xs
xsm
sm
md
lg

เปิดซุ้ม “โจรนี่โทส” ขนมปังชีส ฮิตติดชาร์ต!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โจรนี่โทส โจรนี่โทสขนมปังชีส
และขนมปังชีสร้านโจร

คงไม่มีใครไม่รู้โมเลกุลข้าวแปลงธาตุในรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเคลือบชีสแห่งตลาดรถไฟศรีนครินทร์ ร้านขนมปังยอดฮิตเด็กรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่กลางคนทำงาน จนเกิดเป็นกระแสแชร์และส่งต่อทั้งในโลกออนไลน์และโลกจริงให้ได้ไปลองสัมผัสและพิจารณาเสียงลือเสียงเล่าอ้าง

Manager online จึงไม่พลาดด้วยประการฉะนี้ เราเดินทางไปพบกับบุรุษมาดเข้มเครางาม “พงษ์ธร น้อมกรานต์” หรือ “พันซ์” อดีตเด็กนิเทศรามคำแหง ผู้คลั่งไคล้ในแสงสีเกมและเพื่อให้เป็นเทพออนไลน์ การค้าขายจึงเริ่มต้นและมันก็นำพาไปสู่เงินล้าน

จุดเริ่มต้นของคนอาจจะไม่เหมือนกัน ทว่าบทสรุปสุดท้ายย่อมไม่แตกต่าง
มันคือความรักและความชอบในวิถีทาง กระนั้นก็ตาม มันจะเป็นอะไรเมื่อคนคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ใจอยาก
และสำเร็จด้วย

จากลักเล็กเด็กบ้าเกม สู่เงินล้าน
ปฐมบทฉากแรกไอ้หนุ่มหน้าราม โจรนี่โทส

“มันเกิดจากการที่ผมติดเล่นเกมมากช่วงก่อนเรียนรามคำแหง ก็เลยทำให้ต้องหารายได้” คนหนุ่มวัยกลางเบื้องหน้าบอกเล่าอย่างคึกคักผสมเจือถ้อยคำความรู้สึกของใจในการได้ทำสิ่งที่รัก
 
“เกมมันต้องเติมเยอะ ไม่อยากขอเงินที่บ้านเยอะ ก็ต้องหาเงินเอง ก็ไปสะพายกระบะขายแซนด์วิชอยู่หน้าราม จากนั้นก็มาติดบีบีกันอีก (หัวเราะ) ก็ออกมาขายบีบีกัน”
 
เขาสนทนาถึงความหลังในคืนวันวัยเยาว์ที่ทำให้ต้องดิ้นรนขวนขวายเลือกเส้นทางค้าขายจนกลายเป็นอาชีพและความถนัดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“เด็กเล่นก็ไม่ค่อยรู้ความ ซื้อมาแป๊บๆ มันก็ชอบเสีย ส่งซ่อมนานเข้าไม่ไหว เสียอีก ทีนี้เลยลองซื้ออะไหล่มาซ่อมเอง บางทีซื้อมาเกินซื้อมาขาด ก็ลองโพสต์ขายในบล็อกเว็บบอร์ดบีบีกัน ปรากฏว่ามันขายได้ ก็ลองซื้อมาเพิ่มขึ้นเยอะขึ้น ก็ขายได้อีกก็มาขายจริงจัง เล่นน้อยลง จนมีกำไรเป็นกอบเป็นกำเป็นหมื่นๆ ใน 1 ปี

“ตอนนั้นออกจากบ้านเลย เพราะเกรงใจที่คนเข้าๆ ออกๆ มาดูข้าวของทั้งวัน ไปเช่าห้องพักข้างนอกก็ไม่ไกลจากบ้านอยู่เยื้องๆ หน้ารามฯ จากนั้นก็เอาเงินไปลงทุนเปิดร้านที่ตะวันนา 2 เปิดแบบครบครันวงจร อะไหล่ ขายปืนและซ่อม แต่ส่วนใหญ่จะซัปพอร์ตดูแลปืนแข่งเป็นส่วนใหญ่ กิจการรุ่งเรืองมากพอตัวเนื่องจากกระแสมันบูมมาก”

มากในความสนใจของผู้คลั่งไคล้และมากต่อการเป็นเป้าสนใจของทุกคนในเรื่องเรตราคากว่าครึ่งแสน ข้ามวันแห่งรุ่งอรุณในคืนย่างเข้าปีที่ 3 ของกิจการ ทุกสิ่งอย่างก็แทบจะเหลือเพียงความว่างเปล่า

“ร้านโดนงัด” วานิชหนุ่มเผยความรู้สึกรักและลักอันเป็นคำพ้องเสียงแต่สร้างนัยที่ต้องกล่ำกลืนสู้ต่อไป
 
“ผมรู้เลยทันทีว่าเป็นฝีมือของคนในวงการ เพราะปืนใหม่ๆ สภาพสวยๆ ที่ตั้งโชว์อยู่ครบ แต่ปืนกรังๆ รอยถลอกเต็มๆ หายไปหมด เพราะมันเป็นปืนแข่ง ไส้ในปรับปรุงให้ลุยได้ในทุกสภาพฝนดินโคลน ตอนนั้นก็เคว้งไปหมดเลย แทบจะเลิกไม่ขายแล้ว แต่บังเอิญสัญญาเช่าที่ก็ยังอยู่ อุปกรณ์อะไรต่างๆ ก็ยัง ก็ต้องจำใจขายต่อ ทีนี้บังเอิญเพื่อนรู้ข่าวก็เลยมาชักชวนให้ร่วมขายของแต่งรถเวสป้า เราขายอะไหล่ เพื่อนซ่อม ก็ทำกันเล็กๆ ปืนก็ค่อยๆ ลดลง ทำอยู่ 2 ปีกว่าๆ จนอิ่มตัวตลาดก็แยกย้าย และเราก็อยากจะกลับบ้าน เพราะออกจากบ้าน 3-4 ปี ตั้งแต่อายุ 22-23

“แต่กลับมาบ้านเราจะทำอะไรล่ะ” คำถามโลกแตกที่ดังออกมาจากสมองของการเริ่มต้นใหม่อะไรสักหนึ่งอย่าง
 
“เกมก็ยังเล่น บีบีก็ยังชอบ ยังมีสะสม มันก็ต้องใช้เงิน (หัวเราะ) ในระหว่างที่คิดหาเงินจะทำอะไรที่ทำที่บ้านได้ ลูกค้าเข้ามาหาเราเอง ก็เหลือบไปเห็นน้องพูเดิล 7-8 ตัวที่บ้าน ตัดขนหมาท่าจะเวิร์ก เพราะเราพาไปตัดทีตัวตั้งหลายตังค์หลักพัน ก็เอาเลยไปดูหาที่เรียน ได้ที่เรียนแถวรามอินทราที่มีใบรับรองการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ นั่งนับเงินทุนที่เหลือเอาไปเรียน

“ทีแรกนึกว่าง่ายๆ แต่แค่ตอนเรียนก็เหนื่อยมากแล้ว คือสมมติมี 38-40 คน เรียนไปกลางคอร์สเหลือไม่ถึง 20 ส่วนใหญ่จะถอยหมดเพราะโดนหมากัดบ้าง โดนงับกระชากบ้าง ก็ถอยกันไป ผมไปเรียนก็ถอย แต่มันกลางคอร์ส อีกไม่กี่เดือนก็จบ ก็จำใจต้องสู้ต่อกลับไปเรียนจนจบ จบก็มีหมอไปซื้อตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จากที่ตั้งใจจะเปิดร้านเลยมันคันมือ แต่เราก็คิดว่าลองไปหาประสบการณ์สักปีสองปีก่อนน่าจะดีมีสกิลเรื่องการทำธุรกิจจากของเขาด้วยว่าร้านคนอื่นทำกันอย่างไร เป็นอย่างไร ซึ่งก็จริงอย่างที่คิดได้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากที่เรียนลิบลับ เรียนอีกอย่าง ทำจริงอีกอย่าง
 
“2 ปี เก็บเงินได้เกือบ 2 แสน กลับมาเปิดร้านแถวบ้าน เช่าตึกแถวรามฯ เนื่องจากบ้านเราอยู่ในซอยลึก จะเปิดก็กลัวจะไม่มีคนรู้ ก็ต้องให้คนติดคนรู้จักก่อน ก็ประสบความสำเร็จดีเลย 1-2 ปี จากนั้นก็กลับไปเปิดบ้านถัดห่างกัน 5 ซอย ไปทำที่บ้านก่อสร้างร้าน ก็เวิร์ก ลูกค้าก็เทกลับมาหาเราจริงๆ เพราะร้านมันน้อยและถึงจะมีร้านช่างก็ยังขาดแคลน แต่เรามาเรามีช่าง ไม่ใช้ช่างไม่เข้า เอาหมาไปไม่มีช่าง แต่เรามีตลอด”
 
ชีวิตที่โลดโผนโจนทะยานผ่านวันวัยก้าวเป็นหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็เดินเข้ามาทักทาย และจุดเปลี่ยนนั้นๆ ก็มักรอเราอยู่ที่ใดที่หนึ่งเสมอ สำหรับพ่อค้าหนุ่มสายนิเทศ จุดนั้นก็มาถึงเขาในช่วงที่หยุดพักจากการเป็นชิปปิ้งนำเข้าส่งออกสินค้าพรีออเดอร์รายได้เสริมที่ทำควบคู่กับการเปิดร้านตัดขนสุนัข
 
“พอขนหมาเราคุมอยู่เวลามันก็มีเหลือ ก็ไปจับธุรกิจนำเข้าส่งออกสินค้าจิปาถะเรื่อยเปื่อย เงินมันก็ดีในช่วงแรกๆ แต่หลังๆ ด้วยเศรษฐกิจด้วยกฎหมายมันมีหลายๆ อย่างให้สินค้าบางตัวของเราทำการค้าไม่ได้ ถ้าทำก็ต้องจ่ายเยอะ (ยิ้ม) แต่เราก็ดันๆ มันก็เข้าเนื้อ ก็ต้องไปดึงเงินจากสินค้าตัวอื่นสุดท้ายก็ไปไม่รอด

“แต่ก็ไอ้ตรงแหละที่ทำให้เรามีวันนี้ ไปได้ที่ขายในตลาดรถไฟศรีนครินทร์”
 
พ่อค้าหนุ่มหัวเราะเบาๆ เพราะอย่างว่าคนมันจะเกิดต่อให้ฟ้ามาปิดมันก็ต้องเกิดจากธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ของคนธรรมดาตัวจ้อยร่อยค่อยๆ งัดแงะเก็บประสบการณ์กระทั่งได้พบกับเป้าหมายเหยื่อผู้บริโภคนิยมชมชอบรับประทาน
 
“ด้วยงานชิปปิ้งที่ต้องหาสินค้าทำให้เราชอบไปเดินตลาด ยิ่งตลาดนัดจตุจักร ตลาดรถไฟเก่า หรือตลาดรถไฟใหม่ที่ศรีนครินทร์ เพราะมันมีความหลากหลาย โดยเฉพาะอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นๆ เลยคือที่ขายอย่างกับทอง บังเอิญวันนั้นที่ไปเดินมันมีล็อกหลุดเยอะสุดในตอนนั้น 5 ล็อกได้ จากปกติ 1-2 ล็อก ซึ่งคนมารอบจับ 500 มีหลุด 4-5 ล็อก น้องสาวเขาก็เลยบอกว่าลองเล่นกันไหม ต่อแถว 2 ชั่วโมงเองสนุกๆ พอได้บัตรคิวเตรียมจับฉลาก ก็ไม่ได้หวัง แต่ดันได้ ผมได้
 
“กลายเป็น 1 ใน 500 คน แต่มีปัญหาคือเราจะขายอะไร ยังไม่ได้คิดมะเขือเผาอะไรเลยดีกว่า เราไม่ติดว่าเราจะได้ คนอื่นเขาคิดมาก่อน เราก็ต้องไปจ่ายเงินค่าเช่ารายอาทิตย์ ระหว่างนั้นคิดอยู่ว่าเอาดีไม่เอาดี สรุปก็เอาไว้ก่อนดีกว่าค่าเช่าไม่แพงมาก 200 ต่อวัน ก็กลับมาบ้านตัดขนหมาไปคิดไปจะขายอะไร ก็มาคิดว่าราจะขายอะไรวะ นั่งคิดๆ ไปมาเราทำคอหมูย่างเป็น เพราะแม่ชอบทำให้กิน ก็รู้ว่าทำอย่างไร เราก็เอาคอหมูย่างมาขาย เอาเตาปิ้งถ่านจากที่บ้านไปขาย ได้ 2 อาทิตย์เจ๊ง พังยับเลย เงินทุนประมาณ 3-4 พัน ซื้อเตา ซื้ออุปกรณ์ เต็นท์ก็ราคาปาไป 2 พันบาทแล้ว โต๊ะอีก ขายได้วันละ 300-400
 
