เมื่อเส้นทางที่ชอบกลับสวนทางกับสิ่งที่พ่อแม่อยากให้เป็น ทำให้ระหว่างทางที่เธอเลือกไม่ง่ายเอาเสียเลย แต่เพราะความไม่ย่อท้อ พยายามพิสูจน์ตัวเอง และหมั่นพัฒนา จึงทำให้วันนี้ “เกิร์ล-ณิชา ทวีเจริญสุข” หรือเจ้าของเพจ Lafyna ก้าวขึ้นมาเป็นนักวาดภาพประกอบอย่างเต็มตัว
เรียกได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เนื่องด้วยเพราะมีคุณยายเป็นไอดอล ทำให้เธอซึมซับและรักการวาดรูปมาโดยตลอด กระทั่งเข้าสู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 จึงอยากจริงจังกับเส้นทางนี้ ทว่าพ่อกับแม่ไม่สนับสนุนสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความรักความชอบทำให้เธอสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง กระทั่งเกิดเอกลักษณ์ลายเส้นที่โดดเด่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

มีคุณยายเป็นไอดอล
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่นชอบ ‘ศิลปะ’
เกิร์ลชื่นชอบศิลปะตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงอนุบาล 3 ตอนเด็กๆ เกิร์ลจะมีคุณยายคอยดูแล คุณยายจะชอบทำขนม ทำอาหาร ชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ชอบเพนต์สีน้ำมันลงในผ้ากำมะหยี่ พอเกิร์ลได้เห็นก็สนใจ คุณยายเลยให้ลองทำดู จำได้เลยค่ะว่ารูปแรกที่วาดคือ “ดอกไม้” เป็นลายเส้นเด็กๆ
หลังจากนั้นมาเราก็ได้ฝึกวาดรูปมาเรื่อยๆ กลับมาจากโรงเรียน เกิร์ลจะต้องจับดินสอวาดรูปทุกวัน เพราะส่วนตัวเกิร์ลเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง สมาธิสั้น คุณยายก็จะชอบหาอะไรให้หลานทำระหว่างรอคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน ท่านจะสอนให้เกิร์ลวาดรูปทุกวัน เกิร์ลก็เลยได้รับวิชาและซึมซับจากคุณยายมา จนกระทั่งเรารู้สึกว่าตัวเองชอบ
เกิร์ลเริ่มมาจริงจังทางด้านศิลปะตอนมัธยมชั้นปีที่ 2 ค่ะ พอรู้ว่าตัวเองชอบ เกิร์ลก็ฝึกวาดรูปด้วยตัวเองทุกวัน เรียกได้ว่าวาดทั้งวันทั้งคืนเลยก็ว่าได้ เราฝึกหนักมากเพราะต้องการอยากจะเป็นศิลปินมันไม่มีทางลัด มีแต่การฝึกฝนเท่านั้นที่จะช่วยเราได้
แต่ทางบ้านไม่สนับสนุนให้เรียนศิลปะ?
พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เราก็เริ่มหาเเนวทางที่ชอบ พอจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เกิร์ลก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่เราไม่อยากไปทางสายวิทย์-คณิตเลย เกิร์ลอยากเรียนศิลปะ เพราะเป็นสิ่งที่เกิร์ลมองว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีที่สุด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เด่นที่สุดแล้วในตัวเรา แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่สนับสนุนให้เราเรียนศิลปะเท่าไหร่
ที่รู้ตัวเองเพราะตอนจะขึ้นมัธยมต้น เกิร์ลเคยเกือบโดนให้ออกจากโรงเรียน เราเกรดไม่ถึง ได้เกรดประมาณ 1 กว่าเองค่ะ เคยแม้กระทั่งเรียนไม่ผ่านทุกวิชา มี 6 วิชาก็ตกทุกตัวเลย แต่ทางโรงเรียนเขาให้โอกาส เลยต้องฝืนๆ ลงเรียนไป ทำให้เราเลยจำเป็นต้องลงเรียนพิเศษทุกตัว เกรดก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้สูงสุดประมาณ 3.8 แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเราอยู่ดี
จริงๆ ก่อนที่จะเข้ามัธยมปลาย เกิร์ลอยากไปเรียนทางด้านศิลปะโดยตรงนะคะ แต่ทางบ้านก็ยังไม่โอเค เพราะท่านกลัวว่าเป็นศิลปินแล้วจะไส้แห้งอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน คือการที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้เกิร์ลเรียนศิลปะ อาจจะเนื่องจากยุคสมัยนั้นต่างจากยุคสมัยนี้ ตอนนั้นศิลปะอาจจะไม่ได้เฟื่องฟู ยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างทุกวันนี้ ท่านจึงอยากให้เราเป็นนักธุรกิจ เนื่องจากท่านก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วด้วย
ตอนแรกเกิร์ลจะทิ้งการเรียนตรงนี้แล้วนะคะ แต่ด้วยความที่เราเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่มากๆ เราจึงเลือกเรียนมัธยมปลายในสายศิลป์-คำนวณ เพราะเราคิดว่าถ้ามาทางสายนี้ก็อาจจะเข้าทางในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เป็นก็ได้ แต่ทั้งหมดมันกลับกลายเป็นว่าเราทำร้ายตัวเอง เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียน จนระยะหลังๆ เกิร์ลพูดทุกวัน ตอนแรกเขาไม่ยอมนะคะ แต่พอท่านเห็นว่าเราพยายามฝึกฝน เราชอบทางนี้จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มใจอ่อน ตอนมัธยมชั้นปีที่ 5 เทอม 2 เขาจึงยอมให้เราไปเรียนพิเศษศิลปะจนเราสอบติดได้เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเกิร์ลดีใจมากนะคะที่เราได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ

เดินตามความฝัน แต่ไม่เป็นดั่งฝัน
เมื่อสิ่งที่เรียน ไม่ใช่อย่างที่คิด
ตอนช่วงขึ้นมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ชีวิตเรากลับมาติดขัดอีกครั้ง เพราะเกิร์ลเริ่มรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่เรียนมันไม่ใช่อย่างที่คิด มันไม่ตรงต่อความต้องการที่เราอยากจะเป็น เราฝันไว้ว่าอยากจะมีลายแพตเทิร์นเป็นของตัวเองไปอยู่บนแพกเกจจิ้ง บนลายผ้า หรือบนไหนก็ได้ ประมาณว่ามีงานแบรนด์มาจ้างให้เราออกแบบให้ แต่มันกลับไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่เกิร์ลอยากจะเป็น ตรงนี้เลยทำให้เกิร์ลศึกษาทางด้านนิเทศศิลป์ด้วยตัวเอง จากทางยูทูปบ้าง ถามเพื่อนๆ ที่อยู่นิเทศศิลป์บ้าง แล้วก็เอามาศึกษาปรับใช้กับสิ่งที่เราเรียน
ช่วงมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เป็นช่วงที่พีกมากจนเกิร์ลไม่อยากเรียนคณะนี้อีกต่อไปแล้ว ก็คือมีครั้งหนึ่งเกิร์ลพยายามจะนำเสนองานที่ใช้เทคนิคทางนิเทศศิลป์ก็คือภาพประกอบไปรวมกับ Fine Art แต่เรากลับทำได้ไม่ดี เกรดเฉลี่ยออกมาช่วงปลายเทอมเราได้เกรด D+ ครั้งนั้นเกิร์ลเลยไปปรึกษาอาจารย์ ปรึกษาพ่อแม่ ทุกคนบอกว่าแล้วแต่เรา โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ ทำให้เกิร์ลตัดสินใจดรอปเพื่อที่จะไปค้นหาตัวเองอีกครั้ง
ดรอปเสร็จ เกิร์ลก็ได้ไปหาพี่ชายที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างที่อยู่ที่นั่นเกิร์ลได้ไปศึกษา ดูงานศิลปะตามลอนดอนบ้าง มีโอกาสไปนอกเมืองบ้าง แต่ที่ประเทศอังกฤษมีงานศิลปะอยู่แทบทุกที่เลยนะคะ อะไรๆ ก็เป็นศิลปะหมดเลย เราจึงสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เกิร์ลก็เลยสนุกกับการที่ได้มองทุกสิ่งทุกอย่างของที่นั่น ซึ่งเกิร์ลไปอยู่อังกฤษแล้วก็ได้ไปประเทศอิตาลีต่อเพื่อที่จะเรียนรู้งานศิลปะ รวมๆ ก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ถึงได้กลับประเทศไทยค่ะ
ค้นพบตัวเองจนเดินมาถูกทาง
กลายมาเป็นนักวาดภาพประกอบอย่างเต็มตัว
หลังจากที่ได้ไปค้นหาตัวเอง และเปิดประสบการณ์ของตัวเองที่ประเทศอังกฤษ มันทำให้เราเปลี่ยนสไตล์การวาดรูปของเราไปเลย คือตอนแรกจริงๆ ก่อนที่จะไปประเทศอังกฤษเกิร์ลก็ได้เปิดเพจชื่อว่า “Lafyna” มาตั้งแต่มหาวิทยาลัยปีที่ 2 แรกๆ งานที่ลงในเพจจะเป็นลายเส้นหวานๆ มีความเป็นผู้หญิง ก็ไม่ได้มีคนติดตามมากมายเท่าไหร่ แต่พอหลังจากไปประเทศอังกฤษกลับมา เกิร์ลก็ได้เปลี่ยนสไตล์ เปลี่ยนลายเส้น เปลี่ยนโทนสี เอาความดาร์กเข้ามาผสมกับความเป็นผู้หญิง คอนเทนต์หรือคอนเซ็ปต์ที่วาดจะออกแนวนิยายแฟนตาซี ดูมีพลัง โดยเกิร์ลจะใช้เทคนิคการวาดด้วยสีน้ำกับสีไม้ 2 อย่างเป็นหลักค่ะ อย่างสีน้ำเราสามารถลงบางๆ แล้วลงเพิ่มได้ ส่วนสีไม้เกิร์ลจะใช้เก็บลายละเอียดเล็กๆ ซึ่งจะทำให้งานเรามีมิติขึ้นได้ ตรงนี้กลับกลายเป็นว่าคนชอบมากขึ้น ทำให้คนจำได้มากขึ้น งานของเรามีเอกลักษณ์มากขึ้น ซึ่งเกิร์ลก็เลยคิดว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้ว
หลังจากที่เราเปลี่ยนสไตล์การวาดต่างๆ ก็มีงานเข้ามา เกิร์ลได้มีโอกาสไปฝึกงานตามนิตยสาร ได้ถูกเชิญไปวาดภาพประกอบในนิตยสาร ได้มีโอกาสไปทำงานร่วมกับแบรนด์ จนเรามีชื่อเสียงในระดับหนึ่งในระยะเวลาเพียง 1 ปี ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งในชีวิตเหมือนกันค่ะ
จากนั้นเกิร์ลก็ได้กลับมาเรียนต่อในคณะเดิมที่เคยดรอปไว้จนจบ เพื่อที่เราจะได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทย เกิร์ลก็ตัดสินใจเทกคอร์ส เป็นคอร์สระยะสั้นในระยะเวลา 6 เดือน ในสาขา illustration การวาดภาพประกอบ เพื่อจะได้รับใบประกอบวิชาชีพ illustrator ค่ะ

เข้าสู่ปีที่ 6 กับการสร้างผลงานหลากหลาย
ผลงานที่ผ่านมาคือเกิร์ลได้มีโอกาสได้วาดภาพประกอบให้กับนิตยสาร Cleo, นิตยสาร Aday มีผลงานออกแบบร่วมกับทางแบรนด์ต่างๆ เช่น Modern Diamond, Moleskine, POONRADA., Live Drawing ในอีเวนต์ให้กับ YouTube และ Vouge Magazine, จัดนิทรรศการภาพวาดภายใต้แบรนด์อุปกรณ์เครื่องเขียน HHK Intertrade ที่ห้างฯ อมรินทร์ พลาซ่า, งานแสดงภาพวาดประกอบให้ได้ชมกันที่งาน Artmore Exhibition, นิทรรศการ Area Five ที่ Airport Link มักกะสัน
ผลงานล่าสุด คือ นิทรรศการ ‘Moleskine Journey Exhibition ครั้งที่ 2’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The ExtraOrdinary” ผ่านสมุด Moleskine Art Collection จัดขึ้น ณ ร้าน Moleskine Pop-up Store ชั้น 2 เกษรวิลเลจ เมื่อวันที่ 1-31 สิงหาคมที่ผ่านมาค่ะ
ส่วนผลงานที่เกิร์ลประทับใจคงเรียกได้ว่าแทบทุกชิ้นเลยค่ะ เพราะเราตั้งใจและใส่ใจกับทุกๆ ชิ้นที่วาด แต่ผลงานที่เกิร์ลมีอินเนอร์กับมันมากที่สุดก็คืองานที่ร่วมกับทาง YouTube ค่ะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเองมากที่สุดแล้วคือเกิร์ลได้มีโอกาสไป Live Drawing หรือ วาดสด ที่ร่วมมือกับทาง Paron School of art และ YouTube Thailand ซึ่งเป็นการวาดสดจำนวนคนในงาน 35 คน ในระยะเวลา 5 ชั่วโมง ก็ยากและท้าทายพอสมควรค่ะ
ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 6 แล้วค่ะที่เรามาถึงจุดนี้ ตอนนี้เกิร์ลเป็นนักวาดภาพประกอบฟรีแลนซ์อย่างเต็มตัวแล้ว ส่วนใหญ่เกิร์ลจะรับงานออกแบบลายแพตเทิร์น แพกเกจจิ้ง งานภาพประกอบต่างๆ ซึ่งความฝันสูงสุดของเกิร์ลมันจำกัดความไม่ได้เลยนะคะ เกิร์ลอยากร่วมงานกับแบรนด์ กับศิลปินที่เราชอบ และอยากจะทำสิ่งที่เราชอบต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ค่ะ
‘ศิลปะ’ ทำให้โลกนี้สดใส
มองวงการศิลปะไทยในยุคนี้กำลังเติบโต
ถ้าถามว่าศิลปะให้อะไรกับเราบ้าง เกิร์ลตอบได้เต็มปากเลยค่ะว่าศิลปะให้ทุกอย่าง ศิลปะทำให้โลกนี้สดใส โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาเกิร์ลไม่เก่งอะไรเลยสักอย่างแต่ในขณะที่เกิร์ลเสียใจกับการที่เราไม่สามารถเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่คุณพ่อคุณแม่บอกได้ ก็ยังมีศิลปะที่เข้ามาช่วย เหมือนศิลปะเป็นการปลดปล่อยทางความคิดของเรา จากคนที่เคยอยู่ในกรอบ อึดอัดไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง ก็มีกระดาษกับดินสอนี่แหละค่ะที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย ช่วยเยียวยาจิตใจเราได้
เกิร์ลว่าศิลปะในประเทศไทยกำลังเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ ถึงจะเป็นการเติบโตที่ช้า อาจจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่เกิร์ลว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราก้าวไปข้างหน้า เกิร์ลดีใจนะที่ศิลปะเข้ามามีบทบาทในกิจวัตรประจำวันมากขึ้น มันทำให้ศิลปะขยายตัว และทำให้คนมองเห็นคุณค่าของสิ่งนี้มากขึ้น ซึ่งวงการศิลปะของไทยก็จะได้เติบโตขึ้นไปด้วยค่ะ คือมันเป็นการเปิดมุมมองสำหรับอาชีพของเรา และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าศิลปินไม่ได้ไส้แห้งนะ ศิลปะสร้างรายได้ได้ค่ะ อันนี้เกิร์ลยืนยัน
อีกอย่างศิลปะในสมัยนี้กับสมัยก่อนเกิร์ลว่าต่างกันนะคะ มันต่างกันที่การยอมรับ เรารู้สึกได้จากการที่พ่อแม่ปฏิเสธเรา เราอยากเรียนแต่เขาก็ปฏิเสธตลอดเลย ซึ่งเราก็คิดว่าอาจเพราะสมัยก่อนศิลปะคงจะไม่ได้รับการยอมรับเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีการโปรโมตด้วย แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเยอะมาก สังคมเปิดกว้างมาก ยิ่งมีสื่อโซเชียลฯ ยิ่งเข้าถึงได้เร็ว

อยากเก่ง ‘ศิลปะ’ ต้องฝึกฝน
มีพรสวรรค์แล้ว ต้องหมั่นหาพรแสวงด้วย
เราต้องมีพรสวรรค์และพรแสวงควบคู่กัน เกิร์ลก็ไม่ได้วาดรูปเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่เรามีพรแสวง เราวาดรูปทุกวัน คือสมัยที่เกิร์ลยังเด็ก เพื่อนคนอื่นอาจจะไปวิ่งเล่น แต่เราไม่มีช่วงชีวิตที่วิ่งเล่นกับเพื่อนเท่าไหร่ เรามีแต่กลับบ้าน นั่งดูการ์ตูนอยู่กับกระดาษและดินสอ วาดการ์ตูนต่างๆ ไปแบบนั้นของเราทุกวัน
เกิร์ลมองว่าการฝึกฝนเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่เกิร์ลอยากให้ฝึกไปเรื่อยๆ ดีกว่าอย่าไปบังคับตัวเองว่าต้องฝึกวาดทั้งวันทั้งคืน ศิลปะต้องใช้เวลามากๆ ยิ่งพอเราฝืนตัวเองมันจะไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งพอเราฝืนอาจจะทำให้เราเกลียดสิ่งนั้นไปเลยก็ได้ ก็เหมือนวิชาการแหละค่ะ พอเรายิ่งบังคับตัวเองให้จำให้ได้ เราก็จะอึดอัดกับมัน เราก็จะผลักมันออก ดังนั้นเราต้องค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบ แต่ในระหว่างนั้นก็หาตัวตนของตัวเองไปด้วยว่าเราชอบอะไร
