นักศึกษาไทยในเกาหลีเกือบซวย ขึ้นเครื่องไปลงอินชอน เจอหญิงไทยตีสนิท พยายามชวนคุย ออกอุบายขอยืมมือถืออ้างไม่ได้ซื้อซิม พอแยกกันจะไปรับกระเป๋าเจอ ตม.ดึงเข้าห้องเย็น พบหญิงไทยนั่งข้างๆ อ้างว่ามาด้วยกันจะพาไปทำงานหมอนวด ต้องให้ค้นประวัติการศึกษาถึงรอดมาได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศเกาหลีใต้อนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศเพื่อการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน แต่พบว่ามีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งอาศัยหลักการนี้ลักลอบเข้าไปขายแรงงานโดยผิดกฎหมายจำนวนมาก ทางการเกาหลีใต้ได้กวดขันในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีคนไทยรายหนึ่งโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “กลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวเกาหลี” เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2561 ระบุหัวข้อ “อย่าช่วยคนไทยที่เกาหลี”
หญิงรายนี้เล่าให้ฟังว่า เธออาศัยอยู่ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เวลามาเมืองไทยจะบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปูซานมาตลอด มีครั้งหนึ่งลงที่สนามบินอินชอน ในกรุงโซล กับครอบครัวเพียงครั้งเดียว รอบนี้กลับไปธุระที่ไทย ขากลับจึงลงสนามบินอินชอน เนื่องจากจะแวะไปหาเพื่อนที่กรุงโซล ก่อนกลับบ้านที่เมืองปูซาน โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ702 ออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 16.00 น. ถึงสนามบินอินชอน เวลา 23.35 น.
ระหว่างกรอกใบตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ถามว่า กรอกยังไง จึงได้สอนวิธีการกรอกแบบฟอร์ม ผู้หญิงรายนี้ถามว่า “มาคนเดียวเหรอ” จึงตอบว่าใช่ ผู้หญิงรายนี้จึงกล่าวว่าเขาก็มาคนเดียว และพยายามชวนคุย แต่เนื่องจากเหนื่อยเลยหลับไป เมื่อมาถึงสนามบินอินชอนเวลาประมาณ 23.30 น. กำลังเดินไปตรวจคนเข้าเมือง ผู้หญิงรายนี้ได้เข้ามาหา ขอยืมโทรศัพท์มือถือ อ้างว่าโทร.หาเพื่อนให้มารับ เพราะตนยังไม่ซื้อซิมการ์ด จึงให้ยืมโทรศัพท์ เมื่อคุยเสร็จก็แยกกันเข้าช่องตรวจคนเข้าเมือง โดยแยกกันคนละแถว
เมื่อผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทำวีซ่านักศึกษาไว้ กำลังจะลงจากลิฟต์ มีเจ้าหน้าที่เดินมาหาแล้วพาเข้าห้องควบคุม หรือที่เรียกว่าห้องเย็น จึงงงว่าพามาทำไม จึงทราบว่าผู้หญิงรายนี้ถูกกักตัวเนื่องจากถูกตรวจพบว่าเข้าเมืองมาทำงาน โดยผู้หญิงรายนี้อ้างว่ามากับตนและเป็นเพื่อนตน พามาทำงาน จึงได้ชี้แจงว่าไม่รู้จักกัน บังเอิญนั่งข้างๆ กันบนเครื่อง ตนเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ ไม่ได้มาทำงาน และให้เจ้าหน้าที่ค้นข้อมูลประวัติการศึกษา ยืนยันว่ามีวีซ่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ดูหนังสือเดินทาง แล้วปล่อยตัวไป
หลังออกจากห้องควบคุม และไปรับกระเป๋า มีโทรศัพท์เบอร์แปลกเข้ามาที่มือถือ เมื่อรับสาย ปลายสายถามว่า “ให้ไปรับประตูไหน” จึงรู้ว่าหญิงรายนั้นโทรศัพท์ไปรับแน่ๆ จึงสวนกลับไปว่า “พี่คนนั้นโดนจับไปแล้ว อยากโดนจับด้วยไหมจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่” ปลายสายจึงตัดสายทิ้งและปิดเครื่อง และว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าใจดีกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งผู้หญิงรายนั้นยอมรับว่าทำงานเป็นหมอนวด ตนพูดเกาหลีได้เลยเถียงกับเจ้าหน้าที่ได้
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อย่างไรก็ตาม ในโพสต์นี้มีคนแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการสกัดกั้นคนไทยลักลอบไปทำงานโดยผิดกฎหมาย พบว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ตั้งแต่ลงจากเครื่อง และสังเกตว่าคนที่มาไปเที่ยวจริงๆ หรือลักลอบไปทำงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเรียกคนไทยตรวจสอบตลอดทุกสายการบิน ไม่ว่าจะมาจากสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ หรือฟูลเซอร์วิสก็ตาม
ทั้งนี้ มีคำแนะนำว่า อย่ามีน้ำใจกับคนไทยในต่างแดน เพียงเพราะเป็นคนชาติเดียวกัน เวลาเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ให้พยายามไม่สุงสิง ไม่พูดคุยกับใคร ตั้งแต่อยู่บนเครื่องจนถึงออกจากสนามบิน และห้ามกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองให้ผู้อื่นเด็ดขาด เพราะลายมือบนเอกสารเป็นหลักฐานสำคัญที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าใจผิดว่าเป็นคนชักชวนให้มาทำงาน นอกจากนี้ อย่ารับฝากกระเป๋าหรือแบ่งปันน้ำหนักสัมภาระกับคนอื่นเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นช่องทางลำเลียงยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายได้