“แนนโน๊ะ แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าแรด” ทำความรู้จัก “คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล” หรือผู้รับบท “แนนโน๊ะ” ในเด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ตัวจริงเสียงจริง
เปิดตัวกันไปแล้วหลายตอนกับเด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 13 ข่าวฉาวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน ผ่านฝีมือผู้กำกับถึง 9 คน ซึ่งเรื่องราวแต่ละตอนนั้นดำเนินเรื่องโดยเด็กนักเรียนหญิงผู้มีคาแรกเตอร์โดดเด่น และมีเสียงหัวเราะสุดหลอนเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว อย่าง “แนนโน๊ะ” รับบทโดย “คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล” เธอจะเข้าไปเป็นนักเรียนใหม่ของทุกๆ โรงเรียนและคอยเข้าไปเผยเบื้องลึกด้านมืดของคนรอบข้าง
ด้วยฝีมือการแสดงที่ตีบทแตกของ คิทตี้-ชิชา จึงทำให้หลายคนพูดถึงตัวละคร “แนนโน๊ะ” กันอย่างมาก เอาละ! พร้อมเป็นเพื่อนกับแนนโน๊ะแล้วหรือยัง? มาสัมผัสกับเรื่องฉาวๆ ได้แล้วกับเด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ทุกวันพุธ เวลา 22.25 น. ทางโทรทัศน์ช่อง GMM25
• เด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) สร้างจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน
เด็กใหม่ The Series หรือ (Girl From Nowhere The Series) จะเป็นซีรีส์แนว Mysterious-fantasy ที่จบในตอน ทั้ง 13 ตอนจะถูกคลุมด้วยธีมเดียวกันแต่ว่าจะไม่ได้ต่อเนื่องกัน จะเป็นซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ผู้หญิงถูกกระทำ โดนเอาเปรียบและตกเป็นเหยื่อ เช่น เรื่องการโดนแกล้ง ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งถูกข่มขืนค่ะ
• รับบท “แนนโน๊ะ” ตัวเร่งกรรมให้เกิดขึ้นอย่างทันใจ
บทตัวละคร “แนนโน๊ะ” ที่คิทตี้ได้รับ จะเข้าไปเป็นเด็กใหม่ของทุกๆ โรงเรียนที่จะคอยเข้าไปเปิดเผยเบื้องลึกด้านมืดของคนรอบข้าง ในแต่ละตอนเขาจะเหมือนไปเป็นกรรม ไปเร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้รวดเร็วทันใจมากขึ้น ประมาณว่าถ้าเราปล่อยให้กรรมตามทัน อาจจะใช้เวลา 10 ปี 20 ปี 50 ปี หรืออาจจะนานมากกว่านั้นจนเราลืมไปแล้วก็ได้ สิ่งนี้เลยจะถูกแนนโน๊ะเป็นตัวกระทำกลับไปว่าถ้าคุณทำอะไรลงไป คุณจะได้รับผลของการกระทำแบบนั้น
ในเรื่องแนนโน๊ะจะไม่ใช่ทั้งคนและไม่ใช่ทั้งสัตว์นะคะ (หัวเราะ) เราตีความร่วมกันออกมาว่าแนนโน๊ะจะต้องเป็นยูนิคอร์นสีดำ คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรหน่อยๆ ที่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริง คนที่ได้เห็นอาจจะตาฝาด อาจจะเมา หรืออาจจะมีมันจริงๆ ก็ได้
หรือถ้าจะวาดภาพให้เข้าใจง่ายๆ แนนโน๊ะจะเป็นเหมือนงูพิษในสวนเอเดนที่คอยหยิบยื่นแอปเปิลอาบยาพิษให้แก่คนอื่น คือเราจะไม่ได้บีบคอแล้วเอาแอปเปิลยัดใส่ปากเขา แต่เราให้เขาเลือกว่าเขาจะเอาหรือไม่เอา ทำนองนั้นค่ะ
• ถือว่าเป็นบทบาทหนึ่งที่ท้าทายความสามารถในการแสดงไหมคะ
จริงๆ แล้วตัวละคร “แนนโน๊ะ” ก็มีมุมที่คล้ายๆ กับคิทเหมือนกันนะคะ เพราะคิทจะเป็นคนที่ค่อนข้างปิดตัวเองประมาณหนึ่งเหมือนกัน
บทนี้ถ้าจะพูดไปแล้วก็ค่อนข้างยากและท้าทายมากค่ะ ด้วยความที่ตัวละครตัวนี้ไม่ใช่ทั้งคนและสัตว์ การสร้างคาแรกเตอร์ของมันขึ้นมาก็เป็นอะไรที่ยากพอสมควร เพราะเราต้องก้าวข้ามการมองว่ามนุษย์เป็นมนุษย์ แต่เราต้องมองว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิต เกิดขึ้น-มีอยู่ แล้วก็ดับไป มันทำให้เราต้องคัดความรู้สึกหลายๆ อย่างออกมาจากการแสดง ต้องทำให้คนดูสัมผัสได้ว่าเราไม่ใช่คน
คิทโชคดีที่ได้ทีมเคเอทีฟ และครูบิว อรพรรณ อาจสมรรถ กับครูโน่ กรินทร์ ใบไพศาลที่เข้ามาช่วยสอนการแสดง ซึ่งครูจะตีความประมาณว่าถ้าเราไม่ใช่คน เราไม่ได้ต้องกินข้าวเพื่อการอยู่รอด เราไม่ได้มีความรู้สึกอะไรขนาดนั้น เราจะแสดงออกมายังไงได้บ้าง เช่น การเคลื่อนไหวร่างกาย การใช้สายตา หรือแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแนนโน๊ะ ซึ่งคิทก็ได้ออกไอเดียไปบ้างว่าเราอยากเล่นออกมาแบบไหน
อย่างทรงผม เราก็ต้องตัดจริงๆ นะคะ เป็นทรงที่ไม่คิดว่าจะตัดด้วยซ้ำ เพราะมันอยู่ตรงเส้นที่อันตรายนะคะ ถ้าตัดแล้วออกมาไม่ดีมันก็เละเทะได้เรื่องอยู่เหมือนกัน เป็นทรงผมที่คงไม่มีใครอยากตัดเท่าไหร่ (หัวเราะ)
หรืออย่างชุดนักเรียนในซีรีส์เรื่องนี้คิทได้ใส่ถึง 11 ชุด ได้ใส่ครบทุกรูปแบบ ทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนอินเตอร์ โรงเรียนไทยเอกชน ซึ่งชุดที่คิทชอบจะเป็นชุดกระโปรงแดงและเป็นเสื้อปล่อยชายเพราะว่าใส่สบายมาก เราพอใจแล้วนะที่ในชีวิตนี้ได้ใส่ชุดนักเรียนครบหมดเลย (หัวเราะ) บทแนนโน๊ะจึงถือได้ว่าเป็นบทที่คิทตี้ภูมิใจที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ
• เตรียมพร้อมก่อนจะมารับบทนี้อย่างไรบ้าง
วันที่ไปแคสติ้ง พี่ๆ ทีมแคสติ้งเขาก็จะแจ้งให้ทราบก่อนนะคะว่าถ้าเราเล่นบทนี้จะหนักมากเลยนะ เราจะโอเคหรือเปล่าที่จะเอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มเทให้กับซีรีส์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะคนอื่นเขามาเล่น 1 ตอนแล้วก็ไป แต่เราต้องอยู่ทุกตอน งานจะไม่มีหยุดอยู่กับที่ด้วย ไม่ใช่ว่าถ่าย 1 ตอนแล้วได้พัก แต่เรื่องนี้คือจะต้องถ่าย 1 ตอนแล้วถ่ายตอนอื่นต่อ รันติดกันเกือบทั้งหมดเลย เราอาจจะไม่ได้รับงานอื่นๆ เลยนะ ซึ่งคิทก็โอเคนะคะ
คิทใช้เวลารอผลสรุปว่าเราแคสติ้งผ่าน พอคอนเฟิร์มแล้วว่าคิทได้รับบทนี้แน่ๆ คิทก็ได้ไปเวิร์กชอปประมาณเกือบ 10 ครั้ง เป็นการเวิร์กชอปเราคนเดียวเพื่อที่จะต้องสร้างคาแรกเตอร์ว่าคาแรกเตอร์ที่คิทได้รับจะต้องเป็นประมาณไหนค่ะ
• ทราบมาว่าพอคิทตี้ได้เห็นบทที่มีฉากถูกข่มขืนและถูกฆ่าทิ้ง แล้วอยากเล่น?
ตอนที่ได้ไปแคสติ้ง คิทได้เห็นบทประมาณ 2 ฉาก หนึ่งในนั้นจะเป็นฉากที่ต้องถูกข่มขืนและฉากถูกฆ่าทิ้ง แล้วตอนที่คิทได้เห็นบทเราก็รู้สึกว่าเราอยากเล่นบทนี้จังเลย อยากเล่นมาก อยากทำมาก เพราะมันน่าจะท้าทายความสามารถของเราและทำให้เราก้าวข้ามสิ่งที่เคยทำได้ขึ้นไป
ส่วนตัวคิทจะมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เราเคยอ่านมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ชื่อว่า “คลังสยองขวัญลงหลุม” ตัวการ์ตูนที่เป็นนางเอกชื่อ “โทมิเอะ” ในเรื่องเขาจะตัดผมหน้าม้าไว้ผมยาวและมีไฝที่เดียวกันกับเรา คิทชอบตัวละครตัวนี้มาก แล้วยิ่งพอได้เห็นบท “แนนโน๊ะ” คิทเลยคิดว่าเราสามารถที่จะเล่นบทนี้แล้วแอบเป็นตัวการ์ตูนที่เราชอบได้นิดนึงเหมือนกันนะ
• เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 13 ตอน และคิทตี้ต้องร่วมงานกับผู้กำกับถึง 9 คนเลย
การทำงานกับผู้กำกับ 9 คน (ผู้กำกับ คมกฤษ ตรีวิมล, ไพรัช คุ้มวัน, สิทธิศิริ มงคลศิริ, อภิวัฒน์ สุภธีระพงษ์, ธีร์ธวัช ใต้ฟ้ายงวิจิตร, จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์, ศิววุฒิ เสวตานนท์, วรายุ รักษ์กุล และชัยอนันต์ สร้อยจำปา) ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างอยู่แล้วในหลายๆ ส่วน แต่คิทโชคดีที่พี่ๆ ผู้กำกับทั้ง 9 คน น่ารักและค่อนข้างที่จะห่วงใยเราประมาณหนึ่ง จะถามเสมอว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเราก็ได้แอบเห็นว่าผู้กำกับแต่ละคนมีการแข่งกันเองอยู่หน่อยๆ ประมาณว่าแอบได้ยินว่าตอนนั้นมีแบบนั้น ตอนนั้นมีแบบนี้ พี่ขออันนี้หน่อยนะ พี่ไม่อยากแพ้ (หัวเราะ) แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับแต่ละท่านมีแตกต่างกันชัดเจนนั่นก็คือสไตล์การทำงานของแต่ละคน พี่บางคนก็จะใจดีพูดจาเพราะ บางคนก็จะเป็นคนที่จะมีความล้งเล้งหน่อย แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็อยากให้งานออกมาดีเหมือนกันหมดทุกคนค่ะ
ถ้าถามถึงตอนที่ประทับใจที่สุด คิทไม่สามารถเลือกได้ว่าเราชอบตอนไหนมากที่สุด ส่วนตัวคิทจะชอบทั้งหมด 13 ตอนที่นำมาประกอบรวมกันเป็น เด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ค่ะ มันเหมือนกับว่าคนดูจะได้ขึ้นรถไฟเหาะไปด้วยกัน เพราะเรามีการร่วมงานกับผู้กำกับถึง 9 คน รสชาติแต่ละตอนเรียกได้ว่าหลากหลายอารมณ์อยู่แล้ว เช่น บางตอนอาจจะได้เห็นด้านที่ชั่วร้ายมากๆ ของแนนโน๊ะ บางตอนก็อาจจะได้เห็นมุมที่กวนมากๆ มีความหลากหลายมากจริงๆ ค่ะ
• อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เกิดจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน ส่วนตัวเราได้ติดตามหรือเห็นข่าวแนวนี้มาก่อนบ้างไหมคะ
คิทได้อ่านข่าวมาเรื่อยๆ ประมาณหนึ่ง แล้วก็ได้เห็นว่าข่าวเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนมีมาอย่างยาวนาน ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่จะมีสไตล์ในการเกิดขึ้นแทน เช่น จากเมื่อก่อนอาจจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในซึ่งถ้าเรื่องไม่ร้ายแรงมากก็อาจจะไม่ได้หลุดออกมาถึงหูคนภายนอก แต่เดี๋ยวนี้มีสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เข้าถึงได้ง่าย หลายๆ ข่าวจึงถูกเปิดโปงมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนขึ้น
ในมุมหนึ่งคิทรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านะคะ เพราะว่าเราก็อยากจะให้โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย สถานที่ที่สร้างอนาคตของชาติ มันไม่ควรที่จะเป็นสถานที่ที่มีความรุนแรงอะไรเลยทั้งนั้น แต่จากข่าวบางข่าวที่มีออกมา มันสามารถย้ำเตือนและบอกกับเราได้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันยังมีอยู่นะ ถึงคุณจะไม่ได้เห็น แต่มันก็ยังมีอยู่ แล้วเราก็ไม่รู้หรอกว่าวันไหนที่ตัวเราหรือคนใกล้ตัวเราอาจจะต้องไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
• อย่างในซีรีส์มีเรื่องเกี่ยวกับครูด้วย เรามีมุมเรื่องเกี่ยวกับครูยังไงบ้าง เพราะช่วงหลังๆ มานี้มีข่าวไม่ดีของครูออกมาบ่อยอยู่เหมือนกัน
คิทมองว่าไม่ว่าจะสังคมไหนก็ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เช่นกันครูก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่ในเมื่อมีครูที่ไม่ดี คุณครูคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องมองว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเรา เพราะเราเป็นคนดี เขาไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับเรา คนที่ไม่ดีก็ควรถูกลงโทษหรือถูกสังคมประณาม
ส่วนตัวคิทว่าเวลามีข่าวเกี่ยวกับคุณครูที่ไม่ดี คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้มองเป็นภาพรวมหรอกค่ะ เขามองเป็นบุคคล เฉพาะเจาะจงมากกว่า แล้วก็น่าแยกแยะได้ว่า ถ้าคนคนหนึ่งทำไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งองค์กรจะต้องผิดไปทั้งหมด
อย่างในซีรีส์ EP.1 “เด็กแรด หรือครูเลว” เราก็จะสะท้อนมุมมองครูที่แตกต่างกันว่า มีครูที่คอยช่วยเหลือเด็ก อยู่ข้างเด็ก อาจจะไม่มีใครเข้าใจ แต่ว่าคนที่ทำดีสุดท้ายเวลาจะพิสูจน์เอง แต่กลับกันถ้าคุณเป็นคนไม่ดี ต่อให้ทุกคนรักคุณ วันหนึ่งความชั่วของคุณก็จะถูกตีแผ่ขึ้นมา อยู่ที่ว่าเร็วหรือช้าแค่นั้นเองค่ะ
• ประโยชน์ที่คิดว่าคนดูจะได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรบ้างคะ
แนนโน๊ะจะเป็นตัวแทนให้กับใครหลายๆ คนได้ ถ้าคุณเคยเป็นคนที่อ่อนแอ เป็นคนที่เคยถูกกระทำมา แนนโน๊ะจะเป็นตัวที่ทำให้คุณสะใจได้ อย่างน้อยมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง แต่ว่าเราก็ไม่ได้หวังว่าจะมีใครทำตามแบบที่เราทำนะคะ เพราะแนนโน๊ะไม่ใช่คน แนนโน๊ะเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตาย เขาจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว
ซีรีส์เรื่องนี้ติดเรตที่ 18+ นะคะ (เป็นรายการที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี, ซึ่งจะเน้นหนักว่า ให้ผู้ปกครองแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะมีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสำหรับคนในวัยดังกล่าว)
ดังนั้น อย่างแรกเลยคิทหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้นั่งดูกับลูกๆ และสอนเขาไปด้วย เพราะบางทีการปิดกั้นไปเลย หรือห้ามไปเลยอาจจะทำให้ลูกเลือกที่จะหลบหนี ปิดบังบางเรื่อง แต่การที่เราลองเปิดใจกับเขา แล้วคุยกันว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี หรือถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต้องแก้ไขยังไง พ่อแม่จะปกป้องพวกเขายังไงน่าจะดีกว่า
อีกมุมหนึ่งถ้าเป็นไปได้คิทก็อยากให้คุณครูได้ดูซีรีส์เรื่องนี้กับเด็กนักเรียนด้วยนะคะ แล้วก็บอกเขาว่ามันเป็นยังไง เราไม่ได้พยายามเสี้ยมให้เด็กเกลียดคุณครู หรือเกลียดโรงเรียน แต่เราอยากให้ทุกคนเข้าใจกัน
อย่างที่สอง คิทหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้มันน่าจะช่วยทำให้ครู ผู้ปกครองสามารถพูดคุยกับเด็กๆ ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่เกี่ยวกับเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ คิทเชื่อว่าเด็กเขาไม่รู้ว่าต้องแก้ปัญหายังไง เด็กไม่รู้หรอกค่ะว่าต้องโทร.ไปที่ไหน หรือจะบอกใครได้บ้าง คิทมองว่าเหยื่อคือคนที่น่าสงสารนะ บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะหันหน้าไปหาใคร หลายครั้งเราต้องเห็นเหยื่อต้องเสียใจและโทษตัวเองว่าเป็นคนทำผิด เป็นเรื่องที่น่าอายที่ตัวเองจะออกมาประจานว่าถูกกระทำอะไรลงไป ตรงนี้เราอยากให้เขากล้าลุกขึ้นมายืนหยัดและพูดได้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันเป็นคนที่ถูกรังแก คนที่จะรู้สึกผิดคือคนที่เขากระทำต่างหาก
หรืออย่างเรื่องเพศสัมพันธ์ก็เช่นกัน จริงอยู่ที่สังคมไทยอาจจะยังไม่กล้าเปิดเผยหรือกล้าคุยเรื่องเพศกันเท่าไหร่ เด็กๆ อาจจะไม่กล้าพูด ไม่กล้าเล่า ไม่กล้าคุยกับครู กับผู้ปกครองเลยด้วยซ้ำ ตรงนี้ก็อาจจะทำให้กล้าที่จะพูดคุยถึงทางออกและทางแก้ปัญหาร่วมกันว่าถ้าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ เราจะจัดการกับมันยังไง เพื่อที่จะปกป้องคนที่เรารักได้
ส่วนตัวเท่าที่คิทผ่านวัยเด็กมาก่อน คิทก็เคยมีเรื่องที่ไม่กล้าคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่กล้าคุยกับคุณครูเช่นกัน เช่น เรื่องที่เราโดนแกล้งในโรงเรียน ซึ่งเด็กจะรู้สึกว่าถ้าบอกพ่อแม่ไป พ่อแม่ก็แก้ปัญหาให้ไม่ได้ บอกคุณครูคุณครูก็แก้ปัญหาให้ไม่ได้ ยิ่งไปเล่าให้ใครฟังอาจจะโดนแกล้งหนักกว่าเดิมอีก ไม่รู้จะทำยังไงดี ต้องหาทางออกด้วยตัวเอง ซึ่งคิทก็มีโอกาสได้เห็นว่าเด็กบางคนพอโดนแกล้งบ่อยๆ ก็กลายเป็นเด็กเกเรเพื่อที่จะได้ไม่ถูกแกล้งอีกก็มี เพราะน้องๆ ยังเด็กอยู่ อาจจะมีการแก้ปัญหาได้ไม่ดีพอ ซึ่งการได้รับคำแนะนำในเรื่องต่างๆ จากทางผู้ใหญ่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า และมันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าเรากล้าที่จะพูดคุยกันมากขึ้นค่ะ
• ในมุมกลับกันล่ะคะ คิดว่ามันจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า
ด้วยความเป็นซีรีส์มันจึงมีการผลักทุกอย่างให้รุนแรงเป็นพิเศษอยู่แล้ว คิทเข้าใจทุกคนนะคะแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะทำออกมาให้ทุกคนชอบได้ทั้งหมด มันไม่สามารถเข้าถึงคนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เรารู้สึกว่าการที่เรานำเสนอในสิ่งที่สวยงามมันอาจจะไม่ได้ทำให้เห็นว่าในสังคมเรามันมีเรื่องแย่ๆ อยู่ ซีรีส์นี้อาจจะเป็นยาขม เป็นยาที่ลำบากใจในการกินเข้าไปหน่อย แต่เราเชื่อว่าคนที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะได้เห็นผลลัพธ์ว่าการที่ทำไม่ดีจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดียังไง
• เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ให้ได้ชมกันไปหลายตอนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จไหม กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
กระแสตอบรับที่ออกมาหลังจากออกไปเพียงไม่กี่ EP. คิทและทีมงานก็รู้สึกดีใจนะคะที่คนดูชอบ เพราะโลกในความเป็นจริงคิทก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งแต่พอเราเป็นแนนโน๊ะเราสามารถที่จะสอดแทรกความหลอนลงไปจนคนดูรู้สึกได้ คือเราไม่ได้ถ่ายในป่าช้า ไม่ได้ถ่ายในบ้านร้าง แต่ละฉากจะถ่ายที่โรงเรียน บางฉากก็ถ่ายกลางแดดด้วยซ้ำ แต่มันยังมีความหลอนที่แพร่ออกมา ก็ถือว่าคิทประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งก้าวที่สามารถทำให้คนดูเชื่อได้ว่าตัวละครตัวนี้ไม่ปกติ
คิทมองว่าการประสบความสำเร็จมันไม่สิ้นสุดนะคะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องก้าวไปข้างหน้า แล้วการเป็นแนนโน๊ะคิทว่าคิทได้ก้าวข้ามสิ่งที่เราเคยทำได้แล้วก่อนหน้านี้ไปอีกจุดหนึ่ง ตอนนี้มีคนดูจำนวนมากที่มาดูและชื่นชอบในตัวละครตัวนี้ แต่ว่านี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ EP. ยังเหลืออีกหลาย EP. คิทก็ไม่อยากนิ่งนอนใจว่าเราทำสำเร็จแล้ว ก็อยากจะค่อยๆ ก้าวต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
• นอกจากบทท้าทายอย่างแนนโน๊ะแล้ว มีบทบาทไหนที่คิทตี้อยากเล่นอีกบ้างคะ
คิทอยากรับบทคนพิการค่ะ เพราะว่าเราอยากลองเล่นเป็นคนที่เขาขาดความสามารถบางอย่างที่เราคุ้นเคยกับมัน เช่น ถ้าเราเดินไม่ได้จริงๆ แบบไม่ใช่ว่าเราแกล้งเดินไม่ได้ แต่มันไม่สามารถใช้งานได้เลย หรือมันไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเลย มันน่าจะตื่นเต้นดี
อีกบาทบาทหนึ่งคือ คิทอยากรับบทบุคคลที่อาจจะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาในการแสดงเขาจะบอกว่าห้ามไปลอก ห้ามไปก๊อบปี้ใคร แต่ถ้าเราเล่นบทนี้เราต้องลอกให้สมบูรณ์แบบที่สุด เราจะทำมันออกมาได้ดีแค่ไหน ก็อยากจะลองดูค่ะ
ส่วนความฝันสูงสุดในชีวิต ถ้าเป็นไปได้วันหนึ่งที่คิทพร้อม คิทสามารถจะกำกับหรือเล่าให้คนอื่นฟังได้ คิทก็อยากจะก้าวไปอยู่ในฐานะผู้กำกับบ้างเหมือนกันค่ะ
• ท้ายนี้สมมติว่าถ้าวันหนึ่งได้รู้จักกับคนที่เหมือน “แนนโน๊ะ” ในชีวิตจริงล่ะ จะทำยังไง
เอาจริงๆ ถ้าวันหนึ่งคิทได้รู้จักกับคนที่เหมือน “แนนโน๊ะ” ในชีวิตจริง คิทจะเป็นเพื่อนกับเขานะคะ เราจะคอยอยู่ข้างๆ เขา เพราะถ้าเราเป็นคนดีก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแนนโน๊ะ และถ้าวันหนึ่งเกิดเรื่องร้ายๆ หรือเรื่องที่ไม่ดีในชีวิต ก็จะมีแนนโน๊ะนี่แหละค่ะที่จะคอยจัดการให้เราอย่างสาสม เราจะปลอดภัยแน่นอน (หัวเราะ)
Profile
ชื่อสกุล : ชิชา อมาตยกุล
ชื่อเล่น : คิทตี้
วันเกิด : 5 สิงหาคม พ.ศ. 2536
การศึกษา : ปริญญาตรี
อาชีพ : นักร้อง, นักแสดง และนางแบบ
ผลงานต่างๆ :
•อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป วงคิส มี ไฟว์ (Kiss Me Five) สังกัดค่ายกามิกาเซ่ สังกัดอาร์เอส โดยมีผลงานเพลงร่วมกับวง Kiss me five ได้แก่ เพลง Morning kiss เพลง ไวต่อความรู้สึก (Sensitive) และเพลงคิดก่อนทิ้ง (One Last Chance)
ภาพยนตร์
•ซิงเกิลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน (Single Lady)
•บุปผาอาริกาโตะ (Buppah Arigato)
•เน็ตไอดาย #สวยตายล่ะมึง!
