การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำคณะเอกอัครราชทูต “ท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” ณ ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดง ตามพระราชดำริ - ชุมชนปากน้ำประแส ทุ่งโปรงทอง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อเผยแพร่ปรัชญาพระเกียรติคุณหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่สากล
ต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมาโครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ได้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ดังนั้นในปี 2561 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ต่อยอดสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเผยแผ่ศาสตร์แห่งองค์ราชา “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” สู่สากล กับโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้เป็นการน้อมนำศาสตร์ของพระราชา เพื่อมาต่อยอดในการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว หรือการเดินทางสู่เมืองรอง
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สอง ต่อจาก “โครงการ 1 ไร่แก้จน” ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 จังหวัดราชบุรี ต่อด้วย “ชุมชนบ้านศาลาดิน” จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นโครงการแรก โดยครั้งนี้ นายธีรวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ให้การต้อนรับคณะเอกอัครราชทูต ตามโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา อาทิ คุณวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี และภริยา จาก โปแลนด์ คุณทุกสบิลกูน ทูมูร์คูเลก และภริยา จากมองโกเลีย คุณโน ควังอิล และภริยา จากสาธารณรัฐเกาหลี คุณราอูซัน เยสบูลาโตวา และบุตร จากสาธารณรัฐคาซัคสถาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนเอกอัครราชฑูตจาก อินเดีย ออสเตรีย รัสเซีย รวมถึงตัวแทนจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาติ (UNDP) ส่วนแขกพิเศษที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ คือ หม่อมหลวงภูมิใจ ชุมพล, นายวัฒน์ จิราธิวัฒน์ และ นางจูหลิง จิราธิวัฒน์
สำหรับ “ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ชุมชนปากน้ำประแส” จังหวัดระยอง ถือเป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเกี่ยวกับเลี้ยงสัตว์ เช่น การเลี้ยงไก่พื้นเมือง ศูนยฺวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ชมปลาพระราชทานและการสาธิตแปลงเพศปลานิล
จากนั้น เดินทางไปชมความงามตามธรรมชาติที่หาดูได้ยาก ณ ทุ่งโปรงทอง นั่งเรือชม ความสวยงาม ของป่าชายเลน ที่มีทั้งป่าโกงกาง ซึ่งจะมีกะรอกแดง อาศัยอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีการเลี้ยงหอยนางรม ชมปูแสม และลิ้มรสชาติมะพร้าวน้ำหอมหลังจากขึ้นจากเรือ ซึ่งทุ่งโปรงทอง แห่งนี้ ถือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ททท. ยังนำคณะเอกอัครราชทูตจากประเทศ เดินทางไปยังศาลาเฉลิมพระเกียรติ เพื่อทดลองดื่ม ชาใบขลู่ ผลิตภัณฑ์ชาเพื่อสุขภาพพื้นบ้าน ชมสาธิตการทำจขนมรังผึ้ง ขนมกะลา ห่อหมกย่าง และทดลองทำแจงรอน อาหารถิ่นของชุมชนด้วย
ด้าน น.ส.ฐาปรีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าฯ ททท. เปิดเผยว่า “ททท. ได้จัดโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” ซึ่งได้ต่อยอดมาจากโครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” โดยได้รับความร่วมมือจากคณะเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ กว่า 25 ประเทศ ตอบรับคำเชิญในการลงพื้นที่สัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวพร้อมๆ กับการเรียนรู้ และสัมผัสกับกลิ่นอายของวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ของสมุนไพร การเกษตรกรรม การนวดแบบโบราณ ตลอดจนการสวมชุดไทย เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมไทยโบราณแบบถึงแก่น ใน 5 เส้นทาง
ในระหว่างเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน ได้แก่ โครงการ 1 ไร่ แก้จน ชุมชนทหารบก จ.ราชบุรี ชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐม, โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำลำปะเทีย ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์, โครงการศูนย์บริการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ชุมชนปากน้ำประแส จ.ระยอง โครงการพัฒนาพื้นที่ปากพนัง ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช และโครงการเกษตรวิชญา ชุมชน บ้านไร่กองขิง จ.เชียงใหม่
โดย ททท. หวังว่า โครงการนี้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ผสานวิถีชุมชน เป็นการสร้างความเข้มแข็งสู่เมืองรอง ในแอ่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจคุณูปการของศาสตร์พระราชา ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้เป็นที่ประจักษ์ ในระดับนานาชาติ”
เรื่อง/ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม