xs
xsm
sm
md
lg

ไทม์แมทชีนสู่ความสุข ณ วันวาน “เด็กบ้านสวน” เรื่องราวงามๆ ในความทรงจำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เห็นแล้วยิ้มจนอดกลั้นน้ำตาแห่งความสุข
เจอะแล้วนิ่งหลับตาปีติไปด้วยความรักหนหลัง
และอีกหลายต่อหลายความรู้สึกที่ส่งต่อถูกใจพร้อมแชร์เรื่องราวของ“เด็กบ้านสวน” เพจเฟซบุ๊กสังคมออนไลน์ที่คอยสร้างสรรค์ความสุขทางใจของโลกยุคโซเชียลมีเดีย ให้หวนคืนต้นกำเนิดและถิ่นฐานที่ฟูมฟักเราให้เติบโต ที่สำคัญยังเป็นดั่งประวัติศาสตร์การเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่เจเนอเรชัน Z สามารถนำมาปรับใช้ และเข้าใจการก่อเกิดสยามประเทศ

Manager Online จึงไม่รอช้าที่จะหยิบนำเรื่องราวอดีตเด็กท้องร่อง เวิ้งปากแม่น้ำพิบูลสงคราม จังหวัดนนทบุรี เติบโตผ่านคืนวันกลายเป็นเด็กศิลปะผู้สื่อสารข่าวยักษ์ใหญ่ ที่แม้ไม่เปิดขอเผยตัวตนชื่อเสียงเรียงนาม ตลอดจนรูปให้ชักภาพ แต่แค่เพียงเรื่องราวของคนคนหนึ่งสามารถเติบต่อให้เกิดสุขบนพื้นที่ของทุกๆ คน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณค่าบนหน้ากระดาษถัดต่อไปจากนี้

• จุดเริ่มต้นวันวาน...
 
จุดเริ่มต้นของเพจ “เด็กบ้านสวน” จริงๆ แล้วคือเรานึกถึงความสุขในสมัยก่อน สมัยที่อยู่ในสวนแถวเวิ้งปากน้ำพิบูลสงคราม มันเป็นอะไรที่มีความสุขดี ได้อยู่กับพ่อกับแม่ สมัยก่อนมันก็ไม่ได้มีเครื่องมือบันทึกภาพ ไม่ได้มีอะไรต่อมิอะไร ใช้ความทรงจำของเราอย่างเดียวนี่แหละ เราก็เลยอยากเอาความทรงจำของที่เราถูกบันทึกไว้ช่วงที่เรามีความสุขที่สุดเอาไว้ เนื่องจากว่าสักวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่แก่ลงทุกทีๆ เราก็อยากบันทึกเรื่องราวความสุขที่เราได้อยู่ด้วยกัน อันนี้เป็นจุดเริ่มต้น
 
• ถวิลหาอดีตเพื่อตอบสนองความสุขของตัวเรา
 
ใช่…แล้วก็พูดคุยเรื่องราวของเราไว้กันตัวเองลืม กันพี่ป้าน้าอาน้องๆ ในเครือญาติลืมเรา ก็เลยทำเป็นเพจและแชร์ให้กับพวกเขารู้ว่าสมัยก่อนยังจำกันได้ไหมเอ่ย เราเพิ่งต่อไม้เป็นที่พักที่อะไรอยู่กันในสวน เพราะคนจังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ปากแม่น้ำ ดินจะอุดมสมบูรณ์ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาพัดพาอินทรียสารเข้ามา และวิธีการทำสวนเมืองนนท์ก็ทำเป็นท้องร่อง จากคลองใหญ่ๆ ขุดเข้าไป มีคลองเล็กๆ แตกแยกเป็นลำประโดงให้ไหลไปตามสวนตามท้องร่องแต่ละบ้าน