“และเราจะขายอะไรต่อดี หรือปล่อยล็อกคืนดี น้องเขาก็มาถามอีกว่าเราทำอะไรเป็นอีกบ้าง ก็ทำขนมปังเป็น ตระกูลขนมปัง เพราะเราชอบกิน ทำชีสเป็นเพราะเรารู้เรื่องชีส จากแม่อยู่ต่างประเทศชอบซื้อกลับมา ทำให้เรารู้เรื่องชีสเยอะ รู้ว่าทำจากอะไร หมักกี่เดือน ใช่ราอะไร รู้แบบนี้เลย ก็ลองขนมปังชีส”

ขนมปังโทสต์และโอกาสที่ต้องฉกฉวย
วันวานแสนทรมานเป็นประสบการณ์สร้างยอดคน

• เป็นอย่างไรบ้างกับกิจการขนมปังชีสครั้งแรก
เป็นร้านขนมปังเย็นธรรมดาเหมือนร้านทั่วไป แต่เรามีชีส จริงๆ ก็เคยมีมาก่อนแล้วแต่เขาแค่ทำในเมนูอื่นร่วมเฉยๆ และไม่ได้ใส่ชีสเยอะๆ แบบเรา เราคือเป็นเมนูชื่อนี้เลย คัดสรรชีสที่เหมาะที่เราคิดว่าอร่อยทำเสิร์ฟให้อย่างลงตัว กะว่าจะเป็นแกนหลักของร้าน แต่ตอนแรกชีสขายได้น้อยมาก ตัวอื่นขายดีกว่าเยอะ ทั้งปังโทสต์ ปังเย็น น้ำ ขายดี หลังๆ มองว่ามันเกิดจากอะไร ทำไมมันขายไม่ได้ ก็มองว่าหรือว่าคนขาไม่รู้มันคืออะไร เรามีแต่รูป ของจริงเราไม่ได้มีตั้งเหมือนตอนหน้าร้านปัจจุบันนี้ เนื่องจากว่าล็อกมันเล็ก 2 คูณ 3 ก็ไม่มีที่ตั้งโชว์ แค่ 3 คนยืนก็แน่นร้านแล้ว ก็ต้องเอารูปมาโชว์ แต่คนก็ไม่เข้าใจ ถึงจะเขียนชื่อประกอบด้วย

• คือหน้าตาก็แบบเดียวกับปัจจุบันนี้
ใช่…ทีนี้ก็เลยให้เพื่อนที่แวะมาทานเป็นลูกค้าสั่งหน่อย (ยิ้ม) พอมันออกไป โต๊ะข้างๆ เห็น คนก็สั่งตาม อีกโต๊ะก็อะไรวะ ก็สั่งตาม คือนอกจากได้เห็นหน้าตามัน กลิ่นที่โชยออกก็ช่วยกระตุ้น ที่สำคัญคือไอ้ตอนที่เราทำ เราใช้ไฟพ่น ก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นจุดดึงดูดเราพ่นเพราะว่าถ้าอบเราใช้เวลา 10 นาที แต่เราอบให้ชีสนิ่มและพ่นไฟมันจะไวกว่า 3-4 นาที ก็ได้แล้วนั้นคือเหตุผลที่พ่นไฟมันลัดขั้นตอน และไอ้ประกาบที่วูบวาบๆ ผลพลอยได้มีอะไรโชว์ให้คนทานดู มันมีแสง ก็พ่นไฟตลอดเวลาเลย คนเริ่มมุง เห็นแต่ไกล อะไรวะๆ ก็เดินมาดู ไม่เคยกินไม่เคยรู้จักเราด้วย แต่ก็เกิดการอยากลอง