เราต้องรู้จักตัวเองก่อนนะคะมันถึงจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในงานได้ คือเกิร์ลสนุกกับการค้นหาตัวเองมากเลยว่าเราชอบอะไร สนใจอะไร ถ้าเราสนใจสิ่งที่เราวาดเราจะมีอารมณ์ร่วม แต่ถ้าเราวาดแล้วเราไม่มีอารมณ์ร่วมกับมัน แปลว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สำหรับเราแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่วาดรูปให้วาดหลายๆ อย่างก่อน แล้วเราจะรู้ว่าจุดไหนที่เราชอบจริงๆ
นอกจากการฝึกฝนแล้ว เกิร์ลอยากให้เสพงานศิลปะของศิลปินเยอะๆ จะเป็นงานประเภทไหนก็ได้ในสิ่งที่เราชอบจะทำให้เราจำได้ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิร์ลทำบ่อยเหมือนกันค่ะ เพราะเกิร์ลคิดว่าก่อนที่จะเป็นศิลปินได้ มันก็ต้องเกิดจากการวาดตามคนอื่นก่อน แล้วก็ค่อยคัดความชอบจริงๆ ของเราออกมา อาจจะเริ่มจากที่เราชอบลายเส้นของคนอื่น แล้วเอามาวาดตาม วาดตามไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งให้เราสร้างเอกลักษณ์ให้แก่งานตัวเอง กว่าเกิร์ลจะหาเอกลักษณ์ของตัวเองได้ก็ใช้เวลาหลายปีเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่ 2-3 ปีด้วยนะคะ แต่มันเกือบจะทั้งชีวิตของเกิร์ลไปแล้วด้วยซ้ำที่กว่าเราจะรู้ตัวเองว่าเราชอบแนวไหนอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเราสามารถเรียนรู้ได้ค่ะ

ถ้าอยากเรียนศิลปะแต่ทางบ้านไม่สนับสนุน
ต้องลดความกลัว อย่าท้อ พยายามพิสูจน์ และหมั่นพัฒนา
อย่างแรกเลย…ถ้าชอบและรักในด้านนี้จริงๆ อย่าเพิ่งหยุดนะคะ เราพยายามพิสูจน์และทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นดีกว่าว่าเราสามารถเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นได้ อย่าเพิ่งไปท้อแท้ว่าเราต้องทำตามคุณพ่อคุณแม่ ชีวิตเราเป็นของเรา หรือถึงแม้ว่าเราจะทำตามที่ท่านบอกก็จริงแต่ถ้าเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นจากใจ สักวันหนึ่งเราก็จะเลิกทำและหันกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่ดี แล้วเราจะเอาเวลาตรงนั้นเสียไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบทำไม ซึ่งมันอาจจะทำให้เป้าหมายของเราช้าไปกว่าเดิมก็ได้ เพราะฉะนั้น เกิร์ลอยากบอกว่าให้น้องๆ เชื่อมั่นในตัวเองมากที่สุด ให้ศรัทธาในตัวเองดีกว่า อยากเป็นอะไรก็เป็นแล้วทำให้ถึงที่สุด
อย่างที่สอง…อยากให้ลดความกลัวของตัวเองแล้วเอาความกล้าเข้าสู้ อันดับแรกคือกล้าที่จะวาด อาจจะยังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ก็ได้ค่ะว่าเราอยากจะเป็นอะไร แนะนำว่าทำยังไงก็ได้ พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราก็ทำได้ เช่น ถ้าเรารักทางด้านนี้จริงๆ วันใดวันหนึ่งเกิร์ลเชื่อว่าเราก็จะต้องมีชื่อเสียงอยู่ดี เราทำยังไงก็ได้ให้เรามีตัวตนในสังคม อาจจะเปิดเพจเฟซบุ๊กอัปงานของตัวเองลงไปเรื่อยๆ ก่อน ตรงนี้แหละค่ะที่จะเป็นจุดที่เราเอาไปแสดงให้ท่านเห็นได้ว่าเราจริงจังกับด้านนี้แค่ไหน เกิร์ลเองก็เคยทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ถึงขั้นตะคอกใส่กันเลย ซึ่งเขาไม่อยากให้เราเรียนศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่มั่นใจว่าเราจะมาทางด้านนี้ได้ แต่เราก็พยายามทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ จนวันนี้กลายเป็นว่าเขาสนับสนุนและยอมรับในความเป็นเราไปแล้ว
ทุกอย่างเกิร์ลตัดสินใจด้วยตัวเอง เราเริ่มต้นมาจากศูนย์ ถ้าสิ่งที่เราเลือกในวันนี้ปลายทางอาจจะล้มเหลว เกิร์ลก็ดีใจนะคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว แต่ถ้าเราต้องล้มเหลวเพราะคนอื่น หรือล้มเหลวจากสิ่งที่เราไม่ได้ทำตามใจตัวเอง เราคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต...

Profile
ชื่อสกุล : ณิชา ทวีเจริญสุข
ชื่อเล่น : เกิร์ล
วันเกิด : 10 เมษายน พ.ศ. 2537
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
อาชีพ : นักวาดภาพประกอบ นักเขียน
ไอดอล : พี่ฮิม เอชพี (HIM HP), พี่ปอม ชาน (Pomme Chan)
3 สิ่งที่นักวาดภาพประกอบ :
1. ระเบียบวินัย
2. ความละเอียดรอบคอบในการทำงาน
3. ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา
ผลงาน :
- วาดภาพประกอบให้กับนิตยสาร Cleo, นิตยสาร Aday
- Live Drawing ในอีเวนต์ให้กับทาง Youtube และ Vouge Magazine
- มีผลงานออกแบบร่วมกับทางแบรนด์ต่างๆ เช่น Modern Diamond, Moleskine, POONRADA.