มันอยู่แล้วมันไม่รู้สึกอดตาย ต่อให้ไม่มีเงินก็ไม่อด ชีวิตเงินทองแทบไม่ต้องใช้ เงินเดือนก็ใช้ซื้อของแห้งเล็กๆ น้อยๆ พวกข้าวสาร ที่เหลือทุกอย่างในสวนมีหมด ผัก ปลา ผลไม้ บางวันที่บ้านไหนใครทำแกงทำอะไรก็เอามาแบ่งปันกัน คนละชามสองชาม เป็นไปในแบบที่เอื้ออาทรกันในชุมชน คนในชุมชนแทบทุกคนรู้จักกันทุกบ้านว่าลูกเต้าเหล่าใคร จะแตกต่างจากปัจจุบันที่บ้านใครบ้านมัน นั่นเป็นความอบอุ่น สงบ เรียบง่าย... ทีนี้สักพักฟีดแบ็กกลับสะเทือนไปถึงคนภายนอกด้วยทั้งที่มีประสบการณ์ชีวิตแบบเดียวกัน และคนละแบบ

• แม้ว่าตรงข้ามกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ง่ายๆ คืออ่านกันน้อย แต่ข้อความของเราที่เขียนสื่อสารเล่าเรื่องค่อนข้างยาว
 
คือในเชิงหลักจิตวิทยา คนเรามักจะรู้สึกดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวดีๆ ในอดีต มันก็มีลักษณะอย่างนั้น ใครๆ ก็เป็น ก็เลยมีคนเข้ามาแชร์มาพูดคุยและติดตามสื่อสารกันแต่ในสิ่งที่ดีๆ ไม่มีอะไรด้านลบ มันก็อบอุ่นดี ก็สมกับความตั้งใจที่เราตั้งใจจะนำสารแห่งความสุข สุขจากตัวเราอันดับแรกที่ได้นึกย้อนวันวานในครอบครัว ก็โชคดีก็ขอขอบคุณผู้อ่าน ตอนนี้ก็เปิดมาประมาณ 1 ปีครึ่ง มีสมาชิกแฟนเพจราวๆ 4 หมื่นกว่า ทั้งผู้ใหญ่วัยกลางคน ผู้ใหญ่ปลาย ผู้สูงอายุ และก็เด็กๆ แพชชันของเราก็เป็นอย่างนั้น
 
 
• แพชชันเรื่องที่วาดจึงเป็นเรื่องของคนรอบตัว ทรรศนะ ความเชื่อ ความเป็นอยู่

คือเราถ่ายทอดความสุขของเราจากความทรงจำ อยู่ที่ว่าเรานึกเรื่องอะไรได้ก็เอามาเขียน จริงๆ มันก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว และตัวเราก็เหมือนคนเมืองไปแล้ว เข้าเมืองมาทำงานตอนเช้า-เย็นกลับบ้าน เรานึกอะไรได้ที่เราประทับใจเราก็เขียนออกมา เขียนออกไป เรื่องไหนที่คนมีประสบการณ์คล้ายๆ กันผ่านมาเหมือนกัน เขาก็จะอินไปกับเราด้วยอย่างที่บอกกล่าวไป ยกตัวอย่างเรื่องเปิดเรียนช่วงเดือนพฤษภาคม แบบนั้นเลย ช่วงเดือนพฤษภาคมเรามาทำงาน เราจะเห็นพ่อแม่ไปส่งเด็กๆ ไปโรงเรียน เราก็นึกถึงเราตอนนั้น เราก็เขียนออกมา คือยิ่งเป็นเรื่องที่เราลืมไปแล้วและจู่ๆ มีอะไรมาสะกิดให้เราคิดถึงก็จะรีบเขียนมาก่อนเลยเพราะกลัวที่จะลืม กันลืม

“ในช่วงหน้าฝนที่ต้องไปโรงเรียน ยามที่เม็ดฝนยังปรอยๆ ชวนให้เป็นหวัดอยู่ เราก็ยังต้องยักแย่ยักยันเดินไปตามถนนเปียกแฉะ มีมือของแม่คอยจูงไม่ให้ลื่นล้ม จนเสื้อกางเกงนักเรียนเปรอะเปื้อน ขณะเดียวกันก็ใช้ถุงหุ้มรองเท้ากันเลอะโคลนอย่างแน่นหนาทีเดียว
 
