จบรายการประกวดนางงาม มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ ประจำปี 2018 เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความสนอกสนใจในความสวยความงามจนกลายเป็นกระแสแชร์และส่งต่อ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการพูดถึงคือในเรื่องความสามารถของผู้หญิงไทยในยุคสมัยนี้ที่ครบครันรอบด้าน เทียบชั้นระดับโลก

Manager online จึงไม่พลาดที่จะไปพูดคุยทำความรู้จักกับ “สายเอี๊ยม-กีรติกา จารุรัตน์จามร”, “พลอยใส-นรินทร์ภัทร์ สุทธิโภชน์” และ “เม็ดนุ่น-วรางค์ศิริ ธนจรัสวรภัทร์” มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 อันดับที่ 1-2-3 เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์ทั้งทัศนคติ มุมมอง และเส้นทางการคว้ามงกุฎของพวกเธอ มีคุณค่าและสามารถนำมาปรับใช้เป็นแรงบันดาลใจได้ทั้งในชีวิต การงาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความฝัน’

• ก่อนหน้านี้เคยผ่านเวทีการประกวดอะไรมาบ้าง
สายเอี๊ยม : มิสอินเตอร์คอนติเนนตัลไทยแลนด์ จากเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2013
พลอยใส : มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2015 ได้ตำแหน่งมิส shiming
เม็ดนุ่น : มิสซูปร้าบุรีรัมย์ 2017 ตัวแทนจังหวัดบุรีรัมย์
• ทำไมถึงเลือกประกวดบนเวทีนี้กันอีกในเมื่อมีตำแหน่งกันอยู่แล้ว
สายเอี๊ยม : เป็นความฝันว่าอยากได้มงกุฎลงตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิตของสาวๆ ทุกคน (ยิ้ม) ซึ่งเวทีนี้เราก็ทำได้สำเร็จแล้วจากการที่เราทำอย่างเต็มที่ เป็นเวทีสุดท้ายในประเทศไทยที่เราจะลงประกวด
เม็ดนุ่น : คือเหมือนความฝันเรายังไม่สุด ในเมื่อเรามีความฝัน เราก็อยากที่จะเดินหน้าต่อให้เราได้ตำแหน่งมา ก็พยายามฝึกฝนทุกวิถีทาง พยายามทุกอย่าง
พลอยใส : และอีกอย่างหนึ่ง อันนี้เป็นส่วนตัวของพลอยใสเป็นคนชื่นชอบวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เคยทำงานร่มกับบริษัทญี่ปุ่น ถ้าได้ตำแหน่งก็จะได้ไปประกวดเป็นตัวแทนประเทศไทยที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างสายเอี๊ยมที่จะได้ไปประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะไปเก็บตัวในวันที่ 20 ตุลาคมนี้

• อันดับที่หนึ่งจากเวทีมิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 ได้ไปประกวดต่อที่ญี่ปุ่น และตำแหน่งรองชนะเลิศกับอันดับที่ 3 ประกวดเวทีที่ไหนอย่างไรต่อ
เม็ดนุ่น, พลอยใส : ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะไปประกวดที่ไหนอย่างไร แต่เร็วๆ นี้น่าจะมีข่าวเข้ามาว่าจะต้องไปประกวดที่ไหนอย่างไร
• ขอย้อนกลับไปในเรื่องเส้นทางก่อนจะมาเป็นทั้ง 3 นางงามมิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ เรามีความฝันหรือทำอะไรกันมาบ้างก่อนหน้านี้
เม็ดนุ่น : ตอนนี้ผลงานละครเรื่อง ‘โทษทีหนูเป็นสายลับ’ ช่อง 8 และนอกจากนี้ก็ทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย ก็วางแผนว่าจะทำควบคู่กันกับงานในวงการบันเทิง
พลอยใส : มีโอกาสได้เข้าไปเป็นเอเยนซีบริษัทโฆษณาญี่ปุ่น รู้สึกว่าเป็น AE สนุกดีเหมือนกัน และก็ชอบพวกงานครีเอทีฟงานโฆษณา เราเรียนจบทางด้านนี้มาก็ได้ลุยกับตรงนั้นก็รู้สึกดี อีกฝันหนึ่งก็อยากเป็นนักเขียน อยากจะมีพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองสักเล่มหนึ่งที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันโดยใช้ตัวเราเป็นสื่อ เพราะอยากให้ทุกคนมีความฝัน กล้าที่จะลงมือทำ เนื่องจากเราใช้ชีวิตเดินตามความฝันของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ค่อยขยับมาทีละนิดๆ จนได้รับรางวัล ก็รู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตเราให้เราสามารถที่จะเดินและเติบโตไปได้ ก็อยากจะถ่ายทอดเพื่อเป็นประโยชน์และให้แรงบันดาลใจไม่มากก็น้อยก็ดีใจแล้วค่ะ
สายเอี๊ยม : อยากจะเป็นแอร์โฮสเตสตามสาขาที่เรียนที่เราฝันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็มีอีกฝันหนึ่งคือความฝันของครอบครัวฝันของคุณยาย คือการเป็นนางงาม เพราะตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอน ป.3 ก็จะมีประกวดตลอดทั้งประกวดนางนพมาศ ประกวดเทพีสงกรานต์ ประกวดรำไทย ก็อยากจะทำทั้งสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน

• จัดการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายหรือความฝันของเราที่มีกัน
สายเอี๊ยม : ทำให้มันบาลานซ์กันในทุกส่วน อย่างในช่วงที่เรียนอยู่ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย คือที่บ้านก็ไม่ได้ห้าม ออกจะส่งเสริมด้วยซ้ำ แต่ท่านก็อยากให้เราบาลานซ์ในทุกส่วนให้ดี ไม่ใช่ว่าไปทางด้านใดด้านหนึ่งทั้งหมด
พลอยใส : ก็เช่นกันค่ะ สนับสนุน แต่การเรียนอย่าเสียนะ (ยิ้ม) เราก็บาลานซ์จัดการของเราเองซึ่งก็ทำได้ดีตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ปล่อยให้เราแมเนจเมนต์เพราะท่านรู้ว่าเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมออยู่แล้ว ก็วางใจให้เราดูแลตัวเองและเดินตามความฝันในเส้นทางของเรา แต่ท่านจะคอยอยู่ข้างๆ ชี้แนะแนวทางและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
เม็ดนุ่น : คือเป็นกำลังใจให้เราตลลอดเวลา เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ในมุมกลับมันเป็นทั้งโอกาสและสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้อีกด้วยซ้ำตั้งแต่เด็กๆ เลยจนกระทั่งตอนนี้ที่เราได้รับโอกาสต่างๆ มากมาย
• มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง บนเส้นทางสายนางงาม
สายเอี๊ยม : เหนื่อยบ้างท้อบ้างเป็นธรรมดา เพราะไม่ใช่ว่าทุกเวทีเราจะเป็นที่ 1 ตลอด บางทีอาจจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เราก็ต้องสู้ต่อไป ฝึกฝนพัฒนาตัวเราเองเพื่อความฝันต่อไป อย่าล้ม เดินหน้าต่อไป ไม่หันกลับหลัง พยายามเดินต่อไป... แม้ว่าจะท้อบ้างเหนื่อยบ้าง แต่เราก็มีกำลังใจจากคนรอบข้าง พ่อแม่ ครอบครัว พอเขาเติมเราก็ฮึดสู้ต่อ
เม็ดนุ่น : เอาอุปสรรคที่เราได้รับมาเป็นแรงผลักดัน มาเป็นครูในการพัฒนาความสามารถของตัวเองให้พัฒนาไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราก็ต้องสำเร็จให้ได้ เราเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตัวเอง
พลอยใส : ก็คือเหมือนกับปัญหามันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีมุมมองต่อปัญหานั้นอย่างไรมากกว่า ถ้าเกิดว่าเรามองว่ามันในแง่ลบมันก็จะมีแต่อะไรลบๆ ในชีวิต แต่ถ้าเรามองบวกและนำมาปรับใช้กับตัวเองให้เราก้าวข้ามมันไปและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เราก็จะเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม มองปัญหาให้เป็นแรงผลักดัน ไม่มีปัญหาก็อาจจะไม่มีเราที่มาถึงตรงนี้ก็ได้ (ยิ้ม)

• นอกจากเรื่องทัศนคติ มุมมองในเรื่องของการดูแลความงามเราทำกันอย่างไรบ้าง
สายเอี๊ยม : เป็นในเรื่องของหุ่นก่อน ก็จะมีความกังวลมากกว่า อย่างเช่นสมมติเรากำลังจะประกวดก็จะกินดีไหม เดี๋ยวพุงมันจะออกนะ เรื่องของความกังวล แต่ด้วยความที่กองประกวดดูแลเป็นอย่างดีก็เลยค่อนข้างจะคลายความกังวลลงไปได้จากการจัดสรรของกอง
พลอยใส : เราก็เลือกเพิ่มอีกนิด เรื่องของคาร์โบไฮเดรตเราจะไม่เน้น เน้นแต่พวกผัก ผลไม้ พร้อมกับทำสุขภาพจิตให้ดี ผิวพรรณก็จะดี ควบคู่กันไปด้วย