- นิทรรศการภาพวาดภายใต้แบรนด์อุปกรณ์เครื่องเขียน HHK Intertrade ที่ห้างฯ อมรินทร์ พลาซ่า
- งานเเสดงภาพวาดประกอบ ที่งาน Artmore Exhibition จัดที่ 953 Art Mall (ทองหล่อ ซอย 9) ในปี พ.ศ. 2559
- นิทรรศการ Area Five ที่ Airport Link มักกะสัน
- ผลงานล่าสุดในปี พ.ศ. 2561 นิทรรศการภายใต้แบรนด์ Moleskine ที่ห้างสรรพสินค้าเกษรวิลเลจ





ติดตามผลงานได้ที่ : Facebook : Lafyna
Instragram: Lafynagirl
Twitter: Lafynagirl
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา, Facebook : Lafyna
เรียกได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เนื่องด้วยเพราะมีคุณยายเป็นไอดอล ทำให้เธอซึมซับและรักการวาดรูปมาโดยตลอด กระทั่งเข้าสู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 จึงอยากจริงจังกับเส้นทางนี้ ทว่าพ่อกับแม่ไม่สนับสนุนสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความรักความชอบทำให้เธอสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง กระทั่งเกิดเอกลักษณ์ลายเส้นที่โดดเด่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
มีคุณยายเป็นไอดอล
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่นชอบ ‘ศิลปะ’
เกิร์ลชื่นชอบศิลปะตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงอนุบาล 3 ตอนเด็กๆ เกิร์ลจะมีคุณยายคอยดูแล คุณยายจะชอบทำขนม ทำอาหาร ชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ชอบเพนต์สีน้ำมันลงในผ้ากำมะหยี่ พอเกิร์ลได้เห็นก็สนใจ คุณยายเลยให้ลองทำดู จำได้เลยค่ะว่ารูปแรกที่วาดคือ “ดอกไม้” เป็นลายเส้นเด็กๆ
หลังจากนั้นมาเราก็ได้ฝึกวาดรูปมาเรื่อยๆ กลับมาจากโรงเรียน เกิร์ลจะต้องจับดินสอวาดรูปทุกวัน เพราะส่วนตัวเกิร์ลเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง สมาธิสั้น คุณยายก็จะชอบหาอะไรให้หลานทำระหว่างรอคุณพ่อคุณแม่กลับบ้าน ท่านจะสอนให้เกิร์ลวาดรูปทุกวัน เกิร์ลก็เลยได้รับวิชาและซึมซับจากคุณยายมา จนกระทั่งเรารู้สึกว่าตัวเองชอบ
เกิร์ลเริ่มมาจริงจังทางด้านศิลปะตอนมัธยมชั้นปีที่ 2 ค่ะ พอรู้ว่าตัวเองชอบ เกิร์ลก็ฝึกวาดรูปด้วยตัวเองทุกวัน เรียกได้ว่าวาดทั้งวันทั้งคืนเลยก็ว่าได้ เราฝึกหนักมากเพราะต้องการอยากจะเป็นศิลปินมันไม่มีทางลัด มีแต่การฝึกฝนเท่านั้นที่จะช่วยเราได้
แต่ทางบ้านไม่สนับสนุนให้เรียนศิลปะ?
พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เราก็เริ่มหาเเนวทางที่ชอบ พอจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เกิร์ลก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่เราไม่อยากไปทางสายวิทย์-คณิตเลย เกิร์ลอยากเรียนศิลปะ เพราะเป็นสิ่งที่เกิร์ลมองว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีที่สุด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เด่นที่สุดแล้วในตัวเรา แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่สนับสนุนให้เราเรียนศิลปะเท่าไหร่
ที่รู้ตัวเองเพราะตอนจะขึ้นมัธยมต้น เกิร์ลเคยเกือบโดนให้ออกจากโรงเรียน เราเกรดไม่ถึง ได้เกรดประมาณ 1 กว่าเองค่ะ เคยแม้กระทั่งเรียนไม่ผ่านทุกวิชา มี 6 วิชาก็ตกทุกตัวเลย แต่ทางโรงเรียนเขาให้โอกาส เลยต้องฝืนๆ ลงเรียนไป ทำให้เราเลยจำเป็นต้องลงเรียนพิเศษทุกตัว เกรดก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้สูงสุดประมาณ 3.8 แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเราอยู่ดี
จริงๆ ก่อนที่จะเข้ามัธยมปลาย เกิร์ลอยากไปเรียนทางด้านศิลปะโดยตรงนะคะ แต่ทางบ้านก็ยังไม่โอเค เพราะท่านกลัวว่าเป็นศิลปินแล้วจะไส้แห้งอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน คือการที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้เกิร์ลเรียนศิลปะ อาจจะเนื่องจากยุคสมัยนั้นต่างจากยุคสมัยนี้ ตอนนั้นศิลปะอาจจะไม่ได้เฟื่องฟู ยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างทุกวันนี้ ท่านจึงอยากให้เราเป็นนักธุรกิจ เนื่องจากท่านก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วด้วย
ตอนแรกเกิร์ลจะทิ้งการเรียนตรงนี้แล้วนะคะ แต่ด้วยความที่เราเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่มากๆ เราจึงเลือกเรียนมัธยมปลายในสายศิลป์-คำนวณ เพราะเราคิดว่าถ้ามาทางสายนี้ก็อาจจะเข้าทางในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้เป็นก็ได้ แต่ทั้งหมดมันกลับกลายเป็นว่าเราทำร้ายตัวเอง เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียน จนระยะหลังๆ เกิร์ลพูดทุกวัน ตอนแรกเขาไม่ยอมนะคะ แต่พอท่านเห็นว่าเราพยายามฝึกฝน เราชอบทางนี้จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มใจอ่อน ตอนมัธยมชั้นปีที่ 5 เทอม 2 เขาจึงยอมให้เราไปเรียนพิเศษศิลปะจนเราสอบติดได้เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเกิร์ลดีใจมากนะคะที่เราได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