ซิตคอม / ซีรีส์
•ขาสั้นครัวซอง
•จุดนัดภพ ปี 2 EP 23, 24, 25 รับบท สายป่าน
•รักนี้ผีคุ้ม ตอน พ่อหนูเป็นผี
•รับแซ่บ my boss รับบท พิมพ์
•ปริศนาอาฆาต รับบท พยาบาลเกต
•Love Songs Love Stories เพลง คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ รับบท จีน
•Love blood จัดรักให้ตรงกรุ๊ป
•เด็กใหม่ Girl from Nowhere รับบท แนนโน๊ะ
มิวสิกวิดีโอ
•เพลง หมดโควตา วง บุดด้า เบลส
•เพลง แฟน เป้ อารักษ์
•เพลง รอยแผล วง ดีเทล
•เพลง คนไม่จำเป็น วง เก็ทสึโนว่า
•เพลง สิ่งแทนใจ วง เรโทรสเปกต์
•เพลง ให้เธอได้ฟัง(Heavy Heart)เพลง ให้เธอได้ฟัง(Heavy Heart) วง New Mandarin
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
เปิดตัวกันไปแล้วหลายตอนกับเด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 13 ข่าวฉาวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน ผ่านฝีมือผู้กำกับถึง 9 คน ซึ่งเรื่องราวแต่ละตอนนั้นดำเนินเรื่องโดยเด็กนักเรียนหญิงผู้มีคาแรกเตอร์โดดเด่น และมีเสียงหัวเราะสุดหลอนเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว อย่าง “แนนโน๊ะ” รับบทโดย “คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล” เธอจะเข้าไปเป็นนักเรียนใหม่ของทุกๆ โรงเรียนและคอยเข้าไปเผยเบื้องลึกด้านมืดของคนรอบข้าง
ด้วยฝีมือการแสดงที่ตีบทแตกของ คิทตี้-ชิชา จึงทำให้หลายคนพูดถึงตัวละคร “แนนโน๊ะ” กันอย่างมาก เอาละ! พร้อมเป็นเพื่อนกับแนนโน๊ะแล้วหรือยัง? มาสัมผัสกับเรื่องฉาวๆ ได้แล้วกับเด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ทุกวันพุธ เวลา 22.25 น. ทางโทรทัศน์ช่อง GMM25
• เด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) สร้างจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน
เด็กใหม่ The Series หรือ (Girl From Nowhere The Series) จะเป็นซีรีส์แนว Mysterious-fantasy ที่จบในตอน ทั้ง 13 ตอนจะถูกคลุมด้วยธีมเดียวกันแต่ว่าจะไม่ได้ต่อเนื่องกัน จะเป็นซีรีส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ผู้หญิงถูกกระทำ โดนเอาเปรียบและตกเป็นเหยื่อ เช่น เรื่องการโดนแกล้ง ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งถูกข่มขืนค่ะ
• รับบท “แนนโน๊ะ” ตัวเร่งกรรมให้เกิดขึ้นอย่างทันใจ
บทตัวละคร “แนนโน๊ะ” ที่คิทตี้ได้รับ จะเข้าไปเป็นเด็กใหม่ของทุกๆ โรงเรียนที่จะคอยเข้าไปเปิดเผยเบื้องลึกด้านมืดของคนรอบข้าง ในแต่ละตอนเขาจะเหมือนไปเป็นกรรม ไปเร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้รวดเร็วทันใจมากขึ้น ประมาณว่าถ้าเราปล่อยให้กรรมตามทัน อาจจะใช้เวลา 10 ปี 20 ปี 50 ปี หรืออาจจะนานมากกว่านั้นจนเราลืมไปแล้วก็ได้ สิ่งนี้เลยจะถูกแนนโน๊ะเป็นตัวกระทำกลับไปว่าถ้าคุณทำอะไรลงไป คุณจะได้รับผลของการกระทำแบบนั้น
ในเรื่องแนนโน๊ะจะไม่ใช่ทั้งคนและไม่ใช่ทั้งสัตว์นะคะ (หัวเราะ) เราตีความร่วมกันออกมาว่าแนนโน๊ะจะต้องเป็นยูนิคอร์นสีดำ คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรหน่อยๆ ที่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริง คนที่ได้เห็นอาจจะตาฝาด อาจจะเมา หรืออาจจะมีมันจริงๆ ก็ได้
หรือถ้าจะวาดภาพให้เข้าใจง่ายๆ แนนโน๊ะจะเป็นเหมือนงูพิษในสวนเอเดนที่คอยหยิบยื่นแอปเปิลอาบยาพิษให้แก่คนอื่น คือเราจะไม่ได้บีบคอแล้วเอาแอปเปิลยัดใส่ปากเขา แต่เราให้เขาเลือกว่าเขาจะเอาหรือไม่เอา ทำนองนั้นค่ะ
• ถือว่าเป็นบทบาทหนึ่งที่ท้าทายความสามารถในการแสดงไหมคะ
จริงๆ แล้วตัวละคร “แนนโน๊ะ” ก็มีมุมที่คล้ายๆ กับคิทเหมือนกันนะคะ เพราะคิทจะเป็นคนที่ค่อนข้างปิดตัวเองประมาณหนึ่งเหมือนกัน
บทนี้ถ้าจะพูดไปแล้วก็ค่อนข้างยากและท้าทายมากค่ะ ด้วยความที่ตัวละครตัวนี้ไม่ใช่ทั้งคนและสัตว์ การสร้างคาแรกเตอร์ของมันขึ้นมาก็เป็นอะไรที่ยากพอสมควร เพราะเราต้องก้าวข้ามการมองว่ามนุษย์เป็นมนุษย์ แต่เราต้องมองว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิต เกิดขึ้น-มีอยู่ แล้วก็ดับไป มันทำให้เราต้องคัดความรู้สึกหลายๆ อย่างออกมาจากการแสดง ต้องทำให้คนดูสัมผัสได้ว่าเราไม่ใช่คน
คิทโชคดีที่ได้ทีมเคเอทีฟ และครูบิว อรพรรณ อาจสมรรถ กับครูโน่ กรินทร์ ใบไพศาลที่เข้ามาช่วยสอนการแสดง ซึ่งครูจะตีความประมาณว่าถ้าเราไม่ใช่คน เราไม่ได้ต้องกินข้าวเพื่อการอยู่รอด เราไม่ได้มีความรู้สึกอะไรขนาดนั้น เราจะแสดงออกมายังไงได้บ้าง เช่น การเคลื่อนไหวร่างกาย การใช้สายตา หรือแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแนนโน๊ะ ซึ่งคิทก็ได้ออกไอเดียไปบ้างว่าเราอยากเล่นออกมาแบบไหน
อย่างทรงผม เราก็ต้องตัดจริงๆ นะคะ เป็นทรงที่ไม่คิดว่าจะตัดด้วยซ้ำ เพราะมันอยู่ตรงเส้นที่อันตรายนะคะ ถ้าตัดแล้วออกมาไม่ดีมันก็เละเทะได้เรื่องอยู่เหมือนกัน เป็นทรงผมที่คงไม่มีใครอยากตัดเท่าไหร่ (หัวเราะ)
หรืออย่างชุดนักเรียนในซีรีส์เรื่องนี้คิทได้ใส่ถึง 11 ชุด ได้ใส่ครบทุกรูปแบบ ทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนอินเตอร์ โรงเรียนไทยเอกชน ซึ่งชุดที่คิทชอบจะเป็นชุดกระโปรงแดงและเป็นเสื้อปล่อยชายเพราะว่าใส่สบายมาก เราพอใจแล้วนะที่ในชีวิตนี้ได้ใส่ชุดนักเรียนครบหมดเลย (หัวเราะ) บทแนนโน๊ะจึงถือได้ว่าเป็นบทที่คิทตี้ภูมิใจที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ
• เตรียมพร้อมก่อนจะมารับบทนี้อย่างไรบ้าง
วันที่ไปแคสติ้ง พี่ๆ ทีมแคสติ้งเขาก็จะแจ้งให้ทราบก่อนนะคะว่าถ้าเราเล่นบทนี้จะหนักมากเลยนะ เราจะโอเคหรือเปล่าที่จะเอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มเทให้กับซีรีส์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะคนอื่นเขามาเล่น 1 ตอนแล้วก็ไป แต่เราต้องอยู่ทุกตอน งานจะไม่มีหยุดอยู่กับที่ด้วย ไม่ใช่ว่าถ่าย 1 ตอนแล้วได้พัก แต่เรื่องนี้คือจะต้องถ่าย 1 ตอนแล้วถ่ายตอนอื่นต่อ รันติดกันเกือบทั้งหมดเลย เราอาจจะไม่ได้รับงานอื่นๆ เลยนะ ซึ่งคิทก็โอเคนะคะ
คิทใช้เวลารอผลสรุปว่าเราแคสติ้งผ่าน พอคอนเฟิร์มแล้วว่าคิทได้รับบทนี้แน่ๆ คิทก็ได้ไปเวิร์กชอปประมาณเกือบ 10 ครั้ง เป็นการเวิร์กชอปเราคนเดียวเพื่อที่จะต้องสร้างคาแรกเตอร์ว่าคาแรกเตอร์ที่คิทได้รับจะต้องเป็นประมาณไหนค่ะ
• ทราบมาว่าพอคิทตี้ได้เห็นบทที่มีฉากถูกข่มขืนและถูกฆ่าทิ้ง แล้วอยากเล่น?