สมัยนั้นถนนหนทางยังไม่ใช่ถนนคอนกรีตอย่างทุกวันนี้ ถนนใหญ่ก็เป็นถนนลาดยาง ส่วนถนนเข้าตรอกซอกซอยก็มักจะเป็นทางลูกรัง กรวด หรือถนนดินที่ปูแผ่นไม้ หรือแผ่นปูนใช้เดินกัน อีกทั้งสองฟากข้างทางไม่ใช่มีแต่รั้วปูนหรืออาคารตึกติดกันเป็นพรืดอย่างทุกวันนี้ แต่เป็นที่เปิดโล่งไปสู่ลำคลองบ้าง เรือกสวนของคนอื่นบ้าง ดังนั้น ระหว่างที่เราเดินไปโรงเรียน เราจึงมักมีเพื่อนร่วมทางวิ่งผ่านไปผ่านมาให้เห็นกันอยู่ตลอด เพื่อนเหล่านั้นก็คือสัตว์ตัวน้อยๆ อาศัยอยู่ในสวน ในดงไม้ตามธรรมชาติของเขานั่นแหละฮะ
 
เดี๋ยวมีฝูงนกกวักวิ่งผ่านหน้า ร้องกันลั่น ก๊วก...ก๊วก...ก๊วก มีเต่านาโผล่ออกมาต้วมเตี้ยมจากพงหญ้า อันนี้เจอทีไรชอบจับไปปล่อยวัด เพราะกลัวบางบ้านมาเห็นแล้วจับไปกิน เคยเห็นเขาทำเต่าน่าสงสารมากๆ แต่ไม่ขอเล่านะฮะมันโหดร้ายไปหน่อย
 
มีปูนาเดินเป๋ไปมาให้เราจับเล่นแล้วก็ไปปล่อยลงคลอง แม้แต่ปาด หรือเขียดใบบัว ก็ออกมาแสดงตัวให้เห็น ล่อทั้งสายตาคน และสายตางูเขียวพระอินทร์ หรือเหล่างูเขียวปากจิ้งจก ตามลำคลองก็มีกบมาลอยคอเล่นเม็ดฝนให้เห็นอยู่ประจำ ถ้าจะเขียนให้หมดภาพนี้คงเต็มไปด้วยสัตว์ตัวน้อยจนกลายเป็นสวนสัตว์ย่อมๆ เลยต้องเอามาใส่ให้พอดีๆ เพื่อความเหมาะสมขององค์ประกอบภาพนะฮะ ขอโทษเหล่าสัตว์อื่นๆ ที่ไม่ได้เขียนถึงด้วย
 
ด้วยรู้สึกว่าชีวิตเราเมื่อก่อนใกล้ชิดธรรมชาติกันเหลือเกิน ใกล้ชิดจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเลยทีเดียว ต่างจากปัจจุบันที่เรากลับใกล้ชิดเทคโนโลยี หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากกว่า ใช่ว่าเดี๋ยวนี้จะไม่มีให้เห็นซะเลย มีครับ แต่เรามักเห็นในสภาพที่เขาไม่มีชีวิตเสียแล้ว ทั้งโดนทับโดนชนอยู่บนถนนคอนกรีตนั่นแหละฮะ น่าเศร้าเหมือนกันสำหรับสัตว์ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พวกนี้
 
ไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกปฏิเสธความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ไม่อยากให้สร้างโน่นนี่นะฮะ เพียงแต่ขอความกรุณาผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน โปรดช่วยสังเกตและเอ็นดูชีวิตน้อยๆ เหล่านี้ไว้ด้วยแล้วกันฮะ อีกอย่างใกล้วันแม่แล้ว ทุกท่านคงจำมือที่เคยจูงเราเดิน จนเรามั่นใจและไม่กลัวสิ่งต่างๆ ได้นะฮะ ถ้ามือนั่นชราภาพลงและหมดเรี่ยวแรงลง ก็อย่าลืมเข้าไปจูงมือท่านให้เหมือนกับที่ท่านดูแลเรานะฮะ”

• เรื่องการวาดภาพประกอบ ใช้วิธีทำงานหรือนำเสนออย่างไร
 
มันจะออกมาพร้อมๆ กัน หัวเรื่องมาก่อนและภาพเก่าๆ มันก็จะค่อยย้อนๆ กลับมา ภาพมันก็เหมือนเราเอาตัวหนังสือเอาออกมาให้เป็นภาพ จากนั้นก็วาดธรรมดา สเกตช์ลงหมึกใส่สีในคอมพิวเตอร์
 
• ใช้ระยะเวลานานหรือไม่
 
1-3 วัน เพราะเราประกอบวิชาชีพทางด้านนี้ เป็นนักการ์ตูนิสท์ ต้องทำหลังเลิกงานวันละนิดวันละหน่อย แต่รูปเราก็พยายามออกมาให้มันสวยเพราะเผื่อบางคนที่ไม่ชอบการอ่าน ดูรูปแล้วก็สามารถมีความสุข สามารถนึกย้อนได้ทันทีเรื่องเก่าๆ ที่เขาเคยผ่านคืนวันแห่งความทรงจำนั้นๆ มา ไม่ได้อยากดูเก่า แต่เขียนปุ๊บแล้วอยากให้เรารู้สึกนึกถึงสิ่งนั้นได้ในทันที อาทิ ขวดยานัตถุ์ ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ตอนนั้นที่เราเคยเจอมันอย่างนี้ๆ เราก็คืออยากจะบันทึกในช่วงนั้น คนก็ชอบกัน ถามว่าเพราะอะไร ก็คล้ายๆ กับการที่มีคนทำตลาดเก่าๆ ทำของเก่าๆ เพื่อย้อนวันวานความทรงจำ คือบางทีคนปัจจุบันอาจจะอยู่กันซับซ้อนขึ้นเนื่องจากมีทั้งชีวิตจริง ชีวิตในโซเชียลฯ ชีวิตในการทำงาน อะไรต่อมิอะไรมากมายไปหมด ตรงนี้ก็เหมือนจะเป็นมุมหนึ่งของการพักผ่อนทั้งในโลกความเป็นจริงและของโซเชียลฯ เราถึงได้เห็นกระแสผู้คนหลั่งไหลและคลั่งไคล้แนววินเทจย้อนยุคต่างๆ
 
• จากเรื่องเล่าผ่านความทรงจำ แน่นอนว่าอาจจะลืมเลือนไปบ้าง อย่างนี้เรามีการเสริมเพิ่มหรือหาข้อมูลเสริมจากที่อื่นบ้างหรือไม่
 
ไม่ค่อย เพราะเราเขียนจากประสบการณ์ที่เราประทับใจ หรือเป็นแค่ในประสบการณ์จากขั้นที่สองจากคุณพ่อคุณแม่เล่าให้ฟัง แต่ที่จะมีก็อย่างบางทีลูกเพจที่ร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เรื่องบางอย่างที่เราไม่กระจ่าง เช่น สุนทรภู่ ท่านมีกลอนเขียนถึงสวนนนทบุรี ก็ทำให้เรารู้ เราก็นำมาประกอบขยายเรื่องเนื้อบ้าง เรื่องสถานที่บ้างอย่าง บ้านตลาดขวัญที่ชาวเมืองนนทบุรีรู้จักกันเป็นอย่างดี แท้จริงแล้วสมัยก่อนยังมีตลาดแก้วอยู่ด้วย เราก็ได้เรื่องราวจากนิราศภูเขาทอง ที่เราสามารถเห็นว่าตลาดแก้วอยู่ก่อนถึงช่วงแขวงเมืองนนท์และตลาดขวัญ

“ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา
โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา เหมือนกลิ่นผ้าแพรดำร่ำมะเกลือ
เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ำเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย
ทั้งของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย พวกหญิงชายชุมกันทุกวันคืนฯ”

คือสิ่งที่เรายึดคือคนอ่านมีความสุขกับงานของเรา เราสร้างความสุขให้คนอื่นได้ ก็คุ้มค่ากับที่เราทำ จากที่เราไม่ได้กำหนดเป้าหมาย แค่บันทึกเขียนอะไรไว้เท่านั้นเอง และก็เป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้วด้วยเนื่องจากเรียนจบคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จบมาทำงานวาดภาพประกอบ ก็สื่อสารออกมาให้เรามีความสุข จากนั้นก็ขยับขยายๆ ไกลตัวไปเรื่อยๆ เหมือนเราอยู่ในบ้านแล้วเราก็เดินออกไปปากซอย เราเจออะไรบ้าง ไกลปากซอยออกไปเราเจออะไรบ้าง เริ่มขึ้นรถเมล์เป็น เราไปสนามหลวง อะไรอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องประมาณแนวนั้น

• คล้ายการทำเสนอให้ตระหนักถึงการมีอยู่ที่เราสร้างขึ้นเองได้ด้วย
 
มองอย่างนั้นก็ได้ครับ และต่อไปในอนาคตก็อยากจะมอบความสุขต่อไปเพราะเราทำให้เรามีความสุขและคนอ่านมีความสุขนั้นคือจุดประสงค์ของเรา ได้นึกถึงชีวิตวัยก่อน นึกถึงคนที่เคยรัก คนที่เขารัก สิ่งของที่เคยสัมผัสแล้วเขามีความสุข และที่สำคัญไม่เขียนเรื่องอบายมุข อันนั้นเป็นหลักของเราอยู่แล้ว แต่ส่วนมากในเรื่องของเด็กๆ ที่เราสอดแทรกจะเป็นในเชิงที่เขามาสอบถามเรามากกว่า อย่างวาดได้อย่างไร อยากวาดให้ได้เหมือนเราบ้าง เราก็จะแนะนำให้เขาไม่กลัวในการวาด จะวาดอย่างไรก็ได้ ตอนแรกก็คือวาดให้มันสนุก อย่าไปกลัวว่ามันจะไม่สวย ถ้าเริ่มวาดภาพแล้วมีความสุขไปกับมันนั้นคือโอเคแล้ว มันได้ทำงานของมันแล้วในงานศิลปะการวาดภาพ
 
ส่วนเรื่องก็คือการสื่อสาร ถ้าสารที่สื่อออกไปแล้วมันเกิดผลดี มันมีความสุขกับผู้อ่าน ผู้ได้ทำ มันก็จะเกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดี เกิดพลังแต่ทางด้านบวก เพจ เด็กบ้านสวน ไม่มีคำหยาบคายหรือพูดคุยกันในทิศทางลบแม้แต่สักครั้งหนึ่งตั้งแต่ทำขึ้นมา ก็ดีใจที่เราไม่มีเหมือนเพจอื่นๆ ที่อาจจะมีกันบ้างในบางประเด็น ตอนแรกเราก็กลัวมันจะมีอย่างนี้หรือไม่ แต่พอวัตถุประสงค์เราทำจากความสุข มันก็มีแต่ความสุข ก็ดีใจที่ได้เจอผู้อ่านที่ดีที่ได้รู้จักและเปลี่ยนและถ่ายทอดความสุขกันและกัน คือชีวิตมันไม่ได้มีความสุขทั้งหมด มันก็มีความไม่สุขก็มีบ้าง แต่ว่าถ้าเรานำเสนอเรื่องราวที่ดีที่มีความสุขเขาก็จะมีความสุขไปด้วย แค่คิดก็ยังมีความสุข เรากระจายไปก็ย่อยมีคนสุขไปกับเราด้วย
 
• เด็กบ้านสวนที่สร้างความสุขและสวนกระแสในยามวันเวลารุดเดินหน้า
 
ครับ…เกิดความสุข ความอบอุ่น คือมีความสุขกับปัจจุบันสภาวะ นั่งก็มีความสุข เฉยก็มีความสุข แต่ถ้าย้อนกลับไปคิดเรื่องราวหนหลังเก่าๆ แล้วมีความสุขบ้างมันก็ไม่ได้เรื่องเสียหายอะไร และยิ่งดีถ้ามันต่อเติมให้กำลังใจ.




เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก เด็กบ้านสวน



กำลังโหลดความคิดเห็น