xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ SWEAT16 กับเป้าหมายข้างหน้าในวงการไอดอล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ในยุคที่บ้านเราเริ่มหันมาสนใจวัฒนธรรมดนตรีแบบญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “วงไอดอล” นั้น “สเวท 16” (SWEAT16) ก็เป็นอีก 1 กลุ่มศิลปินที่ค่อยๆ เติบโต ด้วยระยะเวลาที่ก่อตั้งมากว่า 1 ปี กับสมาชิกทั้ง 13 คน ในผลงาน 4 ซิงเกิล กับภาพลักษณ์อันโดดเด่นทั้งการเต้น การร้องสด และแฟนคลับที่คอยส่งเสียงประกอบเพลงหรือที่เรียกกันว่า ยิงมิกซ์ อย่างทรงพลัง จนเป็นที่พูดถึงอยู่บ่อยครั้งเมื่อพวกเธอไปออกงานโชว์ต่างๆ MGR online จึงได้ไปพูดคุยกับ 6 สาวตัวแทนของวง ทั้ง “แอ๊นท์-วรินดา เนินเพิ่มพิสุทธิ์” กัปตันวง, “ม่านมุก-ชดาธาร ด่านกุล”, “เอ๋-วาสนา พิมพ์จันทร์”, “พิม ขจรเวคิน”, “เพชร-พรรษา บุณยะกลัมพ” และ “มิ้น-ทสมา เทศน์ธรรม” กับคำถามถึงก้าวต่อไป และเป้าหมายสูงสุดของพวกเธอคืออะไร
SWEAT16
“ไอดอล” กับ “เกิร์ลกรุ๊ป” ต่างกันยังไง?

“แอ๊นท์-วรินดา” (อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง SHUU) : จริงๆ เกิร์ลกรุ๊ปมันจะมีความเป็นรูปแบบที่ตายตัว แบบว่า ต้องเป๊ะๆๆ มากๆ มันถึงจะโอเค แต่ส่วนไอดอลจะเน้นการเอนเตอร์เทน ใช้ความรู้สึกมากๆ เสียส่วนใหญ่ในการที่เราจะร้องเพลงใดเพลงหนึ่งออกไป มันก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของกฎด้วย รูปแบบการยืนตำแหน่ง การจัดลำดับตำแหน่ง อย่างของเกิร์ลกรุ๊ปจะค่อนข้างตายตัวทุกเพลงจะคล้ายๆ กันหมด แต่ของไอดอลจะมีการหมุนเวียนเซ็นเตอร์บ้าง แต่ส่วนเกิร์ลกรุ๊ป ถ้าเขาเลือกคนใดคนนึงเป็นเซ็นเตอร์แล้วส่วนใหญ่ก็จะใช้คนนั้นไปนานๆ เลย อย่างไอดอลจะมีการหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสมของเพลง

ถ้าพูดถึงตอนที่เป็นเกิร์ลกรุ๊ป มันก็มีเรื่องของแฟนคลับที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน อย่างของเกิร์ลกรุ๊ปมันจะรู้สึกว่าเขาอาจจะยังไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการยิงมิกซ์หรืออะไรแบบนี้ของเกิร์ลกรุ๊ปค่อนข้างจะน้อยมากในบ้านเรา แต่ถ้าในต่างประเทศก็ยังจะพอมีแบบแฟนชานท์ (Fanchant) (คำที่ใช้เชียร์ศิลปิน) แต่พอมาเป็นไอดอลในไทยก็ยังมีการยิงมิกซ์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น เข้ามาร่วมด้วยได้แบบดีมากๆ สำหรับความคิดแอ๊นท์ 2 อันนี้จะต่างกันแบบนี้

นิยามคำว่าไอดอลของ สเวท16

“ม่านมุก-ชดาธาร” : คำว่าไอดอลมันก็มีได้หลากหลายความหมายมากๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้ หรือว่าไอดอล ตามหลักของญี่ปุ่นจริงๆ ก็คือเด็กสาว หรือว่าคนที่มีความฝันที่ขึ้นมาร้องเต้นบนเวที เพื่อมอบความสุขให้กับคนดู แต่ สเวท16 มุกมองว่า นิยามของวงก็คือความพยายาม คือทุกคนเริ่มต้นเรามาจากจุดที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ เรามาจากศูนย์ เรามาจากจุดที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครแม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ เราต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มาเยอะมาก เราต้องใช้ความอดทนและความพยายามสูงมากๆ รวมถึงกระแสต่างๆ ที่เข้ามาทั้งด้านบวกและด้านลบ เราอดทนและพยายามสู้กันมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าความฝันและความรักที่เรามีให้กันและกันและความรักที่เรามีให้กับแฟนคลับด้วย

“ก็อยากจะให้สเวท16 เป็นตัวแทนของความพยายามและอยากให้ทุกคนมองเห็นพวกเราแล้วก็รู้สึกว่า เนี่ย น้องๆ พวกนี้ เด็กพวกนี้ ยังพยายามขนาดนี้เพื่อที่จะมาอยู่ตรงนี้ เราก็ต้องพยายามบ้างแล้วแหละ ก็ต้องสู้บ้างแล้วแหละ เพื่อให้พวกเราเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา และเราจะได้ไปถึงฝันร่วมกัน”

รู้สึกยังไงบ้างที่ตอนนี้มีวงไอดอลใหม่ๆ มากขึ้น

“เอ๋-วาสนา” : เอ๋ มั่นใจว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงาน รวมถึงพี่บอย โกสิยพงษ์ หรือว่าผู้ใหญ่ ต่างสนับสนุนและตั้งใจอยากจะให้เด็กๆ ที่มีความฝันทุกคนสามารถมีทางที่จะแสดงออก เพราะว่าจากที่เอ๋อยู่มาที่นี่ ทำให้รู้สึกว่าพี่บอย ค่อนข้างเปิดกว้างให้กับทุกๆ คน ความคิดเห็นของทุกๆ คน หรือว่าวงอื่น และก็วงของพวกเรา เราไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องแข่งขันกับใครเลยเพราะว่าวงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาบางทีม่านมุกไปเป็นดีเจก็ไปเปิดเพลงเขา ไปเต้นเพลงเขา หรือว่าจะไปร้องเพลง ฟังเพลง เราก็มีการสื่อสาร ดูแต่ละวงเหมือนกัน

“เอ๋ มองว่ามันไม่ผิดที่แต่ละคนจะมีความฝัน เพราะว่าการที่มีวงขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ มันเท่ากับว่าจะเปิดโอกาสให้กับเด็กที่มีความฝันเข้ามาทำโอกาสให้เป็นจริงมันมีเยอะขึ้นนะ อีกอย่างนึง พวกเราผ่านกันมาในช่วงที่ยากลำบาก ในช่วงที่ไม่มีใครมองเห็น ทำให้เรารู้สึกว่าการที่เราจะได้รับโอกาสมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เลย ถ้าสมมุติว่าวงอื่นๆ ที่เขาขึ้นมาใหม่ๆ แล้วเขาก็ได้รับโอกาสอะไรพวกนี้มันก็คงดีมากๆ เลย”

แล้วก็ไม่ว่าจะเป็นวงไหนมันก็ทำให้เกิดการพัฒนา แน่นอนว่ามันเป็นตัวอย่างในเรื่องของคำว่าไอดอลที่แท้จริงของประเทศ ที่เป็นตัวอย่างที่ดี จะวงไหนก็แล้วแต่ สเวท16 ก็จะทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน ไม่ยอมแพ้แน่นอน
พิม ขจรเวคิน , มิ้น-ทสมา เทศน์ธรรม
ความแตกต่างระหว่าง สเวท16 กับวงไอดอลอื่นๆ

“พิม” : เรามาในคอนเซปต์ความสดใส แข็งแรง ร่าเริง และเราก็อยากจะใช้ตรงจุดๆ นี้ เหมือนกับว่าช่วงนี้กระแสการออกกำลังกายค่อนข้างจะบูมด้วย เพราะฉะนั้นเราก็อยากจะเป็นจุดๆ นึง อยากจะเป็นคนเล็กๆ กลุ่มนึง ที่ทำให้คนไทย หรือใครหลายๆ คนหันมาออกกำลังกาย อาจจะด้วยแนวเพลงของพวกเราหรือว่าแนวเพลงที่สดใสกับท่าเต้นที่แข็งแรง ก็อยากจะชวนทุกๆ คนให้หันมาออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับพวกเรา

แล้วเอกลักษณ์ของ สเวท16 คืออะไร?

“แอ๊นท์-วรินดา” : หลักๆ เลยที่มั่นใจก็เป็นเรื่องของการเต้น ที่วงของเราจะเน้นในเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ และพอไปออกงานส่วนใหญ่ก็จะได้ยินคอมเมนต์แบบวงนี้เต้นพร้อมกันจัง เต้นแข็งแรง ก็ดีใจมากๆ ที่มีคนชมเราเยอะ แล้วก็เอกลักษณ์อีกอย่างนึงแอ๊นท์คิดว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าไอดอลในญี่ปุ่นจะต้องน่ารัก สดใสอย่างเดียว แต่วงเราจะมีการผสมผสานในแนวอื่นเข้ามาด้วย ในแต่ละเพลงก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่แค่น่ารักอย่างเดียว อย่างเพลงทีเคโอก็มีเรื่องของความเท่เข้ามา แนวเพลงที่ดูดุดันมากขึ้น อย่างเพลงอื่นๆ ถึงจะเป็นเพลงที่แบบมุ้งมิ้งน่ารักๆ แต่เราเต้นกันแข็งแรงเหมือนไม่ใช่เพลงน่ารักอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) เหมือนมีบางอย่างที่ไม่ใช่สไตล์แนวไอดอลที่ดูน่ารักอย่างเดียว

“ม่านมุก-ชดาธาร” : เห็นคนบอกมาว่าวงเราเหมือนไม่ใช่ไอดอล เหมือนเป็นวงตลก พวกเราก็จะมีความเป็นกันเอง ทุกคนเล่นมุกเก่ง เหมือนคนสไตล์แบบนี้มารวมกันเยอะๆ ก็จะกลายเป็นการชอบเล่นมุก

“แอ๊นท์-วรินดา” : จริงๆ ตอนแรกหนูว่าทุกคนอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ แต่พอเหมือนอยู่ด้วยกัน เริ่มมีพัฒนาการในการเล่นตลกเยอะขึ้น

“ม่านมุก-ชดาธาร” : ตอนนี้ทุกคนมีทักษะพัฒนาขึ้นในเรื่องของการยิงมุกตลกต่างๆ รวดเร็วมากจริงๆ

“มิ้น-ทสมา” : เรารู้สึกว่าพวกเรา 13 คน ก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แฟนคลับของเราก็เหมือนเป็นครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งเหมือนกัน โอเคเราอาจจะรู้สึกว่าพวกเราสนิทกัน แต่เราก็จะมีความรู้สึกสนิทกับแฟนคลับ อาจจะไม่ได้สนิทกันเกินไป แต่ว่ามันจะเป็นความผูกพันของพวกเรา ทำให้ได้รู้สึกว่าเวลาเราไปไหนและได้เจอเขา ทำให้รู้สึกดีใจ ภูมิใจจังเลยที่มาหา มันมากกว่าการที่เป็นแฟนคลับที่มาตามเชียร์เรา แต่เหมือนกับเป็นการส่งพลังใจให้กันมากกว่า

“แอ๊นท์-วรินดา” : ก็แฟนคลับแหละที่มีการยิงมิกซ์แบบเมามัน ตอนนี้มีคนพูดกันเยอะมาก ถ้ามีสเวทแล้วจะต้องมีแฟนคลับแบบนี้ จะต้องมีการยิงมิกซ์แบบนี้ ยอดเยี่ยมเลยค่ะ

“ม่านมุก-ชดาธาร” : ทุกคนบอกว่าไปงานสเวทรับรองสนุกแน่นอน มันแน่นอน ก็ขอบคุณทุกคนมากๆ

ดูเหมือนซิงเกิล TKO จะเป็นการกลับมาสู่เรื่องของกีฬาอีกครั้ง

“ม่านมุก-ชดาธาร” : จริงๆ แล้วซิงเกิล TKO ความเป็นมา มีการเตรียมตัวที่ยาวนานมาก เหมือนกับว่ามีคอนเซปต์นี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกๆ เลย ตั้งแต่ก่อตั้งวง ก่อนหน้าที่จะมีชื่อวงด้วยซ้ำ เป็นเหมือนกับเป็นเพลงหลักๆ เพลงแรกๆ ของ สเวท16 ซึ่งตอนนั้นก็อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ยังไม่ถึงเวลาที่เพลงนี้จะออกมาได้ ซึ่งเราก็เก็บเพลงนี้ไว้เป้นเหมือนไม้ตาย หมัดฮุกของเรา ถามว่าเป็นเพราะคอนเซปต์กีฬามั้ยก็ส่วนนึง เราก็อยากให้เห็นหลายๆ มุมของ สเวท16 อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นกีฬาอย่างเดียว อาจจะมีมุมน่ารัก ความทรงจำ เพื่อนๆ บ้างซึ่งอยากให้ทุกคนติดตามว่าต่อไปพวกเราจะออกมาในมุมมองไหนบ้าง

"แอ๊นท์-วรินดา" : ไม่แน่อนาคตอาจจะเป็นกีฬายิงธนู ฟันดาบ เปตอง อะไรอย่างนี้ก็ได้

คิดว่าแต่ละคนจะต้องพัฒนาอะไรเพิ่มเติมบ้าง?

“เพชร-พรรษา” : ส่วนที่ต้องพัฒนามากๆ เลยก็อาจจะเป็นในเรื่องของการร้องเพลง เพราะว่าตัวเองจริงๆ ไม่ใช่เป็นคนที่ร้องเพลงเพราะ หรือว่าเก่งอะไร แค่แบบร้องได้ แต่ว่าพอเรามาอยู่ใน สเวท16 ก็ได้มีการฝึกฝนทักษะการร้องเพลงมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้ตัวเองรู้ว่า ไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเพราะ หรือว่าร้องเพลงได้อะไรเลย ร้องเพลงเพี้ยนด้วย (หัวเราะ) พอได้เรียนร้องเพลงถึงรู้ว่าร้องเพลงเพี้ยน เพราะว่าโอเคเราชอบร้องเพลงร้องคาราโอเกะมันก็ร้องได้ตามทั่วๆ ไป แต่พอมาอยู่วงมันก็มีหลายๆ แนวและตอนแรกๆ ก็จะเป็นแนวญี่ปุ่น เสียงค่อนข้างจะที่จะสูงก็ต้องฝึกมากๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็พยายามอยู่ แล้วก็จะพยายามต่อไปให้ดีที่สุดเหมือนกัน

“แอ๊นท์-วรินดา” : สำหรับแอ๊นท์จริงๆ ก็ทุกด้านแหละ ทั้งเรื่องร้อง เต้น ความรับผิดชอบของแอ๊นท์เอง ที่บางอย่างเราจะต้องทำหน้าที่การเป็นกัปตันให้ดีขึ้น และมีความรับผิดชอบในหลายๆ เรื่อง ให้มันดีทุกๆ ด้าน อย่างตัวเองเป็นคนที่ขี้ลืมง่ายมากก็เลยต้องพยายามมีสติกับสิ่งที่ทำอยู่ ณ ตอนนั้น ก็อยากจะทำทุกอย่างออกมาให้ดีๆ พัฒนาในทุกๆ เรื่อง ทั้งร้อง เต้น การแสดง และหน้าที่การเป็นกัปตัน

“ม่านมุก-ชดาธาร” : จริงๆ ก็ต้องพัฒนาในหลายๆ ด้านเหมือนกัน มุกว่าทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟกท์ ก็จะมีบางจุดที่จะพัฒนาต่อเหมือนกัน อย่างเช่นการร้อง การเต้น มุกเองก็ไม่ได้เป็นคนที่เพอร์เฟกท์หรือว่าเก่งมาตั้งแต่แรกเลย ก็ต้องผ่านการพัฒนาเยอะมากๆ ผ่านการฝึกฝน ฝึกซ้อมเยอะมากจริงๆ ซึ่งตอนนี้ก็เก่งขึ้นมาในระดับนึงแล้ว ที่แบบว่าเออ ไปโชว์เขาได้แล้ว แต่ว่าก็ยังรู้สึกว่า ไม่อะ มันยังไม่พอ เราจะต้องเก่งขึ้น พัฒนาขึ้นกว่านี้ เราจะต้องทำให้มันดีกว่านี้ เป็นคนที่ดีกว่านี้ เพื่อทุกคนให้ได้ เพื่อตอบแทนความรักที่ทุกคนมอบให้ก็จะขอเป็นคนที่เก่งขึ้น ในอนาคตก็เป็นกำลังใจให้ด้วยว่ามุกจะเป็นซูเปอร์หมูได้มั้ย (หัวเราะ) อีกเรื่องนึงคือต้องมีวินัยมากกว่านี้ ในการกิน

“มิ้น-ทสมา” : นอกจากเรื่องการร้องเพลง การเต้นแล้ว แน่นอนว่าต้องฝึกบุคลิกภาพตัวเองอย่างเช่น การพูด เพราะเป็นคนพูดเร็วก้ต้องพยายามค่อยๆ พูดช้าลง และส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการมีวินัยในตัวเอง ความพยายาม เรื่องของจิตใจความรู้สึกในการกล้าแสดงออกในการทำสิ่งๆ นั้นมั้ย เราต้องเพิ่มในจุดนี้มากๆ เพราะจริงๆ เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก พอมาอยู่ที่นี่ มาเจอน้องๆ เจอแฟนๆ ก็รู้สึกว่า ทำให้ตัวเองมีกำลังใจ มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่ว่ามันก็ยังมีสิ่งเล็กๆ ที่มันทำให้เรารู้สึกว่ากดตัวเองอยู่ว่า เฮ้ย มันยังไม่น่าใช่ อยู่ตลอดเวลา ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ เราก็จะเป็นคนที่ดีกว่านี้ให้ได้แน่นอน

“เอ๋-วาสนา” : ต้องเรียกว่าต้องพัฒนาทุกด้านเลย นอกจากเรื่องร้อง เต้น การแสดงออก แต่ว่าที่สำคัญที่ตอนนี้อยากจะเอาใจใส่ตัวเองให้มากๆ ก็คือการวางตัวเพราะว่าตอนนี้วงก็เริ่มเป็นที่รู้จักมาขึ้นแล้ว และก็มีคนที่อาจจะรักและยังไม่ได้รักเรา เราก็ต้องเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ ด้วย และอีกอย่างนึงเราก็เป็นไอดอลการวางตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยอยากจะพยายามให้ดีที่สุด ถ้าเราวางตัวไม่ดีมันก็จะมีผลกระทบต่อวงด้วย

“พิม” : น่าจะต้องพัฒนาในหลายๆ ด้าน คิดว่ามนุษย์เองการพัฒนา การเรียนรู้ การฝึกฝน มันไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราอยากจะพัฒนาตัวเองหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งที่รู้สึกอยากจะพัฒนาตอนนี้คือการพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง ให้ชัดเจน เพราะว่าพิมคิดว่าการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่คนมักจะลืมว่ามันไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วมันสำคัญมาก เช่น เวลาเราออกไปร้องเพลง ไปโชว์ ถ้าเราร้องผิด หรือเต้นผิด ถ้าสมมุติคนดูมองมาแล้วเราสามารถเนียนไปได้คนเขาก็จะไม่รู้ กลับกันสมมุติเราพูดผิด พูดแล้วอยู่ดีๆ สะดุด คนรู้ทันทีเลย เพราะฉะนั้นพิมคิดว่าการพูดสำคัญที่สุดก็เลยอยากฝึกให้ดียิ่งขึ้น พูดยังไงให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับเรา หรือว่าใช้น้ำเสียงยังไงให้เราบิ้วด์คนอื่นได้

คิดว่า สเวท16 ยังต้องพัฒนาส่วนใดอีกบ้าง?

“แอ๊นท์-วรินดา” : ก็เยอะนะ ก็ทุกเรื่องมันต้องดียิ่งๆ ขึ้นไป เพราะว่าถ้าวงเราหยุดพัฒนามันก็จะไม่ได้อะไรในอนาคตที่ดีขึ้น เราก็พัฒนาทุกอย่าง เรื่องร้อง เรื่องเต้น เรื่องโชว์ ชุด เอ็มวี อะไรอย่างนี้คือมันก็ต้องมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะว่าคนดูก็อยากเห็นอะไรใหม่ๆ จากพวกเราอยู่แล้วและแม้แต่ตัวเราเองเราก็อยากทำอะไรที่ใหม่และดีออกมาให้ทุกคนได้เห็นเหมือนกัน ก็น่าจะพัฒนาใสนทุกๆ ด้านที่พวกเราจะทำได้

อะไรที่ทำให้เรายังสู้ต่อไป?

“ม่านมุก-ชดาธาร” : จุดร่วมเดียวกันของทุกคนก็คือความรัก คือเกิดจากความรักที่จะทำตามความฝัน เกิดจากความรักซึ่งกันและกันภายในวง ความรักจากพี่ๆ ทีมงานที่มอบให้พวกเรามาโดยตลอด รวมถึงความรักจากแฟนคลับทุกคนด้วย ไม่ใช่แค่เขารักเรา เราเองก็รู้สึกรักเขามากและก็อยากจะทำให้เขามีความสุขมากๆ ด้วย เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ความรักของเรามันเป็นสิ่งที่โอบอุ้มให้เราอยากจะพัฒนาตัวเองต่อไป และก็อยากจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อทำให้ทุกคนมีความสุขให้ได้
ม่านมุก-ชดาธาร ด่านกุล , แอ๊นท์-วรินดา เนินเพิ่มพิสุทธิ์
เป้าหมายข้างหน้าของ สเวท16

“แอ๊นท์-วรินดา” : จริงๆ มันก็มีการวางแผนอะไรไว้หลายๆ อย่างว่าปีนี้จะปล่อยกี่เพลง ปีหน้าจะเป็นอย่างไร คือมันก็มีแพลนของมันอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็อยากให้ทุกๆ เพลงที่ออกมามันสามารถทำให้คนรู้จักเราได้เพิ่มมากขึ้น ให้มันติดหูมากขึ้น แล้วก็อาจจะมีสมาชิกเพิ่ม รึเปล่า ก็ต้องดูกัน ถ้าสมมุติว่ามันมีขึ้นมาจริงๆ เราก็รู้สึกดีใจ และก็รู้สึกว่าเราก็มีครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มันก็เป็นเรื่องที่ดีต่อวง ผลลัพท์ที่ดีแน่นอนพวกเราก็จะพยายามต่อไป

“เพชร-พรรษา” : จริงๆ แล้วเราก็อยากจะมีผลงานในวงการบันเทิงมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นในเรื่องของการแสดง ทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรี่ย์อะไรต่างๆ หรือว่าพิธีกรอะไรอย่างนี้ ก็คืออยากให้ทุกคนได้มีโอกาสให้แสดงศักยภาพออกมาได้หลายๆ ทาง

เป้าหมายสูงสุดของการอยู่ใน สเวท16

“มิ้น-ทสมา” : แน่นอนเป้าหมายสูงสุดมันก็คือการอยากที่จะทำให้ทุกๆ คนจดจำได้ว่าพวกเราเป็นใคร แต่ละคนชื่ออะไร รู้สึกว่าอยากให้วงของเราไปให้ไกลมากที่สุดแบบที่จะทำได้ มีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ สามารถมีคนมาดูเป็นล้านๆ มันก็เป็นความฝันที่คิดว่ามันต้องถึง มันไม่ใช่ความฝันที่เกินเอื้อม ถ้าเราพยายาม ก็รู้สึกว่าสักวันมันจะมีวันนั้นของเรา ถามว่าตอนนี้มันก็สูงสำหรับมิ้นแล้วนะ แต่ว่ามันยังไปได้ไกลอีก มันยังไปได้มากกว่านี้อีก มิ้นเชื่อว่าวันที่มิ้นฝันไว้ต้องมาถึงแน่นอน

“เอ๋-วาสนา” : เป้าหมายสูงสุดก็คือการที่เห็น สเวท16 ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน ก็คือสมาชิกทุกคนสามารถที่จะต่อยอดไปในวงการบันเทิง หรือธุรกิจที่จะทำต่อๆ ไปได้ เพราะว่าถ้าสมมุติว่าในภายภาคหน้าเอ๋จะอยู่หรือไม่อยู่ แต่ถ้าสมมุติว่าเห็น สเวท16 คำว่า สเวท16 ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเรา หรือรุ่นต่อไป ไปต่อได้ ถ้ามันสามารถอยู่ในใจของทุกๆ คน เป็นที่รู้จักได้ เอ๋ก็รู้สึกว่าหมดห่วง ตายตาหลับแล้ว (หัวเราะ)

“พิม” : เป้าหมายสำหรับตอนนี้คืออยากจะอยู่แบบมีความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คือการที่เราจะทำสิ่งๆ หนึ่ง มันต้องเป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข สมมุติว่าวันใดวันหนึ่งเราเกิดอยู่ตรงนี้แล้วเราไม่มีความสุข รู้สึกกดดัน ทำอะไรแล้วก็รู้สึกเฟล (fail) ดาวน์ (down) พิมก็รู้สึกมันเป็นสิ่งที่ไม่โอเค เพราะฉะนั้นเป้าหมายของพิมคือการที่ได้อยู่ตรงนี้ มีความสุขแบบวันนี้ แบบตอนนี้และก็มีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ

“ม่านมุก-ชดาธาร” : อาจจะดูเพ้อฝันไปสักหน่อยแต่คิดว่าถ้ามันเป็นไปได้จะเป็นเป้าหมายที่สูงสุดจริงๆ ก็คือการสร้างให้ สเวท16 เป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ยังมีคนพูดถึง มีคนฟังเพลงเรา เหมือนกับเพลงบางเพลงที่เรารู้สึกว่าเฮ้ยเนี่ยมันเป็นเพลงตั้งแต่สมัยรุ่นแม่เรานะแต่ตอนนี้เรายังฟังอยู่เลย มุกอยากให้เพลงของ สเวท16 เป็นแบบนั้น ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังมีเพลงของพวกเรา เป็นเสียงเรา หน้าตาเรา ยังคงอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม อยากจะให้เป็นที่จดจำในหัวใจของทุกคนตลอดไป

รวมไปถึงอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับคนรุ่นหลังๆ ด้วยว่าพวกเราต้องผ่านอะไรกันมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ และก็อนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อยากจะพยายามไปด้วยกันกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้จริงๆ

“แอ๊นท์-วรินดา” : ก็อยากจะเป็นสมาชิกที่ดี เป็นกัปตันที่มีศักยภาพก็อยากจะทำให้ทุกคนเห็น และไม่มีข้อกังขาในการที่ว่าทำไมคนนี้ถึงมาเป็นกัปตัน ก็เลยอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีแล้วก็อยากจะให้ สเวท16 ทุกคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทุกคนหวังไว้ แอ๊นท์เองก็อยากให้ สเวท16 เป็นตำนาน คืออย่างน้อยเราได้ก้าวมาในจุดๆ นี้ถ้าสมมุติเรามีความฝัน เรามีความคาดหวังว่าเราจะต้องเป้นแบบนั้นในสักวันหนึ่งเราก็ต้องทำให้ได้

“เพชร-พรรษา” : อยากทำให้ สเวท16 ซึ่งจริงๆ แล้วเหมือนกับว่าเราทุกอย่างมาจากศูนย์ เริ่มต้นจากที่เราไม่ได้มีฐานแฟนคลับมาก่อนเลย แต่เราอยากทำให้ สเวท16 อยู่แบบเป็นที่สุด ทำให้ทุกคนรู้จักมากยิ่งขึ้น แล้วก็ทำให้มีผลงานดีๆ มีทุกๆ อย่างเข้ามา อยากให้ สเวท16 เป็นตำนาน เติบโตแบบยั่งยืนอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็อยากให้มันอยู่ตลอดไป เหมือนกับเป็นโลโก้นึงที่ทุกคนเห็นก็จะนึกถึงพวกเรา รู้ว่าเฮ้ยมันคือพยายามที่เราเริ่มสร้างขึ้นมาด้วยกันจากศูนย์จนทำให้มันไปถึงจุดสูงสุดได้
เพชร-พรรษา บุณยะกลัมพ , เอ๋-วาสนา พิมพ์จันทร์



กำลังโหลดความคิดเห็น