เดินตามความฝัน แต่ไม่เป็นดั่งฝัน
เมื่อสิ่งที่เรียน ไม่ใช่อย่างที่คิด
ตอนช่วงขึ้นมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ชีวิตเรากลับมาติดขัดอีกครั้ง เพราะเกิร์ลเริ่มรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่เรียนมันไม่ใช่อย่างที่คิด มันไม่ตรงต่อความต้องการที่เราอยากจะเป็น เราฝันไว้ว่าอยากจะมีลายแพตเทิร์นเป็นของตัวเองไปอยู่บนแพกเกจจิ้ง บนลายผ้า หรือบนไหนก็ได้ ประมาณว่ามีงานแบรนด์มาจ้างให้เราออกแบบให้ แต่มันกลับไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่เกิร์ลอยากจะเป็น ตรงนี้เลยทำให้เกิร์ลศึกษาทางด้านนิเทศศิลป์ด้วยตัวเอง จากทางยูทูปบ้าง ถามเพื่อนๆ ที่อยู่นิเทศศิลป์บ้าง แล้วก็เอามาศึกษาปรับใช้กับสิ่งที่เราเรียน
ช่วงมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เป็นช่วงที่พีกมากจนเกิร์ลไม่อยากเรียนคณะนี้อีกต่อไปแล้ว ก็คือมีครั้งหนึ่งเกิร์ลพยายามจะนำเสนองานที่ใช้เทคนิคทางนิเทศศิลป์ก็คือภาพประกอบไปรวมกับ Fine Art แต่เรากลับทำได้ไม่ดี เกรดเฉลี่ยออกมาช่วงปลายเทอมเราได้เกรด D+ ครั้งนั้นเกิร์ลเลยไปปรึกษาอาจารย์ ปรึกษาพ่อแม่ ทุกคนบอกว่าแล้วแต่เรา โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ ทำให้เกิร์ลตัดสินใจดรอปเพื่อที่จะไปค้นหาตัวเองอีกครั้ง
ดรอปเสร็จ เกิร์ลก็ได้ไปหาพี่ชายที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างที่อยู่ที่นั่นเกิร์ลได้ไปศึกษา ดูงานศิลปะตามลอนดอนบ้าง มีโอกาสไปนอกเมืองบ้าง แต่ที่ประเทศอังกฤษมีงานศิลปะอยู่แทบทุกที่เลยนะคะ อะไรๆ ก็เป็นศิลปะหมดเลย เราจึงสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เกิร์ลก็เลยสนุกกับการที่ได้มองทุกสิ่งทุกอย่างของที่นั่น ซึ่งเกิร์ลไปอยู่อังกฤษแล้วก็ได้ไปประเทศอิตาลีต่อเพื่อที่จะเรียนรู้งานศิลปะ รวมๆ ก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ถึงได้กลับประเทศไทยค่ะ
ค้นพบตัวเองจนเดินมาถูกทาง
กลายมาเป็นนักวาดภาพประกอบอย่างเต็มตัว
หลังจากที่ได้ไปค้นหาตัวเอง และเปิดประสบการณ์ของตัวเองที่ประเทศอังกฤษ มันทำให้เราเปลี่ยนสไตล์การวาดรูปของเราไปเลย คือตอนแรกจริงๆ ก่อนที่จะไปประเทศอังกฤษเกิร์ลก็ได้เปิดเพจชื่อว่า “Lafyna” มาตั้งแต่มหาวิทยาลัยปีที่ 2 แรกๆ งานที่ลงในเพจจะเป็นลายเส้นหวานๆ มีความเป็นผู้หญิง ก็ไม่ได้มีคนติดตามมากมายเท่าไหร่ แต่พอหลังจากไปประเทศอังกฤษกลับมา เกิร์ลก็ได้เปลี่ยนสไตล์ เปลี่ยนลายเส้น เปลี่ยนโทนสี เอาความดาร์กเข้ามาผสมกับความเป็นผู้หญิง คอนเทนต์หรือคอนเซ็ปต์ที่วาดจะออกแนวนิยายแฟนตาซี ดูมีพลัง โดยเกิร์ลจะใช้เทคนิคการวาดด้วยสีน้ำกับสีไม้ 2 อย่างเป็นหลักค่ะ อย่างสีน้ำเราสามารถลงบางๆ แล้วลงเพิ่มได้ ส่วนสีไม้เกิร์ลจะใช้เก็บลายละเอียดเล็กๆ ซึ่งจะทำให้งานเรามีมิติขึ้นได้ ตรงนี้กลับกลายเป็นว่าคนชอบมากขึ้น ทำให้คนจำได้มากขึ้น งานของเรามีเอกลักษณ์มากขึ้น ซึ่งเกิร์ลก็เลยคิดว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้ว
หลังจากที่เราเปลี่ยนสไตล์การวาดต่างๆ ก็มีงานเข้ามา เกิร์ลได้มีโอกาสไปฝึกงานตามนิตยสาร ได้ถูกเชิญไปวาดภาพประกอบในนิตยสาร ได้มีโอกาสไปทำงานร่วมกับแบรนด์ จนเรามีชื่อเสียงในระดับหนึ่งในระยะเวลาเพียง 1 ปี ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งในชีวิตเหมือนกันค่ะ
จากนั้นเกิร์ลก็ได้กลับมาเรียนต่อในคณะเดิมที่เคยดรอปไว้จนจบ เพื่อที่เราจะได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทย เกิร์ลก็ตัดสินใจเทกคอร์ส เป็นคอร์สระยะสั้นในระยะเวลา 6 เดือน ในสาขา illustration การวาดภาพประกอบ เพื่อจะได้รับใบประกอบวิชาชีพ illustrator ค่ะ
เข้าสู่ปีที่ 6 กับการสร้างผลงานหลากหลาย
ผลงานที่ผ่านมาคือเกิร์ลได้มีโอกาสได้วาดภาพประกอบให้กับนิตยสาร Cleo, นิตยสาร Aday มีผลงานออกแบบร่วมกับทางแบรนด์ต่างๆ เช่น Modern Diamond, Moleskine, POONRADA., Live Drawing ในอีเวนต์ให้กับ YouTube และ Vouge Magazine, จัดนิทรรศการภาพวาดภายใต้แบรนด์อุปกรณ์เครื่องเขียน HHK Intertrade ที่ห้างฯ อมรินทร์ พลาซ่า, งานแสดงภาพวาดประกอบให้ได้ชมกันที่งาน Artmore Exhibition, นิทรรศการ Area Five ที่ Airport Link มักกะสัน
ผลงานล่าสุด คือ นิทรรศการ ‘Moleskine Journey Exhibition ครั้งที่ 2’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The ExtraOrdinary” ผ่านสมุด Moleskine Art Collection จัดขึ้น ณ ร้าน Moleskine Pop-up Store ชั้น 2 เกษรวิลเลจ เมื่อวันที่ 1-31 สิงหาคมที่ผ่านมาค่ะ
ส่วนผลงานที่เกิร์ลประทับใจคงเรียกได้ว่าแทบทุกชิ้นเลยค่ะ เพราะเราตั้งใจและใส่ใจกับทุกๆ ชิ้นที่วาด แต่ผลงานที่เกิร์ลมีอินเนอร์กับมันมากที่สุดก็คืองานที่ร่วมกับทาง YouTube ค่ะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเองมากที่สุดแล้วคือเกิร์ลได้มีโอกาสไป Live Drawing หรือ วาดสด ที่ร่วมมือกับทาง Paron School of art และ YouTube Thailand ซึ่งเป็นการวาดสดจำนวนคนในงาน 35 คน ในระยะเวลา 5 ชั่วโมง ก็ยากและท้าทายพอสมควรค่ะ
ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 6 แล้วค่ะที่เรามาถึงจุดนี้ ตอนนี้เกิร์ลเป็นนักวาดภาพประกอบฟรีแลนซ์อย่างเต็มตัวแล้ว ส่วนใหญ่เกิร์ลจะรับงานออกแบบลายแพตเทิร์น แพกเกจจิ้ง งานภาพประกอบต่างๆ ซึ่งความฝันสูงสุดของเกิร์ลมันจำกัดความไม่ได้เลยนะคะ เกิร์ลอยากร่วมงานกับแบรนด์ กับศิลปินที่เราชอบ และอยากจะทำสิ่งที่เราชอบต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ค่ะ
‘ศิลปะ’ ทำให้โลกนี้สดใส
มองวงการศิลปะไทยในยุคนี้กำลังเติบโต
ถ้าถามว่าศิลปะให้อะไรกับเราบ้าง เกิร์ลตอบได้เต็มปากเลยค่ะว่าศิลปะให้ทุกอย่าง ศิลปะทำให้โลกนี้สดใส โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาเกิร์ลไม่เก่งอะไรเลยสักอย่างแต่ในขณะที่เกิร์ลเสียใจกับการที่เราไม่สามารถเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่คุณพ่อคุณแม่บอกได้ ก็ยังมีศิลปะที่เข้ามาช่วย เหมือนศิลปะเป็นการปลดปล่อยทางความคิดของเรา จากคนที่เคยอยู่ในกรอบ อึดอัดไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง ก็มีกระดาษกับดินสอนี่แหละค่ะที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย ช่วยเยียวยาจิตใจเราได้
เกิร์ลว่าศิลปะในประเทศไทยกำลังเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ ถึงจะเป็นการเติบโตที่ช้า อาจจะเป็นก้าวเล็กๆ แต่เกิร์ลว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราก้าวไปข้างหน้า เกิร์ลดีใจนะที่ศิลปะเข้ามามีบทบาทในกิจวัตรประจำวันมากขึ้น มันทำให้ศิลปะขยายตัว และทำให้คนมองเห็นคุณค่าของสิ่งนี้มากขึ้น ซึ่งวงการศิลปะของไทยก็จะได้เติบโตขึ้นไปด้วยค่ะ คือมันเป็นการเปิดมุมมองสำหรับอาชีพของเรา และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าศิลปินไม่ได้ไส้แห้งนะ ศิลปะสร้างรายได้ได้ค่ะ อันนี้เกิร์ลยืนยัน
อีกอย่างศิลปะในสมัยนี้กับสมัยก่อนเกิร์ลว่าต่างกันนะคะ มันต่างกันที่การยอมรับ เรารู้สึกได้จากการที่พ่อแม่ปฏิเสธเรา เราอยากเรียนแต่เขาก็ปฏิเสธตลอดเลย ซึ่งเราก็คิดว่าอาจเพราะสมัยก่อนศิลปะคงจะไม่ได้รับการยอมรับเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีการโปรโมตด้วย แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเยอะมาก สังคมเปิดกว้างมาก ยิ่งมีสื่อโซเชียลฯ ยิ่งเข้าถึงได้เร็ว
อยากเก่ง ‘ศิลปะ’ ต้องฝึกฝน
มีพรสวรรค์แล้ว ต้องหมั่นหาพรแสวงด้วย
เราต้องมีพรสวรรค์และพรแสวงควบคู่กัน เกิร์ลก็ไม่ได้วาดรูปเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่เรามีพรแสวง เราวาดรูปทุกวัน คือสมัยที่เกิร์ลยังเด็ก เพื่อนคนอื่นอาจจะไปวิ่งเล่น แต่เราไม่มีช่วงชีวิตที่วิ่งเล่นกับเพื่อนเท่าไหร่ เรามีแต่กลับบ้าน นั่งดูการ์ตูนอยู่กับกระดาษและดินสอ วาดการ์ตูนต่างๆ ไปแบบนั้นของเราทุกวัน
เกิร์ลมองว่าการฝึกฝนเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่เกิร์ลอยากให้ฝึกไปเรื่อยๆ ดีกว่าอย่าไปบังคับตัวเองว่าต้องฝึกวาดทั้งวันทั้งคืน ศิลปะต้องใช้เวลามากๆ ยิ่งพอเราฝืนตัวเองมันจะไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งพอเราฝืนอาจจะทำให้เราเกลียดสิ่งนั้นไปเลยก็ได้ ก็เหมือนวิชาการแหละค่ะ พอเรายิ่งบังคับตัวเองให้จำให้ได้ เราก็จะอึดอัดกับมัน เราก็จะผลักมันออก ดังนั้นเราต้องค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบ แต่ในระหว่างนั้นก็หาตัวตนของตัวเองไปด้วยว่าเราชอบอะไร
เราต้องรู้จักตัวเองก่อนนะคะมันถึงจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในงานได้ คือเกิร์ลสนุกกับการค้นหาตัวเองมากเลยว่าเราชอบอะไร สนใจอะไร ถ้าเราสนใจสิ่งที่เราวาดเราจะมีอารมณ์ร่วม แต่ถ้าเราวาดแล้วเราไม่มีอารมณ์ร่วมกับมัน แปลว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สำหรับเราแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่วาดรูปให้วาดหลายๆ อย่างก่อน แล้วเราจะรู้ว่าจุดไหนที่เราชอบจริงๆ