• เป็นโจรนี่โทสเลยหรือหลังจากนั้น
ยังๆ เป็นแค่โจรโทส นี่หรือหนี้ตามทีหลัง คือพอทำไปเปิดแรกๆ ไอ้คำว่าโทสมาก่อนเพราะแปลว่าขนมปัง ส่วนโจรมาจากการที่ก่อนหน้าที่จะเปิดร้านอุปกรณ์เดิมจากการเจ๊งของคอหมูย่างเรามีโต๊ะ มีเตา มีอะไร แต่เรายังไม่มีเก้าอี้ ไม่มีบาร์หน้าร้าน ระหว่างที่เราตัดขนหมาและไปส่งน้องหมา แถวบ้านจะมีบริษัทอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ไม้พาเลตรองซ้อนมาส่งเป็นประจำอยู่แล้ว บังเอิญว่าวันนั้นมีมาลงของส่ง 5-6 ลังไม้ได้ วางกองอยู่ข้างๆ บริษัทเขา เราก็เล็งๆ มองไปมองมาหลายรอบคิดว่าจะทำอย่างไรกับไอ้ไม้นี้ให้มันกลายเป็นเก้าอี้กับบาร์เคาน์เตอร์ จนรอบสุดท้ายช่วงที่มาตลาดเตรียมโน่นนี่นั่นเพื่อจะขายขนมปังอีกวันสองวัน กลับมาตี 1 ถ้ามันอยู่นะโดน ปรากฏว่ามันอยู่ครบ เสร็จโจรเลย (หัวเราะ) ก็หิ้วแบกกลับบ้าน จากนั้นก็มางัดแงะมาทำเป็นเก้าอี้ และเคาน์เตอร์ ไม่เคยทำก็งง เปิดดูในยูทูปและมั่วๆ ตั้วๆ เอา มันก็โยกเยกๆ แต่ใช้ได้ ไม่แข็งแรงมากอาศัยลูบหน้าปะจมูกไปก่อนในตอนนั้น

• และคำว่านี่ที่พ้องเสียงหนี้ตรงกลางของชื่อร้านล่ะไปมาอย่างไร
ตอนที่ขายไปกลางๆ คือชีสมันขายได้มันก็ดีขึ้น ในเดือนที่สองที่สามจากวันแรกๆ ได้วันละ 500 เป็นวันละ 3,000-4,000 เราก็เปลี่ยนเป็นเตาอบ ไม่ใช้เตาถ่านที่ปิ้งคอหมูย่างที่ดัดแปลงแล้ว มันควบคุมไฟยากและขนาดเล็ก อบได้ที 4 แผ่น ก็ต้องเอากำไรและหยิบยืมมาซื้อเตาอบใหม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของชื่อกลางของร้านที่ใช้คำพ้องเสียงว่า ‘หนี้’ นั่นคือหนี้แรก

หนี้ที่ 2 ต่อมาคือเราก็พัฒนาร้านไปเรื่อยๆ ก็มีปัญหาในเรื่องที่เราเล็กเกินไป รองรับลูกค้าไม่ทัน คนต่อแถวยาวเป็นหางว่าว บางคนรอนานรอไม่ไหว ก็ขยับขยายร้านไปได้ร้านฝั่งตรงข้ามพื้นที่ใหญ่ขึ้น 3-4 เท่า ยาว 9 เมตร กว้าง 3 เมตร แต่ราคาเช่าก็เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว เราก็ต้องแบก ทีนี้พอร้านใหญ่ขึ้นอุปกรณ์อะไรต่างๆ ก็ต้องเพิ่ม อุปกรณ์เตาอบเป็น 3 ตัว เครื่องปั่น 4 ตัว เครื่องแช่ตัวเท่ารถที่ต้องเตรียมของที่ทำแล้วแช่ที่บ้านก็ต้องซื้อขยาย

นี้ยังไม่นับรวมพอเราทำไปได้สักพักเราขยับขยายร้านไปเปิดเป็นพื้นที่ของเราเลย เช่าตรงหน้าตลาดรถไฟศรีนครินทร์ ทำสร้างเป็นโครงเหล็กหมดเงินไปเกือบ 300,000 บาท แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเจ๊งอีก เพราะว่าฝนตกลูกค้าเข้าร้านไม่ได้เลย จะติดหลังคาลูกค้าก็จะหมดฟีลอารมณ์ในการนั่งกินมองฟ้ามองอากาศ ก็ต้องเปลี่ยนที่ขาย

