ชาวเน็ตวิจารณ์ แผงราวสเตนเลสกันตก สถานีแอร์พอร์ต ลิงก์ พญาไท เป็นราวกั้นคล้ายตามทางเท้า-เกาะกลาง ราคา 13 ล้าน กังขาแพงเกินไปหรือไม่ พบผู้ชนะประมูลเป็นบริษัทไอที เจ้าของเดียวกับเรือตรวจการณ์ กทม. ที่เคยจอดทิ้งไว้ที่อยุธยานานกว่า 1 ปี
วันนี้ (18 ต.ค.) เฟซบุ๊ก AirportLink ที่รัก ได้เผยแพร่ภาพแผงราวสเตนเลสกันตก บริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นราวสเตนเลสคล้ายราวกันคนข้ามถนนบริเวณทางเท้า หรือเกาะกลางถนน ไม่ใช่ประตูกั้นชานชาลาแบบพีเอสดี (Platform Screen Doors) เหมือนรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน)
ทั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้ประกวดราคาจ้างติดตั้งแผงกั้นราวสเตนเลสกันตกที่ชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ตามประกาศเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2561 พบว่า ผู้เสนอราคาที่ชนะการเสนอราคา ได้แก่ บริษัท แกรนด์ไลน์ อินโนเวชั่น จำกัด เสนอราคาต่ำสุดเป็นเงินทั้งสิ้น 13,456,900 บาท และได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์ออกมาหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งกรณีที่สงสัยว่าทำไมไม่ใช่ประตูกั้นชานชาลาแบบพีเอสดี ซึ่งก็มีคนเห็นต่างว่า สาเหตุที่ใช้แผงราวสเตนเลส เพราะรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์วิ่งด้วยความเร็วสูงมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกรงว่า กระจกจะแตก และยกตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุ่น สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงชิงกันเซ็งก็ใช้แผงราวสเตนเลสกันตกเหมือนกัน บ้างก็วิจารณ์ว่าราคาติดตั้งกว่า 13 ล้านบาท ตกสถานีละ 1.6 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับสภาพที่เห็น
- ชาวเน็ตสงสัย “บริษัทไอที ทำไมไปขายราวสเตนเลส?”
อีกประเด็นหนึ่งที่ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย คือ บริษัทผู้ชนะการประมูลเป็นบริษัทไอที ทำไมไปขายราวสเตนเลสได้ โดยข้อมูลในเว็บไซต์บริษัทผู้ชนะการประมูล ระบุว่า “บริษัท แกรนด์ไลน์ อินโนเวชั่น จำกัด เดิมเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด เหรียญทอง อินเตอร์เทรดดิ้ง ในปี 2533 และมีการพัฒนาบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทฯ ดังนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีทุกประเภท ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สารสนเทศ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการสื่อสารครบวงจร นอกจากธุรกิจด้านไอทีแล้ว พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรม อาทิ งานบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ สถานีสูบน้ำพระโขนง เป็นต้น”
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท แกรนด์ไลน์ อินโนเวชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2533 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 252 ซอยลาดพร้าว 64 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ หมวดธุรกิจ การขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น วัตถุประสงค์จำหน่ายเครื่องสูบน้ำและอุปกรณ์ มี นายชัยธพัชร์ เหล่าศิริรัตน์ (ชื่อเดิมคือ นายกิตติชัย เหล่าศิริรัตน์) และ นางวัลลดา เหล่าศิริรัตน์ เป็นกรรมการบริษัท มีผู้ถือหุ้น 3 คน คือ นายชัยธพัชร์ นางวัลลดา และ นายชัชวาล ใหญ่เลิศ ในปี 2560 มีรายได้รวม 374.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.21 ล้านบาท
- เคยชนะประมูล “เรือตรวจการณ์ไฟไหม้ กทม.” จอดทิ้งไว้กว่า 1 ปี
สำหรับบริษัท แกรนด์ไลน์ อินโนเวชั่น จำกัด ก่อนหน้านี้ชนะการประกวดราคาจัดซื้อเรือตรวจการณ์ 3 ลำ จากสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร เพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันการกระทำผิดทางน้ำ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ ในแม่น้ำเจ้าพระบาและคลองบางกอกน้อย วงเงินกว่า 44 ล้านบาท แต่พบว่าเรือตรวจการณ์ลำใหญ่ ความยาว 25 เมตร มูลค่ากว่า 26 ล้านบาท หลังจากต่อเรือเสร็จและส่งมอบได้เพียงไม่นานก็เกิดเพลิงไหม้เครื่องยนต์ ทำให้ต้องจอดทิ้งไว้ที่ท่าเทียบเรือหน้าวิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นานกว่า 1 ปี เพราะรออะไหล่จากต่างประเทศ
สำหรับชื่อของ นายชัยธพัชร์ เหล่าศิริรัตน์ ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบกรณีสำนักเทศกิจ กทม. จัดซื้อเรือตรวจการณ์ 3 ลำ วงเงินกว่า 44 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน 2559 หลังสำนักเทศกิจ กทม. ได้สืบราคากลางจากบริษัท ริเวอร์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งมีนายพิสิษฐ์ เหล่าศิริรัตน์ (ชื่อเดิมคือ นายไพโรจน์ เหล่าศิริรัตน์) กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นบิดาของนายชัยธพัชร์ กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท แกรนด์ไลน์ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้ชนะการเสนอราคา
อย่างไรก็ตาม เลขานุการของนายพิสิษฐ์ ยืนยันว่า บริษัท ริเวอร์ฯ ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้อง หรือเข้าไปดำเนินการประมูลจัดซื้อเรือตรวจการณ์ทั้ง 3 ลำดังกล่าว เพราะรู้ข้อกฏหมายเกี่ยวกับการฮั้วประมูลดี จึงไม่ได้เข้าไปประมูลด้วย แต่ยืนยันว่านายชัยธพัชร์ เป็นบุตรของนายพิสิษฐ์จริง ส่วน พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ระบุว่า ในการประมูลดังกล่าว ไม่มีชื่อของบริษัท ริเวอร์ฯ เข้าไปร่วมประมูลแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงหนึ่งใน 5 บริษัทที่นำสืบราคากลางในช่วงการร่างขอบเขตของงาน (TOR) เท่านั้น