ตอนที่ได้ไปแคสติ้ง คิทได้เห็นบทประมาณ 2 ฉาก หนึ่งในนั้นจะเป็นฉากที่ต้องถูกข่มขืนและฉากถูกฆ่าทิ้ง แล้วตอนที่คิทได้เห็นบทเราก็รู้สึกว่าเราอยากเล่นบทนี้จังเลย อยากเล่นมาก อยากทำมาก เพราะมันน่าจะท้าทายความสามารถของเราและทำให้เราก้าวข้ามสิ่งที่เคยทำได้ขึ้นไป
ส่วนตัวคิทจะมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เราเคยอ่านมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ชื่อว่า “คลังสยองขวัญลงหลุม” ตัวการ์ตูนที่เป็นนางเอกชื่อ “โทมิเอะ” ในเรื่องเขาจะตัดผมหน้าม้าไว้ผมยาวและมีไฝที่เดียวกันกับเรา คิทชอบตัวละครตัวนี้มาก แล้วยิ่งพอได้เห็นบท “แนนโน๊ะ” คิทเลยคิดว่าเราสามารถที่จะเล่นบทนี้แล้วแอบเป็นตัวการ์ตูนที่เราชอบได้นิดนึงเหมือนกันนะ
• เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 13 ตอน และคิทตี้ต้องร่วมงานกับผู้กำกับถึง 9 คนเลย
การทำงานกับผู้กำกับ 9 คน (ผู้กำกับ คมกฤษ ตรีวิมล, ไพรัช คุ้มวัน, สิทธิศิริ มงคลศิริ, อภิวัฒน์ สุภธีระพงษ์, ธีร์ธวัช ใต้ฟ้ายงวิจิตร, จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์, ศิววุฒิ เสวตานนท์, วรายุ รักษ์กุล และชัยอนันต์ สร้อยจำปา) ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างอยู่แล้วในหลายๆ ส่วน แต่คิทโชคดีที่พี่ๆ ผู้กำกับทั้ง 9 คน น่ารักและค่อนข้างที่จะห่วงใยเราประมาณหนึ่ง จะถามเสมอว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเราก็ได้แอบเห็นว่าผู้กำกับแต่ละคนมีการแข่งกันเองอยู่หน่อยๆ ประมาณว่าแอบได้ยินว่าตอนนั้นมีแบบนั้น ตอนนั้นมีแบบนี้ พี่ขออันนี้หน่อยนะ พี่ไม่อยากแพ้ (หัวเราะ) แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับแต่ละท่านมีแตกต่างกันชัดเจนนั่นก็คือสไตล์การทำงานของแต่ละคน พี่บางคนก็จะใจดีพูดจาเพราะ บางคนก็จะเป็นคนที่จะมีความล้งเล้งหน่อย แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็อยากให้งานออกมาดีเหมือนกันหมดทุกคนค่ะ
ถ้าถามถึงตอนที่ประทับใจที่สุด คิทไม่สามารถเลือกได้ว่าเราชอบตอนไหนมากที่สุด ส่วนตัวคิทจะชอบทั้งหมด 13 ตอนที่นำมาประกอบรวมกันเป็น เด็กใหม่ The Series (Girl From Nowhere The Series) ค่ะ มันเหมือนกับว่าคนดูจะได้ขึ้นรถไฟเหาะไปด้วยกัน เพราะเรามีการร่วมงานกับผู้กำกับถึง 9 คน รสชาติแต่ละตอนเรียกได้ว่าหลากหลายอารมณ์อยู่แล้ว เช่น บางตอนอาจจะได้เห็นด้านที่ชั่วร้ายมากๆ ของแนนโน๊ะ บางตอนก็อาจจะได้เห็นมุมที่กวนมากๆ มีความหลากหลายมากจริงๆ ค่ะ
• อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เกิดจากข่าวที่เคยเกิดขึ้นจริงในรั้วโรงเรียน ส่วนตัวเราได้ติดตามหรือเห็นข่าวแนวนี้มาก่อนบ้างไหมคะ
คิทได้อ่านข่าวมาเรื่อยๆ ประมาณหนึ่ง แล้วก็ได้เห็นว่าข่าวเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนมีมาอย่างยาวนาน ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่จะมีสไตล์ในการเกิดขึ้นแทน เช่น จากเมื่อก่อนอาจจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในซึ่งถ้าเรื่องไม่ร้ายแรงมากก็อาจจะไม่ได้หลุดออกมาถึงหูคนภายนอก แต่เดี๋ยวนี้มีสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เข้าถึงได้ง่าย หลายๆ ข่าวจึงถูกเปิดโปงมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนขึ้น
ในมุมหนึ่งคิทรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านะคะ เพราะว่าเราก็อยากจะให้โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย สถานที่ที่สร้างอนาคตของชาติ มันไม่ควรที่จะเป็นสถานที่ที่มีความรุนแรงอะไรเลยทั้งนั้น แต่จากข่าวบางข่าวที่มีออกมา มันสามารถย้ำเตือนและบอกกับเราได้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันยังมีอยู่นะ ถึงคุณจะไม่ได้เห็น แต่มันก็ยังมีอยู่ แล้วเราก็ไม่รู้หรอกว่าวันไหนที่ตัวเราหรือคนใกล้ตัวเราอาจจะต้องไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
• อย่างในซีรีส์มีเรื่องเกี่ยวกับครูด้วย เรามีมุมเรื่องเกี่ยวกับครูยังไงบ้าง เพราะช่วงหลังๆ มานี้มีข่าวไม่ดีของครูออกมาบ่อยอยู่เหมือนกัน
คิทมองว่าไม่ว่าจะสังคมไหนก็ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เช่นกันครูก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่ในเมื่อมีครูที่ไม่ดี คุณครูคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องมองว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเรา เพราะเราเป็นคนดี เขาไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับเรา คนที่ไม่ดีก็ควรถูกลงโทษหรือถูกสังคมประณาม
