มาทำความรู้จักกับ “วิวัฒน์ ศัลยกำธร” รมช.เกษตรฯ ในรัฐบาลประยุทธ์ 1/5 ที่จะถูกเด้งออกจาก ครม. เพราะจุดยืนชัด แบน 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และสนับสนุนพื้นที่เกษตรปลอดสารพิษ 5 ล้านไร่
... รายงาน
กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด สำหรับกระแสข่าวที่ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปรับเปลี่ยนตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะเก้าอี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เมื่อ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แย้มว่า คนที่จะถูกปรับออกจาก ครม. ก็คือ “อาจารย์ยักษ์” นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรฯ
เหตุเพราะต่อสู้เพื่อประชาชนในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการไม่เอาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไฟริฟอส และ ไกลโฟเซต
“หากเป็นจริง แสดงว่า ที่รัฐบาลบอกว่าเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องไม่จริง ประชาชนคงจะลุกขึ้นมาต่อสู้แน่นอน คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งก็ไม่สมควรอยู่ต่อด้วย” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุ
ชื่อของ “อาจารย์ยักษ์” เป็นที่ฮือฮาเมื่อครั้งการปรับคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1/5 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รมช.เกษตรฯ
เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2497 ที่ ต.หนองตีนนก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จบการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และได้รับปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเกษตรอินทรีย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก
เป็นผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่จดบันทึกพระราชดำริของ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” จัดทำแผนงานสนองพระราชดำริ ติดตาม ประเมินผลและประมวลผลงานสนองพระราชดำริของหน่วยงานต่างๆ ถวายรายงานในโครงการสำคัญกว่า 16 ปี
เขายังเป็นผู้ก่อตั้ง ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง หรือ มหา’ลัยคอกหมู ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพื่อทำการทดลองเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
โดยเริ่มจากใช้ที่ดินรกร้างของพี่ชายที่เป็นข้าราชการครู กว่า 40 ไร่ เนรมิตพื้นที่ร้างที่มีสภาพเป็นดินดาน ทั้งการปลูกหญ้าแฝก ขุดสระน้ำ ทดลองปลูกพืชผัก ทำนาข้าว กลายเป็นต้นแบบให้เกษตรกรคนอื่นๆ
จดทะเบียนเป็น มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ในปี 2544 เป็นสถานที่ฝึกอบรมเกษตรกรทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง ของ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙”
นอกจากนี้ ยังจัดตั้งและพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง 57 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งพัฒนาเป็นศูนย์ฝึกอบรมของเครือข่ายแล้ว 62 ศูนย์ฝึกงานพัฒนานโยบาย และงานวิจัยต่างๆ
มุ่งมั่นที่จะให้เกษตรกรเปลี่ยนวิถีชีวิต จากเดิมทำเกษตรแบบใช้สารเคมี มาเป็นเกษตรอินทรีย์
แม้การแต่งตั้งอาจารย์ยักษ์ เป็น รมช.เกษตรฯ จะเป็นที่ฮือฮาไปพักหนึ่ง แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะขัดใจรัฐบาล ทั้งประกาศผลักดันพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน 5 ล้านไร่ และประกาศสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง
โดยเฉพาะ 3 สารเคมีอันตราย “พาราควอต คลอร์ไฟริฟอส และ ไกลโฟเซต” ซึ่งมีบริษัทยักษ์ใหญ่นำเข้า เช่น ซินเจนทา ไบเออร์-มอนซานโต้ ดาวเคมีคอล เจียไต๋ และบริษัทอื่นๆ ยอดขายรวมกัน 7-9 หมื่นล้านบาทต่อปี
ครั้งหนึ่ง เคยประกาศตัวว่า ต่อต้านการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการเกษตรทุกรูปแบบ โดยท้าว่า ถ้าทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่อยู่ ผมไม่กลัวตาย ไม่กลัวถูกไล่ออก เพราะยืนยันทำในสิ่งที่ถูกต้อง
กลายเป็นการขัดใจ “นายทุนสารเคมี” ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนายทุนให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านโครงการประชารัฐ ซึ่งเปรียบเสมือน “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้รัฐบาลชุดนี้เชิดหน้าชูคอมาได้