• ปัจจุบันตอนนี้ที่ขายรองรับลูกค้าร้านโจรนี่โทสได้ที่ไหน
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงดีลพื้นที่ว่าจะขึ้นขายบนห้างสรรพสินค้า ลูกค้าก็สามารถมาเจอะเจอเราได้ที่ตามงานอีเวนต์ของห้างเซ็นทรัลทุกสาขา เราจะไปออกบูทขายสาขาละ 10 วัน พัก 2 วัน ในทุกๆ สาขาในตอนนี้ ส่วนเรื่องร้านหลักจะตั้งก็สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเพจเฟซบุ๊กในเร็วๆ นี้

• ทราบมาว่ามีร้านที่พัทยาด้วย
อันนั้นเป็นร้านแฟรนไชส์ คือตอนแรกไม่ได้เปิดขายร้านแฟรนไชส์ เพราะเรายังไม่พร้อม ขายเขา เราต้องดูแล เราดูแลตัวเองยังไม่ค่อยจะรอดเลย เราต้องดูแลเขา เรายังผลิตไม่พอในสัดส่วนของตัวเองเลย ถ้าเราไปทำมันก็พัง ตอนนี้ร้านที่แรกก็ที่สีลม แต่ตอนนี้เขาติดเรื่องปัญหาที่ เลยชะลอและหาที่ในการโยกย้าย เจเจโดนปิดอีก ก็หยุดก่อน รอทำเล ที่ที่ 2 พัทยาเสร็จแล้ว และคนเข้าตลอด ตี 5 ยังมีคนกิน


• กับดักธุรกิจของร้านค้ารายย่อยส่วนใหญ่พบเจอ
ลูกค้าเยอะผลิตไม่ทัน ลูกค้าไม่เข้า และผลิตได้เยอะ ตอบโจทย์ลูกค้าทัน ลูกค้าเขาแต่เราควบคุมคุณภาพความอร่อยของเราไม่ได้ ก็พัง เราถึงยังไม่ขายร้านแฟรนไชส์ จนพอเข้าปีที่ 5 อุปกรณ์ร้านเต็มวงจร ยอดขายจะเพิ่มจาก 16,000 บาท ขยับเป็น 20,000 บาท และสูงสุดที่ 40,000 บาทต่อวัน เราก็เริ่มเงินเก็บพอสมควร เราก็ไปผลิตเนย แยมเอง ไม่ซื้อมาใช้เพราะไม่ชอบ และเราต้องรู้ธุรกิจเองหมดถึงจะทำรอด ก็ไปมั่วๆ หาหนังสืออาหารมาอ่าน ดูคลิปที่สอนทำโน่นนี่นั่นในอินเทอร์เน็ตมาลองผิดลองถูก ใช้วิธีทำซ้ำ

คือมันมีหลายปัญหาจริงๆ แล้ว มีเรื่องของครัวอีก ตอนแรกไม่เข้าใจเรื่องนี้ เครื่องปั่นไว้ตรงนั้น เตาอบไว้ตรงนี้ มันก็เดินชนกันหมด เราก็ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เราก็จัดใหม่ ทุกเดือน จนหาจุดลงตัวเจอ ลายทำชีสเขาต้องการเตาอบ กับวัตถุดิบ เขาก็ต้องอยู่ใกล้ตู้เย็น งานปั่นเขาต้องอยู่ใกล้ถังน้ำแข็ง งานขนมปังโทสต์ต้องการผลไม้กับเนย ก็อยู่ใกล้ๆ ตู้แช่ และก็เรื่องปลั๊กไฟ ไฟช็อตปลั๊กพังอีก ของร้านเราเป็นน้ำ ปลั๊กก็ต้องสูงกว่า ไม่ให้น้ำกระเด็นโดน เราก็ต้องเปลี่ยนกันทุกเดือน

มันคือกับดักที่ผู้ประกอบการรายย่อยต้องคำนึงอย่างที่กล่าวไป เรื่องพื้นที่ ฤดูฝน คือทำอย่างไรให้ผลิตทัน คุณภาพเท่าเดิม หรือแก้แล้ว หาไม่ได้ ได้เท่านี้ก็ต้องเท่านี้และกระจายในส่วนของยูนิตอื่นๆ ไป ยกตัวอย่างเรื่องชีส ทำวันหนึ่งเท่านี้ มากกว่านี้ไม่ไหว ด้วยอุปกรณ์ด้วยอะไรด้วย เตาก็แย่ หากฝืนของก็ไม่ได้คุณภาพ เราต้องมองหมด มันไม่ได้ล้มเรื่องขายไม่ได้ มันมาล้มเรื่องเหล่านี้ เราก็โดนว่าคับแคบนั่งหลังชนกัน เบียดไป เอาแต่กำไร แต่เราหาที่ไม่ได้ ยอมจ่ายค่าเช่า แต่ไม่มีที่ ก็เอาโต๊ะออก แถวก็ยาวอีก คนรอนาน ทำไมไม่เพิ่มโต๊ะ

• จุดสมดุลของเราแก้ไขอย่างไร
จุดสมดุลผมก็เอาโต๊ะมาใส่แบบเดิม ให้ไม่ต้องรอนาน เพราะเราขายของรับประทาน ไม่ต้องรอนาน ทุกคนได้สัมผัสมัน เบียดดันหน่อยก็ดูเขา เบียดไปก็ขยับนั่นนิดนี่หน่อย เขาไปพูดคุยทักทาย เพิ่มน้ำแข็ง แถมน้ำ ให้เขาคลายความรู้สึกไม่ดี ที่เหนื่อย ให้เขาเป็นมิตร เป็นมิตรแบบบ้าน อยู่ในบ้านแคบๆ แต่อบอุ่นก็มีความสุขแบบเดียวกัน

เรื่องลูกน้องก็เป็นอีกปัญหาที่เราพบเจอ พนักงานมีเข้าออก และของเราไม่ใช่ของที่ทำเสร็จแล้วเสิร์ฟได้เลย มันมีตกแต่งมีการโชว์ มันมีการสอน ก็แก้ไม่ได้ ก็ต้องสอนใหม่ พอจะเป็นออก มาใหม่เราก็ต้องไปประกบข้างช่วยทำ ไปหาข้อมูลก็มีเยอะแต่ได้คำตอบว่าไม่มีใครแก้ได้ เมื่อมันแก้ไม่ได้เราก็ใช้วิธีการซื้อใจ ใจแลกใจ นอกเวลาเล่นกันเป็นเพื่อน ตบหัวไม่เกรงใจเคราเลย สำหรับผมก็เป็นทั้งเจ้านายและเป็นทั้งเพื่อน

เป็นแต่เจ้านายอย่างเดียวอยู่ไม่นานเดี๋ยวก็ไป ก็เป็นเพื่อนด้วย ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวด้วยกัน ถึงเวลางานทำให้เราเต็มที่เหมือนเขาสบายใจที่ทำให้เรา กินอิ่มนอนหลับ อยู่สบายเขาจะมีพลังในการทำงานให้เรา แล้วเราก็จะสบายใจกับการทำงานของเขา เขาอยู่ได้เราก็อยู่ได้ ลูกค้าเช่นกัน เราซื่อสัตย์ แม้ว่าเขาเราจะไม่ได้เกรดพรีเมียม ซึ่งเราทำเกรดระดับนั้นได้ใช้วัตถุดิบระดับนั้นได้ แต่ราคาก็ต้องขยับ เราก็ทำกันเอง เนย แยม เพื่อให้ได้คุณภาพและรสชาติที่อร่อยที่สุด ผลมันก็ออกมาเป็นรายได้ที่คำนวณเล่นๆ ก็เดือนละแสน ยอดขายต่อเดือน ตกปีหนึ่งก็ 1 ล้านบาท

บทส่งท้ายชีวิตเป็ด
อาจซักเซสไม่หนึ่งก็ถึงสองล่ะวะ

“ผมโดนว่าเหมือนเป็ด ทำมาหลายอย่างและทำหลายๆ อย่างมาพร้อมๆ กัน”

วานิชหนุ่มว่าพลางให้ย้อนคิดว่ามันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

“เพื่อนๆ ชอบว่ามึงเหมือนเป็ด ว่ายน้ำก็ไม่ไป บินก็ไม่สูง ผมก็มานั่งคิดเราก็เหมือนเป็ดจริงๆ แต่คนเป็นเป็ดเยอะแต่เขาไม่รู้ตัว คนเป็นนักธุรกิจหลายๆ คนที่เขาประสบความสำเร็จหรือกำลังจะประสบความสำเร็จ เขาก็เป็นเป็ด เพราะเขาไม่ได้ทำของสิ่งเดียวแล้วเขาประสบความสำเร็จ เขาอาจจะทำมาหลายอย่างแล้วก็ได้ คือทดลองมาหลายอย่างจนมาเจออันนี้ อันที่เราดันไปได้อีก ลองดันไปอีก พอดันจะสำเร็จเขาก็จะไปหาอย่างอื่นทำเพิ่มแล้ว ก็เป็นเป็ดอยู่ดี

“แต่จะเป็นเป็ดอย่างไรให้สวยเหมือนหงส์แข็งแรงเหมือนห่าน” อันนี้น่าคิดต่อและต้องไปให้ถึงถ้าจะประสบความสำเร็จ
“เราต้องรู้ให้จริง ทำให้ได้ อย่างเช่นขนมปังเราต้องรู้ว่าขนมปังนี้ผลิตอย่างไร ในเมื่อเราไม่ได้ผลิตเอง แต่เราต้องรู้ว่าขนมปังนี้ใส่แป้งเท่าไหร่ น้ำเท่าไหร่ นมเท่าไหร่ เรารู้เราอาจจะไม่ต้องผลิต พอเราสั่งจากบริษัทเนื้อมันแปลกไม่ได้น้ำน้อยเราก็จะได้แก้บอกเขาถูก เราทุกวันนี้เราก็สั่งผลิตขนมปังสูตรแช่ฟรีซออกมาละลายไม่เละ เพราะเรารู้

“หาความรู้และต้องรู้ให้ลึกรู้ให้จริง ที่สำคัญคิดแล้วต้องลงมือทำ ลองทำดูก่อน ถ้าทำแล้วงงก็ลองหาความรู้เพิ่มเติม ผมอ่านหนังสือเยอะมาก ดูคลิปบ้าง โชคดีสมัยนี้มียูทูป ไวขึ้น ศึกษาจากตรงนั้น อาศัยพักผ่อนน้อยหน่อยแต่ทำให้เราได้ความรู้ นอน 3-4 ชั่วโมง บางวัน 2 ชั่วโมง ก็ต้องยอม”

เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ อย่างที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน กล่าวไว้ว่า “ผมไม่เคยล้มเหลว ผมแค่ค้นพบ 1,000 วิธีที่ใช้การไม่ได้เท่านั้น”

“อยากลองทำทำเลย อย่ามัวแต่คิด ถ้าคิดมันจะไม่ได้ทำ ยิ่งคิดเยอะมากๆ มันจะเริ่มเห็นข้อเสียเยอะ แล้วเราไม่อยากทำ คิดพอประมาณแล้วลองเริ่มตนทำหน่อยหนึ่งดูก่อน ที่เหลือให้ประสบการณ์มันสอนว่าเราจะไปมันต่อหรือเปล่า จนเรารู้จุด ไอ้จุดคำว่าที่ว่ารู้ ก็คือเราเริ่มจากเล็กๆ เงินน้อยมันทำให้เรามีปัญหาเยอะ ไอ้นั้นก็ไม่พอๆ มันก็ทำให้เราฝึกการแก้ปัญหา หาวิธีทำ มันทำให้เรามีสกิลแก้ได้หมดทุกเรื่อง

“มันต้องยืดหยุ่นชีวิต ถ้าเราอันนี้ไม่ได้เราก็พักไว้ก่อนไม่เลิก และเราไปดูสิ่งอื่น ที่มันน่าจะใกล้เคียง พอเราทำได้เราก็ไปทำอย่างอื่นดูก่อน พอไปทางนั้นไม่ได้ก็เปลี่ยน เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนมันหาทางเจอ มันจะมีเซนส์ตัวเอง ทำในสิ่งที่เราอยากทำ รักมันชอบมันก็ทำอย่างนั้น อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ได้แค่บางอย่าง แต่ถ้ามันแมตช์มันก็พาเราไปไกล

“ถ้าไปได้ลองไปดูก่อน ไปได้มันขัดกับตัวเราก็หยุดก่อน หยุดคิดหาข้อมูลและค่อยไปต่อ”





เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : โจรนี่โทส



กำลังโหลดความคิดเห็น