ส่วนตัวคิทว่าเวลามีข่าวเกี่ยวกับคุณครูที่ไม่ดี คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้มองเป็นภาพรวมหรอกค่ะ เขามองเป็นบุคคล เฉพาะเจาะจงมากกว่า แล้วก็น่าแยกแยะได้ว่า ถ้าคนคนหนึ่งทำไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งองค์กรจะต้องผิดไปทั้งหมด
อย่างในซีรีส์ EP.1 “เด็กแรด หรือครูเลว” เราก็จะสะท้อนมุมมองครูที่แตกต่างกันว่า มีครูที่คอยช่วยเหลือเด็ก อยู่ข้างเด็ก อาจจะไม่มีใครเข้าใจ แต่ว่าคนที่ทำดีสุดท้ายเวลาจะพิสูจน์เอง แต่กลับกันถ้าคุณเป็นคนไม่ดี ต่อให้ทุกคนรักคุณ วันหนึ่งความชั่วของคุณก็จะถูกตีแผ่ขึ้นมา อยู่ที่ว่าเร็วหรือช้าแค่นั้นเองค่ะ
• ประโยชน์ที่คิดว่าคนดูจะได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรบ้างคะ
แนนโน๊ะจะเป็นตัวแทนให้กับใครหลายๆ คนได้ ถ้าคุณเคยเป็นคนที่อ่อนแอ เป็นคนที่เคยถูกกระทำมา แนนโน๊ะจะเป็นตัวที่ทำให้คุณสะใจได้ อย่างน้อยมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง แต่ว่าเราก็ไม่ได้หวังว่าจะมีใครทำตามแบบที่เราทำนะคะ เพราะแนนโน๊ะไม่ใช่คน แนนโน๊ะเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ตาย เขาจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว
ซีรีส์เรื่องนี้ติดเรตที่ 18+ นะคะ (เป็นรายการที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี, ซึ่งจะเน้นหนักว่า ให้ผู้ปกครองแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะมีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสำหรับคนในวัยดังกล่าว)
ดังนั้น อย่างแรกเลยคิทหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้นั่งดูกับลูกๆ และสอนเขาไปด้วย เพราะบางทีการปิดกั้นไปเลย หรือห้ามไปเลยอาจจะทำให้ลูกเลือกที่จะหลบหนี ปิดบังบางเรื่อง แต่การที่เราลองเปิดใจกับเขา แล้วคุยกันว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี หรือถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต้องแก้ไขยังไง พ่อแม่จะปกป้องพวกเขายังไงน่าจะดีกว่า
อีกมุมหนึ่งถ้าเป็นไปได้คิทก็อยากให้คุณครูได้ดูซีรีส์เรื่องนี้กับเด็กนักเรียนด้วยนะคะ แล้วก็บอกเขาว่ามันเป็นยังไง เราไม่ได้พยายามเสี้ยมให้เด็กเกลียดคุณครู หรือเกลียดโรงเรียน แต่เราอยากให้ทุกคนเข้าใจกัน
อย่างที่สอง คิทหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้มันน่าจะช่วยทำให้ครู ผู้ปกครองสามารถพูดคุยกับเด็กๆ ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่เกี่ยวกับเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ คิทเชื่อว่าเด็กเขาไม่รู้ว่าต้องแก้ปัญหายังไง เด็กไม่รู้หรอกค่ะว่าต้องโทร.ไปที่ไหน หรือจะบอกใครได้บ้าง คิทมองว่าเหยื่อคือคนที่น่าสงสารนะ บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะหันหน้าไปหาใคร หลายครั้งเราต้องเห็นเหยื่อต้องเสียใจและโทษตัวเองว่าเป็นคนทำผิด เป็นเรื่องที่น่าอายที่ตัวเองจะออกมาประจานว่าถูกกระทำอะไรลงไป ตรงนี้เราอยากให้เขากล้าลุกขึ้นมายืนหยัดและพูดได้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันเป็นคนที่ถูกรังแก คนที่จะรู้สึกผิดคือคนที่เขากระทำต่างหาก
หรืออย่างเรื่องเพศสัมพันธ์ก็เช่นกัน จริงอยู่ที่สังคมไทยอาจจะยังไม่กล้าเปิดเผยหรือกล้าคุยเรื่องเพศกันเท่าไหร่ เด็กๆ อาจจะไม่กล้าพูด ไม่กล้าเล่า ไม่กล้าคุยกับครู กับผู้ปกครองเลยด้วยซ้ำ ตรงนี้ก็อาจจะทำให้กล้าที่จะพูดคุยถึงทางออกและทางแก้ปัญหาร่วมกันว่าถ้าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ เราจะจัดการกับมันยังไง เพื่อที่จะปกป้องคนที่เรารักได้
ส่วนตัวเท่าที่คิทผ่านวัยเด็กมาก่อน คิทก็เคยมีเรื่องที่ไม่กล้าคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ไม่กล้าคุยกับคุณครูเช่นกัน เช่น เรื่องที่เราโดนแกล้งในโรงเรียน ซึ่งเด็กจะรู้สึกว่าถ้าบอกพ่อแม่ไป พ่อแม่ก็แก้ปัญหาให้ไม่ได้ บอกคุณครูคุณครูก็แก้ปัญหาให้ไม่ได้ ยิ่งไปเล่าให้ใครฟังอาจจะโดนแกล้งหนักกว่าเดิมอีก ไม่รู้จะทำยังไงดี ต้องหาทางออกด้วยตัวเอง ซึ่งคิทก็มีโอกาสได้เห็นว่าเด็กบางคนพอโดนแกล้งบ่อยๆ ก็กลายเป็นเด็กเกเรเพื่อที่จะได้ไม่ถูกแกล้งอีกก็มี เพราะน้องๆ ยังเด็กอยู่ อาจจะมีการแก้ปัญหาได้ไม่ดีพอ ซึ่งการได้รับคำแนะนำในเรื่องต่างๆ จากทางผู้ใหญ่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า และมันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าเรากล้าที่จะพูดคุยกันมากขึ้นค่ะ
• ในมุมกลับกันล่ะคะ คิดว่ามันจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า
ด้วยความเป็นซีรีส์มันจึงมีการผลักทุกอย่างให้รุนแรงเป็นพิเศษอยู่แล้ว คิทเข้าใจทุกคนนะคะแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะทำออกมาให้ทุกคนชอบได้ทั้งหมด มันไม่สามารถเข้าถึงคนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เรารู้สึกว่าการที่เรานำเสนอในสิ่งที่สวยงามมันอาจจะไม่ได้ทำให้เห็นว่าในสังคมเรามันมีเรื่องแย่ๆ อยู่ ซีรีส์นี้อาจจะเป็นยาขม เป็นยาที่ลำบากใจในการกินเข้าไปหน่อย แต่เราเชื่อว่าคนที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะได้เห็นผลลัพธ์ว่าการที่ทำไม่ดีจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดียังไง
• เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ให้ได้ชมกันไปหลายตอนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จไหม กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
กระแสตอบรับที่ออกมาหลังจากออกไปเพียงไม่กี่ EP. คิทและทีมงานก็รู้สึกดีใจนะคะที่คนดูชอบ เพราะโลกในความเป็นจริงคิทก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งแต่พอเราเป็นแนนโน๊ะเราสามารถที่จะสอดแทรกความหลอนลงไปจนคนดูรู้สึกได้ คือเราไม่ได้ถ่ายในป่าช้า ไม่ได้ถ่ายในบ้านร้าง แต่ละฉากจะถ่ายที่โรงเรียน บางฉากก็ถ่ายกลางแดดด้วยซ้ำ แต่มันยังมีความหลอนที่แพร่ออกมา ก็ถือว่าคิทประสบความสำเร็จไปอีกหนึ่งก้าวที่สามารถทำให้คนดูเชื่อได้ว่าตัวละครตัวนี้ไม่ปกติ
คิทมองว่าการประสบความสำเร็จมันไม่สิ้นสุดนะคะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องก้าวไปข้างหน้า แล้วการเป็นแนนโน๊ะคิทว่าคิทได้ก้าวข้ามสิ่งที่เราเคยทำได้แล้วก่อนหน้านี้ไปอีกจุดหนึ่ง ตอนนี้มีคนดูจำนวนมากที่มาดูและชื่นชอบในตัวละครตัวนี้ แต่ว่านี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ EP. ยังเหลืออีกหลาย EP. คิทก็ไม่อยากนิ่งนอนใจว่าเราทำสำเร็จแล้ว ก็อยากจะค่อยๆ ก้าวต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
• นอกจากบทท้าทายอย่างแนนโน๊ะแล้ว มีบทบาทไหนที่คิทตี้อยากเล่นอีกบ้างคะ
คิทอยากรับบทคนพิการค่ะ เพราะว่าเราอยากลองเล่นเป็นคนที่เขาขาดความสามารถบางอย่างที่เราคุ้นเคยกับมัน เช่น ถ้าเราเดินไม่ได้จริงๆ แบบไม่ใช่ว่าเราแกล้งเดินไม่ได้ แต่มันไม่สามารถใช้งานได้เลย หรือมันไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเลย มันน่าจะตื่นเต้นดี
อีกบาทบาทหนึ่งคือ คิทอยากรับบทบุคคลที่อาจจะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาในการแสดงเขาจะบอกว่าห้ามไปลอก ห้ามไปก๊อบปี้ใคร แต่ถ้าเราเล่นบทนี้เราต้องลอกให้สมบูรณ์แบบที่สุด เราจะทำมันออกมาได้ดีแค่ไหน ก็อยากจะลองดูค่ะ
ส่วนความฝันสูงสุดในชีวิต ถ้าเป็นไปได้วันหนึ่งที่คิทพร้อม คิทสามารถจะกำกับหรือเล่าให้คนอื่นฟังได้ คิทก็อยากจะก้าวไปอยู่ในฐานะผู้กำกับบ้างเหมือนกันค่ะ
• ท้ายนี้สมมติว่าถ้าวันหนึ่งได้รู้จักกับคนที่เหมือน “แนนโน๊ะ” ในชีวิตจริงล่ะ จะทำยังไง
เอาจริงๆ ถ้าวันหนึ่งคิทได้รู้จักกับคนที่เหมือน “แนนโน๊ะ” ในชีวิตจริง คิทจะเป็นเพื่อนกับเขานะคะ เราจะคอยอยู่ข้างๆ เขา เพราะถ้าเราเป็นคนดีก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแนนโน๊ะ และถ้าวันหนึ่งเกิดเรื่องร้ายๆ หรือเรื่องที่ไม่ดีในชีวิต ก็จะมีแนนโน๊ะนี่แหละค่ะที่จะคอยจัดการให้เราอย่างสาสม เราจะปลอดภัยแน่นอน (หัวเราะ)
Profile
ชื่อสกุล : ชิชา อมาตยกุล
ชื่อเล่น : คิทตี้
วันเกิด : 5 สิงหาคม พ.ศ. 2536
การศึกษา : ปริญญาตรี
อาชีพ : นักร้อง, นักแสดง และนางแบบ
ผลงานต่างๆ :
•อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป วงคิส มี ไฟว์ (Kiss Me Five) สังกัดค่ายกามิกาเซ่ สังกัดอาร์เอส โดยมีผลงานเพลงร่วมกับวง Kiss me five ได้แก่ เพลง Morning kiss เพลง ไวต่อความรู้สึก (Sensitive) และเพลงคิดก่อนทิ้ง (One Last Chance)
ภาพยนตร์
•ซิงเกิลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน (Single Lady)
•บุปผาอาริกาโตะ (Buppah Arigato)
•เน็ตไอดาย #สวยตายล่ะมึง!
ซิตคอม / ซีรีส์
•ขาสั้นครัวซอง
•จุดนัดภพ ปี 2 EP 23, 24, 25 รับบท สายป่าน
•รักนี้ผีคุ้ม ตอน พ่อหนูเป็นผี
•รับแซ่บ my boss รับบท พิมพ์
•ปริศนาอาฆาต รับบท พยาบาลเกต
•Love Songs Love Stories เพลง คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ รับบท จีน
•Love blood จัดรักให้ตรงกรุ๊ป
•เด็กใหม่ Girl from Nowhere รับบท แนนโน๊ะ
มิวสิกวิดีโอ
•เพลง หมดโควตา วง บุดด้า เบลส
•เพลง แฟน เป้ อารักษ์
•เพลง รอยแผล วง ดีเทล
•เพลง คนไม่จำเป็น วง เก็ทสึโนว่า
•เพลง สิ่งแทนใจ วง เรโทรสเปกต์
•เพลง ให้เธอได้ฟัง(Heavy Heart)เพลง ให้เธอได้ฟัง(Heavy Heart) วง New Mandarin
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี