคราชใหญ่ๆ เขากลับมาถามเราคำเดียว ว่า แล้วสะพานหัวทะเลล่ะ ซึ่งตนเห็นว่า ถ้าไม่มีทั้งสะพานหัวทะเล และสะพานสีมาธานี เมืองมันจะถูกโตแบบ เมืองมันขึ้นทางเหนือ ลำน้ำลำตะคองไหลทางทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก เมืองมันจะขึ้นเหนือ แต่เหนือจากศูนย์กลางกระจายตัวซ้ายขวาได้ ถึงขั้นครึ่งวงกลมไปเลย ก็เลยมองว่ารถไฟประเทศไหนก็ทำให้เมืองโต พร้อมกันนี้รางรถไฟด้านล่างที่ยังคงไว้สำหรับการเดินรถทางทหารนั้น จะขอทำทางจักรยานแบบไฮบริด
ก่อนหน้านี้ นายสุรวุฒิ บุตรชายของ นางสุจินดา เชิดชัย ซึ่งครอบครัวประกอบธุรกิจอู่ต่อรถโดยสารอยู่ไม่ห่างจากสะพานสีมาธานี กล่าวในการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน (นำเสนอผลการศึกษาร่างรูปแบบโครงการ) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ว่า ทุบสะพานสีมาธานีสะพานเดียวไม่พอ แต่อยากจะให้ทุบสะพานหัวทะเลให้ด้วย และน่าจะยกระดับยาวไปหัวทะเลเลย โคราชจะได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม ถ้าทุบจะทำให้เสียเวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนานนั้น ตนรอสะพานทางรถไฟยกระดับมา 50 กว่าปีแล้วเช่นกัน เพราะถ้ารถไฟยกระดับ มั่นใจว่าลูกหลานได้ใช้แน่นอน
ทั้งนี้ เงินกว่า 1,300 ล้านบาท ที่เป็นค่าก่อสร้างและทุบสะพานสีมาธานี เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของโคราชแล้ว ถือว่าน้อยนิดมาก เพราะถ้าเมืองเติบโตแล้ว มีการค้าขายที่ดีขึ้น เงินทุกบาทก็จะส่งกลับไปยังรัฐบาลอยู่ดี หากการก่อสร้างใช้เวลา 4-5 ปี ทำไมไม่เอาการทุบสะพานไปไว้สัญญาสุดท้าย โดยสร้างจุดอื่นๆ รอก่อนได้เลย อะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเมือง ก็ควรปรับ ถ้าหากทุบแล้วทำให้ถนนเส้นไหนมีการจราจรติดขัด เราก็จะปรับเปลี่ยนแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับการเดินทางของรถไฟและการเข้าสถานีรถไฟในอนาคต มั่นใจว่าเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่กว่าคือการทำความเข้าใจและปรับโครงสร้างต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ไม่มีเจตนาที่ไม่อยากเห็นความเจริญ อยากให้เห็นใจคนที่อยู่ที่นี่ทุกวัน