เม็ดนุ่น : ในส่วนนี้เม็ดนุ่นของเพิ่มเติมในเรื่องของการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ควบคู่กันเพราะ ทานข้าวทานคาร์โบไฮเดรตนิดหนึ่งมันก็จะออกทันทีเราก็ต้องระวังในเรื่องนี้อย่างที่พี่สายเอี๊ยมบอกในเรื่องของความกังวล และเราก็จัดระบบให้เน้นผัก ผลไม้แทนแบบพี่พลอยใส
• ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียวต้องมีระบบระเบียบวินัยพอตัว อันนี้คือแนวทางคร่าวๆ ของคนที่จะเป็นนางงามต้องมีด้วยใช่ไหม
สายเอี๊ยม : ใช่ค่ะ… อย่างแรกต้องมีแรงผลักดัน มีความมุ่งมั่นก่อน และก็หลังจากนั้นดูตัวเราเองว่าเราจะปรับปรุงแก้ไขตรงไหน พัฒนามุ่งมั่นที่จะทำมัน ถ้าหุ่นไม่ดีเราก็ไปฟิตเนส และกินอาหารคลีน แต่ไม่ต้องถึงทรมานตัวเองให้แย่ มันจะดูโทรม
พลอยใส : คือจริงๆ ก็ทุกอาชีพไม่ใช่เฉพาะอาชีพนางงามเท่านั้น ความฝันทุกคนมีหมด ดารานักร้อง ศิลปิน นักการเมือง มันอยู่ที่แพสชันมากกว่า เราต้องมีแพสชัน ต้องค้นหาตัวตนเราจริงๆ ให้เจอ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเดินไปถึงมันได้ เพราะถ้าเราอยากได้มันจริงเราจะทำทุกทาง พัฒนาตัวเอง ฝึกฝนตัวเองจนก้าวไปถึงเป้าหมายจนได้

• ในเรื่องเสื้อผ้าอย่างชุดว่ายน้ำที่มีกระแสดรามาว่าค่อนข้างเซ็กซี่มากเกินไป เรามีความคิดเห็นอย่างไร
สายเอี๊ยม, พลอยใส, เม็ดนุ่น : คือก็มีความเว้ามีความโค้ง มีความเซ็กซี่โชว์หุ่นแบบไฮคัตแบบสมัยก่อน แต่จริงๆ คือมันต้องครบทุกด้านเพราะเป็นเวทีการประกวดความงาม ใครมีดีอะไรก็ต้องแสดงออกมาโชว์ความสามารถที่เรามีที่เราดูแลและสร้างมันขึ้นมา ก็เลยเป็นกระแสสำหรับเวทีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อแสดงตัวตนความเป็นเราอย่างเต็มที่ อย่างในรอบชุดว่ายน้ำ ครีเอทีฟเขาก็ให้เราเลือกชุดว่ายน้ำมาเองได้เลย สามารถครีเอทีฟได้จากสิ่งที่เราชอบในแต่ละคน
• คัดกรองเป็น 1 ใน 3 จากทั่วประเทศไทย ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรกันบ้างช่วงแรกๆ ที่ลงสมัคร
สายเอี๊ยม : คือมีเปิดรับทั้งแบบสมัครออนไลน์ และก็สมัครด้วยตัวเอง คัดเหลือเป็น 25 คนสุดท้ายจากสาวงามทั้งประเทศ เราก็คิดว่าเราต้องติดกัน (หัวเราะ) เพราะเป็นเรื่องของความมั่นใจ ก็ถือว่าโหดมาก เพราะปกติจะคัดเป็น 60 คน เหลือ 40 คน แต่นี้มาคัดปุ๊บเหลือ 25 คนเลย
พลอยใส : เราก็เตรียมตัวกันมาอย่างดีอยู่แล้ว
• จาก 25 คน เหลือเท่าไหร่รอบที่คัดต่อ
เม็ดนุ่น : เหลือ 12 เหลือ 6 แล้วก็ 3 คน ก็ประกวดรางวัลพิเศษเยอะมาก ทั้งชุดประจำชาติ ชุดว่ายน้ำ ชุดครีเอทีฟ และขวัญใจของจังหวัดนครนายกที่เราไปประกวด ก็ต้องใส่ชุดไทย และก็ต้องตอบคำถาม 2 รอบ

• รอบไหนบ้าง
สายเอี๊ยม : รอบ 6 คน คำถามเดียวกันคือเป็นภาษาอังกฤษ ถามประมาณว่าคุณสมบัติอะไรที่มิสอินเตอร์เนชันแนลควรจะมี ก็ตอบในเรื่องของ ‘การเป็นผู้ให้’ การให้โอกาสผู้อื่น การให้โอกาสผู้อื่นมันเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนอยากให้โอกาส เมื่อมีโอกาสเราถึงทำมันได้ เริ่มจากการให้ เราก็จะได้รับโอกาสกลับคืนมา
พลอยใส : ตอบในเรื่องของ ‘เวิร์กกิ้งวูแมน’ มีความสวย เก่ง สมาร์ท และสิ่งเหล่านี้จะสามารถที่จะสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้มากมาย รวมถึงกับตัวเอง สังคมและผู้อื่น
เม็ดนุ่น : สวย ฉลาดและมีความพร้อมที่จะก้าวสู่สังคมโลกสากลได้อย่างมั่นใจ ก็จะคล้ายพี่พลอยใส เราก็เข้ารอบกันมาเป็น 3 คนสุดท้าย ส่วนตอนเหลือ 3 คนเป็นภาษาไทยในคำถามคล้ายกันมาก เพื่อที่จะวัดปฏิภาณไหวพริบ เป็นการขยายความให้ชัดเจน เราก็ตอบยืนยันคล้ายๆ กันแบบเดิม (หัวเราะ) พอจบตรงนั้นก็โล่งดีใจ ซาบซึ้งใจที่คนดูรู้สึกชอบในสิ่งที่เรารู้สึก ก็คิดว่ามงลงใครก็ได้ใน 3 คน เพราะเราทำกันได้ดีทั้งหมด แถมเรายังเป็นเพื่อนกันเองอีกด้วย

• เป็นมิตรภาพช่วยเหลือกันที่ตอกย้ำอย่างชัดเจน
เม็ดนุ่น : ค่ะ… ของเม็ดนุ่นจะเห็นชัดที่สุด เพราะเราอายุน้อยสุด 19 ปี พี่ๆ ทุกคนก็จะแนะนำว่าต้องโพสแบบนี้นะ เดินแบบนี้นะ ทำให้เราดูมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
สายเอี๊ยม : อย่างตอนที่เราจับมือประกาศสองคนสุดท้าย เราก็ยังคุยกันว่าใครได้ไปเลี้ยงหมูกระทะนะ คือเป็นความรู้สึกของมิตรภาพเพื่อนที่อยู่ในจุดของการถึงฝันของแต่ละคน เราก็ยินดีกับเพื่อนถ้าเพื่อนได้ เพื่อนก็ยินดีกับเราถ้าเราได้
• สุดท้ายและท้ายที่สุดสำหรับการทำความรู้จัก มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 ทั้งเรื่องทัศคติ ชีวิต มุมมอง ส่วนตัวยังอยากจะส่งเสริมผลักดันเรื่องไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เม็ดนุ่น : อยากจะช่วยเหลือทางด้านสังคมเกี่ยวกับผู้ที่ขาดโอกาส เพราะส่วนตัวเราทำจิตอาสามาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือให้คนตาบอด หรือว่าบริจาคเลือด เชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการให้ชีวิตเขา
พลอยใส : มีโครงการที่ทำเพื่อเด็กพิการ เป็นของตัวเองซึ่งทำมาก่อนหน้านี้แล้ว ชื่อโครงการว่า ‘Dare to Dream’ เป็นโครงการที่เกี่ยวกับความฝันโดยเริ่มต้นจากความฝันของเรา อย่างที่กล่าวไปว่าเราเป็นคนที่ชีวิตเดินตามความฝันมาตลอด และก็มีช่วงหนึ่งที่เราได้มีโอกาสไปคลุกคลีกับน้องๆ ผู้พิการในโครงการพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทำให้เราได้รู้ว่าเด็กๆ ทุกคนมีความฝันแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กพิการ แต่เขาก็มีความฝันมีสิ่งที่มีอยากทำในอนาคตไม่ต่างจากเรา เป็นคนที่ดีเยี่ยมในสังคมได้ไม่แพ้คนปกติ แต่เขาแค่ขาดโอกาส ขาดคนไปแนะนำแนวทาง เราก็เข้าไปเกิดโครงการนี้ขึ้นมา ตั้งเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กเพื่อเปิดรับจิตอาสาที่มีความถนัดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะช่างแต่งหน้า นักร้องหรือนักวิชาการ นักค้าขายออนไลน์ ที่มีจิตที่อยากให้ความรู้เด็กๆ จัดเป็นเวิร์กชอปคลาสเล็กๆ สนับสนุนเขาในตรงนี้

สายเอี๊ยม : เป็นในเรื่องของการศึกษา หลายๆ คนอยากจะเรียน อยากจะมีการศึกษาที่ดีแต่ไม่มีโอกาส เพราะเด็กๆ คือเยาวชนของชาติ เยาวชนของชาติมีการศึกษาที่ดี เขามีงานทำที่ดี เขาก็จะเป็นคนดี ประเทศไทยในอนาคตก็จะมีแต่คนดี มีน้ำใจซึ่งกันและกัน มีแต่ความรักส่งมอบให้กัน ประเทศเราก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และส่งต่อกันก้าวขึ้นไปสูงอย่างไม่หยุดยั้งในทุกๆ ด้าน เพียงแค่เริ่มต้นที่เด็กๆ เหล่านี้
สายเอี๊ยม, เม็ดนุ่น, พลยใส : นี่คือความคิดของพวกเราจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพที่ว่านางงามต้องรักเด็กๆ คือทุกคนสามารถที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนางงาม แต่ภาพนางงามต้องรักเด็ก เพราะเรามาอยู่ในจุดที่สาธารณะและเป็นกระบอกเสียงได้ง่าย ก็จะมีโอกาสที่จะช่วยเหลือสังคมได้มากกกว่าคนอื่น และคนอื่นๆ สามารถยึดเอาเป็นแบบอย่าง มันก็มีโอกาสที่จะช่วยเหลือสังคม เด็ก ได้มากขึ้น
สุดท้ายก็ขอขอบคุณครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นคอยสนับสนุน ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส ขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ดูแลเราเป็นอย่างดีและก็ขอบคุณเสียงเชียร์และแรงใจจากพี่น้องคนไทยทั่วประเทศที่ทำให้เรามีวันนี้ และก็อยากจะขอฝากให้กำลังใจ “สายเอี๊ยม” มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ ไปเป็นตัวแทนประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยของเรา ร่วมเชียร์พวกเราด้วยนะคะ

เรื่องและภาพ : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
Manager online จึงไม่พลาดที่จะไปพูดคุยทำความรู้จักกับ “สายเอี๊ยม-กีรติกา จารุรัตน์จามร”, “พลอยใส-นรินทร์ภัทร์ สุทธิโภชน์” และ “เม็ดนุ่น-วรางค์ศิริ ธนจรัสวรภัทร์” มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 อันดับที่ 1-2-3 เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์ทั้งทัศนคติ มุมมอง และเส้นทางการคว้ามงกุฎของพวกเธอ มีคุณค่าและสามารถนำมาปรับใช้เป็นแรงบันดาลใจได้ทั้งในชีวิต การงาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความฝัน’
• ก่อนหน้านี้เคยผ่านเวทีการประกวดอะไรมาบ้าง
สายเอี๊ยม : มิสอินเตอร์คอนติเนนตัลไทยแลนด์ จากเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2013
พลอยใส : มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2015 ได้ตำแหน่งมิส shiming
เม็ดนุ่น : มิสซูปร้าบุรีรัมย์ 2017 ตัวแทนจังหวัดบุรีรัมย์
• ทำไมถึงเลือกประกวดบนเวทีนี้กันอีกในเมื่อมีตำแหน่งกันอยู่แล้ว
สายเอี๊ยม : เป็นความฝันว่าอยากได้มงกุฎลงตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิตของสาวๆ ทุกคน (ยิ้ม) ซึ่งเวทีนี้เราก็ทำได้สำเร็จแล้วจากการที่เราทำอย่างเต็มที่ เป็นเวทีสุดท้ายในประเทศไทยที่เราจะลงประกวด
เม็ดนุ่น : คือเหมือนความฝันเรายังไม่สุด ในเมื่อเรามีความฝัน เราก็อยากที่จะเดินหน้าต่อให้เราได้ตำแหน่งมา ก็พยายามฝึกฝนทุกวิถีทาง พยายามทุกอย่าง
พลอยใส : และอีกอย่างหนึ่ง อันนี้เป็นส่วนตัวของพลอยใสเป็นคนชื่นชอบวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เคยทำงานร่มกับบริษัทญี่ปุ่น ถ้าได้ตำแหน่งก็จะได้ไปประกวดเป็นตัวแทนประเทศไทยที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างสายเอี๊ยมที่จะได้ไปประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะไปเก็บตัวในวันที่ 20 ตุลาคมนี้
• อันดับที่หนึ่งจากเวทีมิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 ได้ไปประกวดต่อที่ญี่ปุ่น และตำแหน่งรองชนะเลิศกับอันดับที่ 3 ประกวดเวทีที่ไหนอย่างไรต่อ
เม็ดนุ่น, พลอยใส : ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะไปประกวดที่ไหนอย่างไร แต่เร็วๆ นี้น่าจะมีข่าวเข้ามาว่าจะต้องไปประกวดที่ไหนอย่างไร
• ขอย้อนกลับไปในเรื่องเส้นทางก่อนจะมาเป็นทั้ง 3 นางงามมิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ เรามีความฝันหรือทำอะไรกันมาบ้างก่อนหน้านี้
เม็ดนุ่น : ตอนนี้ผลงานละครเรื่อง ‘โทษทีหนูเป็นสายลับ’ ช่อง 8 และนอกจากนี้ก็ทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย ก็วางแผนว่าจะทำควบคู่กันกับงานในวงการบันเทิง
พลอยใส : มีโอกาสได้เข้าไปเป็นเอเยนซีบริษัทโฆษณาญี่ปุ่น รู้สึกว่าเป็น AE สนุกดีเหมือนกัน และก็ชอบพวกงานครีเอทีฟงานโฆษณา เราเรียนจบทางด้านนี้มาก็ได้ลุยกับตรงนั้นก็รู้สึกดี อีกฝันหนึ่งก็อยากเป็นนักเขียน อยากจะมีพ็อกเกตบุ๊กของตัวเองสักเล่มหนึ่งที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันโดยใช้ตัวเราเป็นสื่อ เพราะอยากให้ทุกคนมีความฝัน กล้าที่จะลงมือทำ เนื่องจากเราใช้ชีวิตเดินตามความฝันของตัวเองมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ค่อยขยับมาทีละนิดๆ จนได้รับรางวัล ก็รู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตเราให้เราสามารถที่จะเดินและเติบโตไปได้ ก็อยากจะถ่ายทอดเพื่อเป็นประโยชน์และให้แรงบันดาลใจไม่มากก็น้อยก็ดีใจแล้วค่ะ
สายเอี๊ยม : อยากจะเป็นแอร์โฮสเตสตามสาขาที่เรียนที่เราฝันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็มีอีกฝันหนึ่งคือความฝันของครอบครัวฝันของคุณยาย คือการเป็นนางงาม เพราะตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอน ป.3 ก็จะมีประกวดตลอดทั้งประกวดนางนพมาศ ประกวดเทพีสงกรานต์ ประกวดรำไทย ก็อยากจะทำทั้งสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน
• จัดการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายหรือความฝันของเราที่มีกัน
สายเอี๊ยม : ทำให้มันบาลานซ์กันในทุกส่วน อย่างในช่วงที่เรียนอยู่ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย คือที่บ้านก็ไม่ได้ห้าม ออกจะส่งเสริมด้วยซ้ำ แต่ท่านก็อยากให้เราบาลานซ์ในทุกส่วนให้ดี ไม่ใช่ว่าไปทางด้านใดด้านหนึ่งทั้งหมด
พลอยใส : ก็เช่นกันค่ะ สนับสนุน แต่การเรียนอย่าเสียนะ (ยิ้ม) เราก็บาลานซ์จัดการของเราเองซึ่งก็ทำได้ดีตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ปล่อยให้เราแมเนจเมนต์เพราะท่านรู้ว่าเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมออยู่แล้ว ก็วางใจให้เราดูแลตัวเองและเดินตามความฝันในเส้นทางของเรา แต่ท่านจะคอยอยู่ข้างๆ ชี้แนะแนวทางและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
เม็ดนุ่น : คือเป็นกำลังใจให้เราตลลอดเวลา เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ในมุมกลับมันเป็นทั้งโอกาสและสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้อีกด้วยซ้ำตั้งแต่เด็กๆ เลยจนกระทั่งตอนนี้ที่เราได้รับโอกาสต่างๆ มากมาย
• มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง บนเส้นทางสายนางงาม
สายเอี๊ยม : เหนื่อยบ้างท้อบ้างเป็นธรรมดา เพราะไม่ใช่ว่าทุกเวทีเราจะเป็นที่ 1 ตลอด บางทีอาจจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เราก็ต้องสู้ต่อไป ฝึกฝนพัฒนาตัวเราเองเพื่อความฝันต่อไป อย่าล้ม เดินหน้าต่อไป ไม่หันกลับหลัง พยายามเดินต่อไป... แม้ว่าจะท้อบ้างเหนื่อยบ้าง แต่เราก็มีกำลังใจจากคนรอบข้าง พ่อแม่ ครอบครัว พอเขาเติมเราก็ฮึดสู้ต่อ
เม็ดนุ่น : เอาอุปสรรคที่เราได้รับมาเป็นแรงผลักดัน มาเป็นครูในการพัฒนาความสามารถของตัวเองให้พัฒนาไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราก็ต้องสำเร็จให้ได้ เราเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตัวเอง
พลอยใส : ก็คือเหมือนกับปัญหามันมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีมุมมองต่อปัญหานั้นอย่างไรมากกว่า ถ้าเกิดว่าเรามองว่ามันในแง่ลบมันก็จะมีแต่อะไรลบๆ ในชีวิต แต่ถ้าเรามองบวกและนำมาปรับใช้กับตัวเองให้เราก้าวข้ามมันไปและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เราก็จะเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม มองปัญหาให้เป็นแรงผลักดัน ไม่มีปัญหาก็อาจจะไม่มีเราที่มาถึงตรงนี้ก็ได้ (ยิ้ม)
• นอกจากเรื่องทัศนคติ มุมมองในเรื่องของการดูแลความงามเราทำกันอย่างไรบ้าง
สายเอี๊ยม : เป็นในเรื่องของหุ่นก่อน ก็จะมีความกังวลมากกว่า อย่างเช่นสมมติเรากำลังจะประกวดก็จะกินดีไหม เดี๋ยวพุงมันจะออกนะ เรื่องของความกังวล แต่ด้วยความที่กองประกวดดูแลเป็นอย่างดีก็เลยค่อนข้างจะคลายความกังวลลงไปได้จากการจัดสรรของกอง
พลอยใส : เราก็เลือกเพิ่มอีกนิด เรื่องของคาร์โบไฮเดรตเราจะไม่เน้น เน้นแต่พวกผัก ผลไม้ พร้อมกับทำสุขภาพจิตให้ดี ผิวพรรณก็จะดี ควบคู่กันไปด้วย
เม็ดนุ่น : ในส่วนนี้เม็ดนุ่นของเพิ่มเติมในเรื่องของการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ควบคู่กันเพราะ ทานข้าวทานคาร์โบไฮเดรตนิดหนึ่งมันก็จะออกทันทีเราก็ต้องระวังในเรื่องนี้อย่างที่พี่สายเอี๊ยมบอกในเรื่องของความกังวล และเราก็จัดระบบให้เน้นผัก ผลไม้แทนแบบพี่พลอยใส
• ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียวต้องมีระบบระเบียบวินัยพอตัว อันนี้คือแนวทางคร่าวๆ ของคนที่จะเป็นนางงามต้องมีด้วยใช่ไหม
สายเอี๊ยม : ใช่ค่ะ… อย่างแรกต้องมีแรงผลักดัน มีความมุ่งมั่นก่อน และก็หลังจากนั้นดูตัวเราเองว่าเราจะปรับปรุงแก้ไขตรงไหน พัฒนามุ่งมั่นที่จะทำมัน ถ้าหุ่นไม่ดีเราก็ไปฟิตเนส และกินอาหารคลีน แต่ไม่ต้องถึงทรมานตัวเองให้แย่ มันจะดูโทรม
พลอยใส : คือจริงๆ ก็ทุกอาชีพไม่ใช่เฉพาะอาชีพนางงามเท่านั้น ความฝันทุกคนมีหมด ดารานักร้อง ศิลปิน นักการเมือง มันอยู่ที่แพสชันมากกว่า เราต้องมีแพสชัน ต้องค้นหาตัวตนเราจริงๆ ให้เจอ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเดินไปถึงมันได้ เพราะถ้าเราอยากได้มันจริงเราจะทำทุกทาง พัฒนาตัวเอง ฝึกฝนตัวเองจนก้าวไปถึงเป้าหมายจนได้
• ในเรื่องเสื้อผ้าอย่างชุดว่ายน้ำที่มีกระแสดรามาว่าค่อนข้างเซ็กซี่มากเกินไป เรามีความคิดเห็นอย่างไร
สายเอี๊ยม, พลอยใส, เม็ดนุ่น : คือก็มีความเว้ามีความโค้ง มีความเซ็กซี่โชว์หุ่นแบบไฮคัตแบบสมัยก่อน แต่จริงๆ คือมันต้องครบทุกด้านเพราะเป็นเวทีการประกวดความงาม ใครมีดีอะไรก็ต้องแสดงออกมาโชว์ความสามารถที่เรามีที่เราดูแลและสร้างมันขึ้นมา ก็เลยเป็นกระแสสำหรับเวทีนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อแสดงตัวตนความเป็นเราอย่างเต็มที่ อย่างในรอบชุดว่ายน้ำ ครีเอทีฟเขาก็ให้เราเลือกชุดว่ายน้ำมาเองได้เลย สามารถครีเอทีฟได้จากสิ่งที่เราชอบในแต่ละคน
• คัดกรองเป็น 1 ใน 3 จากทั่วประเทศไทย ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรกันบ้างช่วงแรกๆ ที่ลงสมัคร
สายเอี๊ยม : คือมีเปิดรับทั้งแบบสมัครออนไลน์ และก็สมัครด้วยตัวเอง คัดเหลือเป็น 25 คนสุดท้ายจากสาวงามทั้งประเทศ เราก็คิดว่าเราต้องติดกัน (หัวเราะ) เพราะเป็นเรื่องของความมั่นใจ ก็ถือว่าโหดมาก เพราะปกติจะคัดเป็น 60 คน เหลือ 40 คน แต่นี้มาคัดปุ๊บเหลือ 25 คนเลย
พลอยใส : เราก็เตรียมตัวกันมาอย่างดีอยู่แล้ว
• จาก 25 คน เหลือเท่าไหร่รอบที่คัดต่อ
เม็ดนุ่น : เหลือ 12 เหลือ 6 แล้วก็ 3 คน ก็ประกวดรางวัลพิเศษเยอะมาก ทั้งชุดประจำชาติ ชุดว่ายน้ำ ชุดครีเอทีฟ และขวัญใจของจังหวัดนครนายกที่เราไปประกวด ก็ต้องใส่ชุดไทย และก็ต้องตอบคำถาม 2 รอบ
• รอบไหนบ้าง
สายเอี๊ยม : รอบ 6 คน คำถามเดียวกันคือเป็นภาษาอังกฤษ ถามประมาณว่าคุณสมบัติอะไรที่มิสอินเตอร์เนชันแนลควรจะมี ก็ตอบในเรื่องของ ‘การเป็นผู้ให้’ การให้โอกาสผู้อื่น การให้โอกาสผู้อื่นมันเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนอยากให้โอกาส เมื่อมีโอกาสเราถึงทำมันได้ เริ่มจากการให้ เราก็จะได้รับโอกาสกลับคืนมา
พลอยใส : ตอบในเรื่องของ ‘เวิร์กกิ้งวูแมน’ มีความสวย เก่ง สมาร์ท และสิ่งเหล่านี้จะสามารถที่จะสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้มากมาย รวมถึงกับตัวเอง สังคมและผู้อื่น
เม็ดนุ่น : สวย ฉลาดและมีความพร้อมที่จะก้าวสู่สังคมโลกสากลได้อย่างมั่นใจ ก็จะคล้ายพี่พลอยใส เราก็เข้ารอบกันมาเป็น 3 คนสุดท้าย ส่วนตอนเหลือ 3 คนเป็นภาษาไทยในคำถามคล้ายกันมาก เพื่อที่จะวัดปฏิภาณไหวพริบ เป็นการขยายความให้ชัดเจน เราก็ตอบยืนยันคล้ายๆ กันแบบเดิม (หัวเราะ) พอจบตรงนั้นก็โล่งดีใจ ซาบซึ้งใจที่คนดูรู้สึกชอบในสิ่งที่เรารู้สึก ก็คิดว่ามงลงใครก็ได้ใน 3 คน เพราะเราทำกันได้ดีทั้งหมด แถมเรายังเป็นเพื่อนกันเองอีกด้วย
• เป็นมิตรภาพช่วยเหลือกันที่ตอกย้ำอย่างชัดเจน
เม็ดนุ่น : ค่ะ… ของเม็ดนุ่นจะเห็นชัดที่สุด เพราะเราอายุน้อยสุด 19 ปี พี่ๆ ทุกคนก็จะแนะนำว่าต้องโพสแบบนี้นะ เดินแบบนี้นะ ทำให้เราดูมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
สายเอี๊ยม : อย่างตอนที่เราจับมือประกาศสองคนสุดท้าย เราก็ยังคุยกันว่าใครได้ไปเลี้ยงหมูกระทะนะ คือเป็นความรู้สึกของมิตรภาพเพื่อนที่อยู่ในจุดของการถึงฝันของแต่ละคน เราก็ยินดีกับเพื่อนถ้าเพื่อนได้ เพื่อนก็ยินดีกับเราถ้าเราได้
• สุดท้ายและท้ายที่สุดสำหรับการทำความรู้จัก มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2018 ทั้งเรื่องทัศคติ ชีวิต มุมมอง ส่วนตัวยังอยากจะส่งเสริมผลักดันเรื่องไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เม็ดนุ่น : อยากจะช่วยเหลือทางด้านสังคมเกี่ยวกับผู้ที่ขาดโอกาส เพราะส่วนตัวเราทำจิตอาสามาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือให้คนตาบอด หรือว่าบริจาคเลือด เชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการให้ชีวิตเขา
พลอยใส : มีโครงการที่ทำเพื่อเด็กพิการ เป็นของตัวเองซึ่งทำมาก่อนหน้านี้แล้ว ชื่อโครงการว่า ‘Dare to Dream’ เป็นโครงการที่เกี่ยวกับความฝันโดยเริ่มต้นจากความฝันของเรา อย่างที่กล่าวไปว่าเราเป็นคนที่ชีวิตเดินตามความฝันมาตลอด และก็มีช่วงหนึ่งที่เราได้มีโอกาสไปคลุกคลีกับน้องๆ ผู้พิการในโครงการพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทำให้เราได้รู้ว่าเด็กๆ ทุกคนมีความฝันแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กพิการ แต่เขาก็มีความฝันมีสิ่งที่มีอยากทำในอนาคตไม่ต่างจากเรา เป็นคนที่ดีเยี่ยมในสังคมได้ไม่แพ้คนปกติ แต่เขาแค่ขาดโอกาส ขาดคนไปแนะนำแนวทาง เราก็เข้าไปเกิดโครงการนี้ขึ้นมา ตั้งเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กเพื่อเปิดรับจิตอาสาที่มีความถนัดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะช่างแต่งหน้า นักร้องหรือนักวิชาการ นักค้าขายออนไลน์ ที่มีจิตที่อยากให้ความรู้เด็กๆ จัดเป็นเวิร์กชอปคลาสเล็กๆ สนับสนุนเขาในตรงนี้
สายเอี๊ยม : เป็นในเรื่องของการศึกษา หลายๆ คนอยากจะเรียน อยากจะมีการศึกษาที่ดีแต่ไม่มีโอกาส เพราะเด็กๆ คือเยาวชนของชาติ เยาวชนของชาติมีการศึกษาที่ดี เขามีงานทำที่ดี เขาก็จะเป็นคนดี ประเทศไทยในอนาคตก็จะมีแต่คนดี มีน้ำใจซึ่งกันและกัน มีแต่ความรักส่งมอบให้กัน ประเทศเราก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และส่งต่อกันก้าวขึ้นไปสูงอย่างไม่หยุดยั้งในทุกๆ ด้าน เพียงแค่เริ่มต้นที่เด็กๆ เหล่านี้
สายเอี๊ยม, เม็ดนุ่น, พลยใส : นี่คือความคิดของพวกเราจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพที่ว่านางงามต้องรักเด็กๆ คือทุกคนสามารถที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนางงาม แต่ภาพนางงามต้องรักเด็ก เพราะเรามาอยู่ในจุดที่สาธารณะและเป็นกระบอกเสียงได้ง่าย ก็จะมีโอกาสที่จะช่วยเหลือสังคมได้มากกกว่าคนอื่น และคนอื่นๆ สามารถยึดเอาเป็นแบบอย่าง มันก็มีโอกาสที่จะช่วยเหลือสังคม เด็ก ได้มากขึ้น
สุดท้ายก็ขอขอบคุณครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นคอยสนับสนุน ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส ขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ดูแลเราเป็นอย่างดีและก็ขอบคุณเสียงเชียร์และแรงใจจากพี่น้องคนไทยทั่วประเทศที่ทำให้เรามีวันนี้ และก็อยากจะขอฝากให้กำลังใจ “สายเอี๊ยม” มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ ไปเป็นตัวแทนประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยของเรา ร่วมเชียร์พวกเราด้วยนะคะ
เรื่องและภาพ : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล