วัด เป็นปูชนียสถานสำคัญทางศาสนา และเป็นสถานที่มีความมั่นคงถาวร วัดส่วนใหญ่จึงอยู่กันมาเป็นร้อยๆปี วัดที่สร้างมาก่อนกรุงศรีอยุธยาก็ยังอยู่ แม้กรุงศรีอยุธยาจะล่มสลายไป แต่วัดก็รุ่งเรืองมาได้ อย่างวัดพนัญเชิง
แต่อะไรๆก็ต้องมีข้อยกเว้นกันได้ ตามสถานการณ์และความเหมาะสม วัดบางวัดได้กลายเป็นย่านทำเลทองทางธุรกิจ ฝรั่งย้ายเข้าไปอยู่กันรอบวัด แล้วยังร้องว่าเห็นกลิ่นเผาศพ สมภารเห็นว่าอยู่ไปก็ร้อนใจ เลยยกวัดให้ฝรั่งทำธุกิจไป แล้วย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่ซึ่งปลอดโปร่งโล่งใจกว่า
อีกวัดหนึ่งคือวัดพระยาไกร ที่ถนนตก ถูกบริษัทฝรั่งรุกเข้ามา เลยต้องยุบวัดให้ฝรั่งเช่าที่ไปทั้งหมด บอกบุญว่าวัดไหนอยากได้พระพุทธรูปก็ไปขนเอา จนเกิดเรื่องดังระดับโลก เมื่อพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ที่ไม่มีใครยอมเอา จนวัดไตรมิตรรับอาสาเอาไปเก็บไว้ให้ แล้วกลายเป็นพระทองคำหนักถึง ๕ ตัน บางวัดถูกถนนผ่ากลาง ต้องยกซีกหนึ่งให้เป็นวัง อีกซีกไปรวมกับวัดข้างๆ ยุบวัดไป ก็คือ วัดสารพัดช่างที่บางขุนพรหม ซึ่งถูกถนนท่าเกษม ตัดต่อจากถนนวิสุทกษัตริย์ ข้ามถนนสามเสนไปจดแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนวัดที่ถูกฝรั่งเข้ามาอยู่ล้อมวัดแล้วยังร้องทุกข์กล่าวโทษ จนต้องย้ายวัดหนี ก็คือ วัดแก้วแจ่มฟ้า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงปากคลองผดุงกรุงเกษม เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่สมัยไหนไม่มีหลักฐาน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีฝรั่งเข้ามาอยู่อาศัยในย่านนี้มากจนล้อมวัด แล้วยังไปร้องทุกข์ต่อกระทรวงนครบาลว่า ทนเหม็นกลิ่นเผาศพไม่ไหวส่วนเจ้าอาวาสก็ปรับทุกข์เหมือนกันว่าการเผาศพเป็นผลประโยชน์อย่างเดียวที่เลี้ยงวัด เพราะรอบวัดมีแต่คนต่างศาสนาไม่มีใครมาทำบุญ
ที่ดินของวัดแก้วแจ่มฟ้าเป็นที่ดินของพระคลังข้างที่ การแก้ปัญหานี้เลยลงตัวที่ว่า ถ้าให้พระคลังข้างที่ลงทุนสร้างวัดแก้วแจ่มฟ้าในที่ใหม่ เอาที่เก่าทำประโยชน์ทางการค้า ก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ในที่สุดวัดแก้วแจ่มฟ้าเลยต้องย้ายไปสร้างใหม่ในปี ๒๔๕๐ ที่ถนนสี่พระยาซึ่งเพิ่งตัดใหม่ในปี ๒๔๔๘ ซึ่ง ๔ พระยากับ ๑ หลวงร่วมกันตัดจากถนนเจริญกรุงไปทะลุถนนหัวลำโพงที่ข้างวัดหัวลำโพง เพื่อให้ผ่านที่ดินของตัวเอง ส่วนที่เดิมของวัดกลายเป็นธนาคารฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ ปัจจุบันคือโรงแรมรอยัลออร์คิดเชราตัน
ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าไม่ได้ยุให้ขายวัดไทรย้ายหนีคอนโดนะครับ แค่เสียงระฆังวัดตีวันละครั้งคงไม่หนักหนาสำหรับคนนอนห้องแอร์ คนที่เปิดหน้าต่างนอนเขายังฟังกันได้ ผู้เขียนเคยอยู่ที่หมู่บ้านหนึ่งในกรุงเทพฯ ในตอนค่ำยามของหมู่บ้านเขาจะตีแผ่นเหล็กขานโมงยามทุกชั่วโมง พอได้ยินก็คอยนับว่ากี่ทุ่มแล้ว ไม่ถึงครึ่งนาทีก็หลับต่อ พอย้ายไปอยู่ที่ใหม่เลยรู้สึกเหงาๆ ไม่มีใครมาตีบอกเวลาให้รู้ ต้องตื่นมาดูนาฬิกาเอง
นี่ก็เป็นเรื่องของคนต่างถิ่นที่เข้ามาอยู่ แล้วไม่รับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่น มาเจอเอาคนบ้าจี้เข้าไปด้วย จึงกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้