นอกจากการฝึกฝนแล้ว เกิร์ลอยากให้เสพงานศิลปะของศิลปินเยอะๆ จะเป็นงานประเภทไหนก็ได้ในสิ่งที่เราชอบจะทำให้เราจำได้ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิร์ลทำบ่อยเหมือนกันค่ะ เพราะเกิร์ลคิดว่าก่อนที่จะเป็นศิลปินได้ มันก็ต้องเกิดจากการวาดตามคนอื่นก่อน แล้วก็ค่อยคัดความชอบจริงๆ ของเราออกมา อาจจะเริ่มจากที่เราชอบลายเส้นของคนอื่น แล้วเอามาวาดตาม วาดตามไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งให้เราสร้างเอกลักษณ์ให้แก่งานตัวเอง กว่าเกิร์ลจะหาเอกลักษณ์ของตัวเองได้ก็ใช้เวลาหลายปีเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่ 2-3 ปีด้วยนะคะ แต่มันเกือบจะทั้งชีวิตของเกิร์ลไปแล้วด้วยซ้ำที่กว่าเราจะรู้ตัวเองว่าเราชอบแนวไหนอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเราสามารถเรียนรู้ได้ค่ะ
ถ้าอยากเรียนศิลปะแต่ทางบ้านไม่สนับสนุน
ต้องลดความกลัว อย่าท้อ พยายามพิสูจน์ และหมั่นพัฒนา
อย่างแรกเลย…ถ้าชอบและรักในด้านนี้จริงๆ อย่าเพิ่งหยุดนะคะ เราพยายามพิสูจน์และทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นดีกว่าว่าเราสามารถเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นได้ อย่าเพิ่งไปท้อแท้ว่าเราต้องทำตามคุณพ่อคุณแม่ ชีวิตเราเป็นของเรา หรือถึงแม้ว่าเราจะทำตามที่ท่านบอกก็จริงแต่ถ้าเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นจากใจ สักวันหนึ่งเราก็จะเลิกทำและหันกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่ดี แล้วเราจะเอาเวลาตรงนั้นเสียไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบทำไม ซึ่งมันอาจจะทำให้เป้าหมายของเราช้าไปกว่าเดิมก็ได้ เพราะฉะนั้น เกิร์ลอยากบอกว่าให้น้องๆ เชื่อมั่นในตัวเองมากที่สุด ให้ศรัทธาในตัวเองดีกว่า อยากเป็นอะไรก็เป็นแล้วทำให้ถึงที่สุด
อย่างที่สอง…อยากให้ลดความกลัวของตัวเองแล้วเอาความกล้าเข้าสู้ อันดับแรกคือกล้าที่จะวาด อาจจะยังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ก็ได้ค่ะว่าเราอยากจะเป็นอะไร แนะนำว่าทำยังไงก็ได้ พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราก็ทำได้ เช่น ถ้าเรารักทางด้านนี้จริงๆ วันใดวันหนึ่งเกิร์ลเชื่อว่าเราก็จะต้องมีชื่อเสียงอยู่ดี เราทำยังไงก็ได้ให้เรามีตัวตนในสังคม อาจจะเปิดเพจเฟซบุ๊กอัปงานของตัวเองลงไปเรื่อยๆ ก่อน ตรงนี้แหละค่ะที่จะเป็นจุดที่เราเอาไปแสดงให้ท่านเห็นได้ว่าเราจริงจังกับด้านนี้แค่ไหน เกิร์ลเองก็เคยทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ถึงขั้นตะคอกใส่กันเลย ซึ่งเขาไม่อยากให้เราเรียนศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่มั่นใจว่าเราจะมาทางด้านนี้ได้ แต่เราก็พยายามทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ จนวันนี้กลายเป็นว่าเขาสนับสนุนและยอมรับในความเป็นเราไปแล้ว
ทุกอย่างเกิร์ลตัดสินใจด้วยตัวเอง เราเริ่มต้นมาจากศูนย์ ถ้าสิ่งที่เราเลือกในวันนี้ปลายทางอาจจะล้มเหลว เกิร์ลก็ดีใจนะคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว แต่ถ้าเราต้องล้มเหลวเพราะคนอื่น หรือล้มเหลวจากสิ่งที่เราไม่ได้ทำตามใจตัวเอง เราคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต...
Profile
ชื่อสกุล : ณิชา ทวีเจริญสุข
ชื่อเล่น : เกิร์ล
วันเกิด : 10 เมษายน พ.ศ. 2537
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
อาชีพ : นักวาดภาพประกอบ นักเขียน
ไอดอล : พี่ฮิม เอชพี (HIM HP), พี่ปอม ชาน (Pomme Chan)
3 สิ่งที่นักวาดภาพประกอบ :
1. ระเบียบวินัย
2. ความละเอียดรอบคอบในการทำงาน
3. ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา
ผลงาน :
- วาดภาพประกอบให้กับนิตยสาร Cleo, นิตยสาร Aday
- Live Drawing ในอีเวนต์ให้กับทาง Youtube และ Vouge Magazine
- มีผลงานออกแบบร่วมกับทางแบรนด์ต่างๆ เช่น Modern Diamond, Moleskine, POONRADA.
- นิทรรศการภาพวาดภายใต้แบรนด์อุปกรณ์เครื่องเขียน HHK Intertrade ที่ห้างฯ อมรินทร์ พลาซ่า
- งานเเสดงภาพวาดประกอบ ที่งาน Artmore Exhibition จัดที่ 953 Art Mall (ทองหล่อ ซอย 9) ในปี พ.ศ. 2559
- นิทรรศการ Area Five ที่ Airport Link มักกะสัน
- ผลงานล่าสุดในปี พ.ศ. 2561 นิทรรศการภายใต้แบรนด์ Moleskine ที่ห้างสรรพสินค้าเกษรวิลเลจ
ติดตามผลงานได้ที่ : Facebook : Lafyna
Instragram: Lafynagirl
Twitter: Lafynagirl
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา, Facebook : Lafyna