xs
xsm
sm
md
lg

ยูทูปเบอร์ขวัญใจวัยรุ่น Sunbeary “ซารต์-ปัทมพร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หญิงสาวบุคลิกโก๊ะๆ สดใสร่าเริง และเต็มไปด้วยความน่ารักที่หลายคนอาจจะเคยพบเห็นเขาผ่านทาง Youtube มาบ้างแล้ว “ซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช” หรือ “Sunbeary” ปัจจุบันเธอเป็นยูทูปเบอร์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

เธอมีดีกรีเรียนจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นเส้นทางการทำงานเกี่ยวกับบัญชีมาก่อน แต่ด้วยลักษณะงานเช่นนั้นไม่ใช่คำตอบของความสุขในชีวิต จึงทำให้ตัดสินใจลาออกมาตามหาความฝันของตัวเอง กระทั่งได้มีโอกาสไปช่วยเพื่อนสนิททำชาแนลยูทูปชื่อว่า “Kanninich” ได้สักพักหนึ่ง เธอจึงเปิด “Sunbeary Channel" ขึ้นมา

ด้วยความเป็นตัวของตัวเองและสามารถสร้างรอยยิ้มให้แก่คนดูได้แทบทุกคลิป ทำให้ช่อง Sunbeary มียอด subscribers ในยูทูปมากกว่า 2 ล้าน ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Sunbeary ก็ได้รวมช่องกับ Kanninich สร้างแบร์ ฮัก โปรดักชั่น รังสรรค์ช่อง Bearhug ขึ้นมา ซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกสนานผสานความคิดสร้างสรรค์ของทีมงานจนช่องใหม่มียอด subscribers กว่าหลักล้านแล้วเช่นกัน

วันนี้คงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า ซารต์ Sunbeary กลายเป็นยูทูปเบอร์คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จและขึ้นแท่นขวัญใจวัยรุ่นหลายคนไปแล้ว

ก่อนจะมาเป็นยูทูปเบอร์ขวัญใจวัยรุ่น

ซารต์เรียนจบคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาค่ะ จริงๆ ตอนแรกซารต์ตั้งใจจะเป็นหมอนะคะ แต่พอได้เห็นชีวิตพี่สาวตัวเองแล้ว เรารู้เลยว่ามันไม่ใช่เราแน่นอน อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ใครๆ ก็อยากเป็น แต่สุดท้ายเราต้องรักในอาชีพนี้ด้วย ซึ่งจรรยาบรรณเราไม่ได้สูงพอ เราไม่ได้ชอบจนเสียสละตัวเองได้ขนาดนั้น ดังนั้นหมอจึงไม่ใช่ทางของเราแน่ๆ

ซารต์เลยมาเลือกดูว่าเราสามารถเรียนอะไรได้อีกที่จะทำให้ลิงก์ไปสู่การเป็นเจ้าของกิจการได้ เพราะอีกใจเราก็อยากจะมีธุรกิจส่วนตัว ซารต์เลยเลือกเรียนบัญชี เพราะเรารู้ว่าถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหรือถ้าอนาคตเปิดกิจการเองแล้วไม่รุ่ง จบมายังไงเราก็มีงานทำและไม่ตกงานแน่นอน

กว่าจะจบมาได้ก็ยากอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะซารต์มารู้ตัวเองว่าเราไม่ได้อยากทำงานด้านนี้ตั้งแต่ตอนที่ได้ไปฝึกงานแล้วค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงชั้นปีที่ 3 เราตั้งใจแล้วว่าจะไปฝึกงาน 3 เดือนเพื่อเอาประสบการณ์ แต่พอได้ไปฝึกงานและทำงานจริงๆ แค่ 2 เดือน ได้ไปเจอโลกความเป็นจริง ซารต์เลยมานั่งคิดว่าเราต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 30-40 ปีเลยเหรอ ทำไมชีวิตมันน่าเศร้าจัง

จริงๆ ซารต์ไม่ได้ติดที่ว่าเราจะต้องไปเป็นมนุษย์เงินเดือนนะคะ แต่ด้วยลักษณะงานที่ต้องอยู่แต่กับเอกสาร ค่อนข้างเครียดและจริงจัง อีกอย่างบ้านซารต์ไกลจากที่ฝึกงานด้วย เราต้องนั่งรถตู้ต่อรถไฟฟ้า ต้องเผชิญกับคนในตอนเช้าที่เยอะมากๆ แล้วเราต้องเข้าออกเป็นเวลา ซึ่งซารต์อยากทำงานเวลาไหนก็ได้ เลิกงานตอนไหนก็ได้ที่เราอยากทำ เราอยากทำงานเป็นอิสระ งานแบบนี้จึงไม่เหมาะกับเราเลย

พอฝึกงานเสร็จแล้วกลับมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 เรารู้สึกได้เลยว่าความทุ่มเทของตัวเองมีไม่เท่าเดิม เพราะซารต์คิดแล้วค่ะว่าสิ่งที่เรียนอยู่มันจะใช่เราจริงๆ เหรอ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ซารต์เรียน ซารต์มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าเรียนในแต่ละวิชานะคะ แต่พอฝึกงานกลับมาแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีความสุขเลยค่ เพราะเรารู้แล้วว่าใจเราไม่ได้อยากทำงานทางด้านนี้ ซารต์ก็เลยเริ่มไปลงเรียนวิชาอื่น ไปลงเรียนอสังหาริมทรัพย์บ้างอะไรบ้าง ซึ่งก็เคยคิดว่าจะซิ่วไปเรียนคณะอื่นด้วยเหมือนกัน แต่ว่ามาคิดอีกทีถ้าเราซิ่วไป เราจะเจอคณะที่เราชอบจริงๆ หรือเปล่า

ดังนั้นซารต์เลยคิดว่าเรียนให้จบดีกว่า เพราะความฝันของเราคืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจ มีกิจการอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง แล้วการเรียนบัญชีมันต้องเป็นประโยชน์อะไรสักอย่างในอนาคต คือเราสามารถอ่านงบบริษัทได้ คุยกับบัญชีรู้เรื่อง ทำเอกสารบัญชีได้หมด อย่างน้อยมันน่าจะเป็นรากฐานให้เราได้ ซารต์ก็เลยเรียนจนจบคณะนี้มาได้ค่ะ

เอาจริงๆ ก่อนหน้านั้นที่ซารต์รู้ตัวเองแล้วว่าเราไม่ได้อยากทำงานด้านบัญชี เราก็เลยเรียนเท่าที่จำเป็น แต่เราก็ยังตั้งใจเรียนให้ได้เกียรตินิยมอยู่นะคะ คือเราคิดแต่ว่าอยากจะได้เกียรตินิยม แต่ก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม คิดแค่ว่าเอาเรียนดีไว้ก่อน แล้วก็เอาเวลาว่างมาหางานเสริมทำไปด้วย ไปขายดอกไม้งานรับปริญญา เย็บสมุดขาย ขายเสื้อผ้ามือสอง ไปลองขายตรง เราลองทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะเราอยากเก็บเงินออมให้ได้มากที่สุด เนื่องจากว่าถ้าเรียนจบปุ๊บซารต์จะไม่ขอเงินพ่อกับแม่อีกแน่นอน ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเลือกงานได้ก็คือต้องมีเงินเก็บของตัวเองก่อน ตอนเรียนจบซารต์ก็เลยมีเงินเก็บก้อนหนึ่งจำนวน 50,000 บาท เงินจำนวนนี้มันน่าจะพอที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ถึง 5 เดือน ในขณะที่เรายังหางานที่ชอบทำไม่ได้

พอเรียนจบแล้ว เราก็ยังอยากคอนเฟิร์มตัวเองอีกรอบหนึ่งว่าเราไม่ชอบอาชีพนี้จริงๆ หรือเปล่า ตอนทำงานอาจจะไม่เหมือนกับตอนฝึกงานก็ได้ ซารต์ก็เลยไปทำงานด้านนี้อยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน แล้วเราก็รู้ตัวเองชัวร์ๆ แล้วว่ามันไม่ใช่ คือเราทุกข์ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าบริษัทเลยนะคะ เพื่อนๆ เห่อได้ใส่ชุดทำงาน ได้โน้ตบุ๊กใหม่กัน แต่เราไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆ นี้เลย ซารต์เลยมองว่าเราน่าจะผิดปกติแล้วแหละ

หลังจากนั้นคุณแม่ก็ยังอยากให้ทำงานสายนี้อยู่ เลยได้ไปทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ไปเป็นผู้ช่วยของโบรกเกอร์ ขายหุ้น ซื้อหุ้น ซื้อกองทุน แต่ก็ทำอยู่ได้ประมาณ 4 เดือนก็ไม่ชอบอีกแล้ว คือเพื่อนร่วมงานดีมาก แต่เราไม่ชอบในการใช้ชีวิตของตัวเอง ทำไมเราต้องออกไปทำงานตอนรถติด เราอยากเลือกเวลาชีวิตเอง

จริงๆ ก่อนที่ซารต์จะตัดสินใจลาออกจากงานแต่ละครั้ง ซารต์คิดดีแล้วนะคะ คือมันมีคำพูดที่ว่าเราจะรู้ตัวเองได้ว่าเราอยากทำงานตรงนี้จริงๆ หรือเปล่า ให้เรามองคนที่เติบโตที่สุดในองค์กร ซึ่งซารต์ก็นั่งมองหัวหน้าตัวเอง มองดูแล้วก็คิดว่าถ้าในอนาคตเราอายุ 30-40 ปี เราไม่อยากอยู่ตรงจุดนี้เลย มันไม่ใช่เรา แล้วเราจะทำไปทำไม ถ้าแค่อยากจะเก็บเงินเฉยๆ สู้เราไปเก็บเงินจากการทำในสิ่งที่เราชอบไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนั้นเลยเป็นจุดที่ทำให้ซารต์กล้าที่จะลาออกจากงานทั้งสองที่ได้เลย เพราะเรามองคนที่เติบโตที่สุดในองค์กรแล้ว

แรกๆ ทางบ้านเขาก็ไม่เห็นด้วยนะคะ แต่ซารต์ก็บอกให้ทางบ้านมั่นใจว่าไม่ต้องกลัวนะ ซารต์มีใบปริญญา ยังไงก็กลับไปสมัครงานใหม่ได้ เขาก็ไม่เห็นด้วยแต่เขาก็รู้แล้วแหละว่าเราไม่ไหว เพราะทุกวันที่ซารต์กลับจากที่ทำงานมา ซารต์จะบอกแม่ทุกครั้งว่าเราไม่มีความสุข เรารู้สึกอยากป่วย สั่งให้ตัวเองป่วยจะได้ไม่ต้องไปทำงาน จนแม่พูดมาว่า “ถ้าไม่มีความสุขขนาดนี้ก็ออกเถอะ” เพราะตั้งแต่เด็กจนโตแม่น่าจะเห็นว่าซารต์มีความสุขทุกวัน จนกระทั่งได้ทำงาน ทำไมเราทุกข์ขนาดนี้ ส่วนคุณพ่อก็จะพูดตลอดว่า “จะออกจริงๆ เหรอ” แต่สุดท้ายเขาก็สู้แรงของเราไม่ได้

เริ่มต้นชีวิตยูทูปเบอร์
เกิดเป็น Sunbeary Channel

พอลาออกจากงาน ซารต์ก็ไปทำงานขายประกันและขายตรงอยู่ก่อนนะคะ แล้วเนื่องจากเรามีเพื่อนที่ทำชาแนลยูทูปอยู่ก็คือ กานต์-อรรถกร รัตนารมย์ หรือเจ้าของ Kanninich Channel ซึ่งกานต์เป็นเพื่อนกับซารต์ตั้งแต่อยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาทำชาแนลตั้งแต่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 ตอนนั้นก็ไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่เขาทำหรอกค่ะ แต่ซารต์สนิทกับกานต์มาก เลยรู้ว่ากานต์เป็นคนเดียวที่ซารต์รู้จักเลยก็ว่าได้ที่เขาไม่ได้สานต่อกิจการของที่บ้าน เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยตัวเองจนเลี้ยงตัวเองมาได้ ซารต์ก็เลยมั่นใจในตัวกานต์ว่าสิ่งที่เขาทำต้องสำเร็จแน่ๆ

เริ่มแรกซารต์ก็ไปช่วยเขาเฉยๆ ก่อนค่ะ เขาต้องการคนแสดง เราก็ไปแสดง ไปถือกล้อง ไปช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไร ทำไปเรื่อยๆ กานต์ก็เลยชวนให้เราไปทำงานด้วยกัน ซึ่งซารต์อยากทำอยู่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาซารต์ก็เลยสร้างและเปิด Sunbeary Channel ขึ้นมา

ตอนที่ซารต์ทำชาแนลของตัวเอง คือกานต์เขาเช่าบ้านเพื่อทำเป็นสตูดิโอกับเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายตัดต่อ เราก็ได้อาศัยสถานที่ถ่ายทำ ใช้ทรัพยากรของเขา ทั้งคนตัดต่อ ทั้งอุปกรณ์ ทั้งกล้องและคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเลย เราเลยทำงานด้วยกันมา 3 คนแบบนี้สักพักหนึ่งค่ะ

ประเดิมคลิปแรกขอแค่มีคนดู
จนมาพบสิ่งที่ชอบทำเอายอดคนดูถล่มทลาย

ตอนนั้นซารต์คิดว่าเราอยากทำอะไรก็ได้ที่มีคนดู เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำคอนเทนต์อะไร จำได้เลยค่ะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่สไลม์ (Slime) ที่เป็นของเล่นเด็กดังมาก ฮิตมาก ซารต์ก็เลยเอามาเล่น

คลิปแรกออกไปมีคนดูหลักแสนนะคะ ก็ถือว่าเยอะพอสมควรเลยนะในสมัยนั้น เพราะว่าซารต์ช่วยช่องกานต์ Kanninich มาก่อนโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ช่วยอยู่นานจนคนจำหน้าเราได้ พอคลิปแรกออกมา กานต์ก็ช่วยแชร์ลงเพจ ทำให้คนเข้ามาดูเยอะด้วยค่ะ

การทำคลิปครั้งแรกถ่ายนานมากเลยนะคะ ถ่ายครึ่งวันก็ยังไม่ผ่าน ต้องนั่งพูดอยู่กับกล้อง พูดไปเขินไป เพื่อนๆ ก็มาให้กำลังใจจนเราต้องไล่เพื่อนออกไป เหมือนเรายังไม่ชิน เราไม่เคยทำมาก่อน ไม่มีเวลาฝึก แต่ก็เลือกแล้วว่าจะทำเป็นอาชีพ ก็ต้องทำให้ได้ แต่พอทำไปสัก 2-3 คลิปก็เริ่มชินค่ะ ซารต์จะเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองทุกครั้ง อย่างเวลาคนตัดต่อมาบอกว่าตรงนี้พูดไม่ดีนะ เราก็จะปรับและฝึกไปเรื่อยๆ

ตั้งแต่นั้นมา ซารต์ก็เลือกที่จะทำช่องเกี่ยวกับเด็ก เพราะเราเป็นคนรักเด็ก ทำไปได้สักพัก มันรู้สึกว่าตัวเองต้องฝืนทำ เราทุกข์มากนะคะ คือซารต์ยังไม่รู้ทางของตัวเอง ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร คิดแต่ว่าจะพูดหน้ากล้องยังไงให้ดูธรรมชาติ ให้เด็กๆ เขาดูแล้วมีความสุข แต่หลังๆ ทำไปแล้วมันไม่ใช่เรา เราจะคิดทุกครั้งว่าวันนี้จะเอาอะไรมารีวิวดี เราต้องหาอะไรที่เกี่ยวกับเด็กมารีวิว อย่างคลิปเล่นสไลม์ ซารต์ไม่สนุกเลย ต้องใช้ความพยายามมากๆ พอมาถึงจุดหนึ่งที่รู้ว่าไม่ไหวแล้ว ซารต์เลยบอกกับตัวเองว่า เราหนีงานประจำ หนีสิ่งที่ไม่ชอบมาเพื่อจะเจองานที่ชอบ แล้วเราจะไปฝืนตัวเองทำไม ไปหลอกคนดูทำไม สักวันเขาก็รู้อยู่ดีว่าเราไม่มีความสุข ตั้งแต่นั้นมาซารต์เลยเลือกที่จะเปลี่ยนสไตล์การทำคลิปของตัวเองไป

สิ่งที่ทำให้ซารต์รู้ตัวเองว่าเราชอบท่องเที่ยวก็เพราะมีงานของสายการบินหนึ่งเขามาจ้างให้เราไปต้าเหลียน พอไปแล้วกลับมา มันสนุกมาก เราเลยรู้ตัวเองว่าเราชอบแล้ว เราอยากทำแบบนี้

การท่องเที่ยวครั้งแรกทำให้ปิ๊งไอเดีย พอรู้ตัวก็บอกกับทีมงานว่าเราไม่เคยชอบในสิ่งที่ทำมาเลย จะเปลี่ยนดีไหม แต่มันค่อนข้างเปลี่ยนเยอะอยู่เหมือนกันนะคะ

ช่วงแรกที่เปลี่ยน ยอดคนดูหายไปครึ่งหนึ่งเลยค่ะ เหมือนว่าเด็กเขาก็อยากจะดูรีวิวของเล่น แต่เราก็คิดว่าเอาน่ะไม่เป็นไร เอาที่เรามีความสุขไว้ก่อนดีกว่า หลังจากนั้นซารต์เลยจับกลุ่มเป้าหมายใหม่จากที่ตอนแรกเป็นเด็กประถม เด็กมัธยมต้น มาเป็นเด็กมัธยมปลาย เด็กมหาวิทยาลัยแทน

ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่มีใครทำชาแนลเท่าไหร่ ยูทูปเบอร์ยังไม่เยอะอย่างทุกวันนี้ ถ้านับแล้วน่าจะมีไม่ถึง 10 ช่องหลักเลยค่ะ ประมาณเข้าเดือนที่ 3 คนดูก็เลยเริ่มกลับมาเหมือนเดิม โดยกลุ่มคนดูโตขึ้น งานสปอนเซอร์ก็เริ่มเข้ามาเยอะขึ้นด้วย

ถ่ายทอดความเป็นตัวเอง
เคล็ดลับการทำคลิปให้สนุก สไตล์ซารต์ Sunbeary

ซารต์จะถ่ายทอดสิ่งที่เป็นตัวซารต์ลงไปในคลิปทุกครั้ง ซึ่งซารต์จะไม่ปิดตัวเองแล้วแสดงออกเป็นอีกคนเพราะว่ามันเหนื่อย มันต้องใช้พลังงานเยอะ สู้เราเป็นตัวของตัวเองดีกว่า ทุกครั้งที่ซารต์ไปถ่ายคลิป เราจะทำเหมือนบันทึกไดอารีมากกว่า ไม่ใช่การแสดง

คอนเทนต์ก็เหมือนกันค่ะ เราต้องทำมาจากสิ่งที่เราอยากทำ งานไหนที่ซารต์ไม่อิน จะไม่รับเลย อย่างแต่ก่อนซารต์เคยรับงานอาหารเสริม แต่เราไม่ได้อินกับสิ่งนั้นเท่าไหร่ มันเป็นอะไรที่ฝืนมากๆ กว่าจะถ่ายเสร็จนานมาก ถ้าให้เทียบกับสิ่งที่เราอิน เราชอบอยู่แล้ว มันจะง่ายกว่าเยอะ

หรืออย่างมีคลิปหนึ่งที่ต้องรีวิวดอกไม้ไฟ กานต์ชอบมาก อยากเล่น แต่ซารต์ไม่ชอบเลย ซารต์ก็จะบอกว่าคลิปนี้ไม่ออกนะ เราไม่ชอบ อะไรทำนองนี้ค่ะ

รวมช่อง Sunbeary และ Kanninich
เกิดเป็นแบร์ฮัก โปรดักชั่น

ซารต์กับกานต์ตกลงรวมช่องกันเป็น Bearhug (แบร์ฮัก โปรดักชั่น) เพราะเริ่มมีคนทำคล้ายๆ เราเยอะขึ้น ทำให้เอกลักษณ์ของเราไม่ค่อยแตกต่างจากคนอื่นแล้ว ซึ่งกานต์เขามีจุดเด่นของตัวเองคือความปากเสีย (หัวเราะ) แต่เป็นปากเสียที่คนดูชอบและรักที่เขาเป็นแบบนี้ บวกกับซารต์ที่เป็นคนโก๊ะๆ สนุกสนานร่าเริง เราเลยคิดว่าถ้าทำด้วยกันมันน่าจะดีกว่า จุดเด่นน่าจะชัดกว่านี้

อีกอย่างเรามีงานเยอะด้วยกันทั้งคู่ ไปงานมาครั้งหนึ่งเราต้องมานั่งเถียงกันว่าจะลงช่องใคร ซึ่งการทำงานด้วยกัน เราต้องสามัคคีกันสิ แต่บางครั้งมันแบ่งไม่ได้ เราจึงต้องเลือกลงช่องใดช่องหนึ่ง ตรงนี้เลยทำให้เมื่อต้นปี ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา เราตัดสินใจเปิดช่องใหม่ค่ะ ตอนนี้เรามีทีมงานรวมซารต์กับกานต์ด้วย ทั้งหมด 6 คน และมีฟรีแลนซ์อีก 3 คน โดยเราจะแบ่งงานกันทำในส่วนที่แต่ละคนถนัดค่ะ

คอนเทนต์หลักๆ ของแบร์ฮัก โปรดักชั่น จะมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น กลุ่มคนดูจะเป็นช่วงอายุ 18-25 ปี โดยเราจะเน้นอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งใหม่ เปิดโลกใหม่ๆ ที่ช่องอื่นไม่ได้ทำ หรือสิ่งที่เราไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ให้แก่คนดู เช่น ถ้ามีงานติดต่อมาเราจะเน้นเลยว่ามันเปิดโลกให้กับคนดูไหม ยกตัวอย่าง งานแกลอรี 3 มิติที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงไม่มีเงินให้ เราก็อยากไปรีวิวให้ เราจะค่อนข้างเลือกงาน จะเรื่องมากทั้งซารต์และกานต์เลยค่ะ ก็เลยอยู่ด้วยกันได้ (หัวเราะ) คือสิ่งที่เราทำมันต้องเป็นประโยชน์แก่เรา เป็นประโยชน์แก่คนดู และเป็นประโยชน์แก่ทางลูกค้าด้วย ต้องวิน-วิน-วินทั้ง 3 ฝ่าย ถ้าคนดูช่องเราน่าจะไม่เหมาะกับสินค้านี้เราก็จะไม่รับ เราต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ดี เพราะถ้าขายของมากจนเกินไป มันก็ไม่ดีสำหรับคนดู ที่สำคัญเลยคือตัวเราต้องชอบด้วย ไม่อย่างนั้นจะถ่ายทอดออกมาไม่ได้เลย

พอเปิดช่องใหม่แล้วได้มาทำงานร่วมกัน ถามว่าดีขึ้นไหม ในแง่ของความสุขเรามีมากขึ้นนะคะ แต่เรื่องฐานคนดู ถ้าให้ไปรวมฐานคนดูจากช่องเดิมของเราทั้งคู่คงทำไม่ได้ อย่างช่องเดิมของซารต์มี 2 ล้านกว่า subscribe ของกานต์มี 2 ล้านกว่า subscribe มันต้องมี 4 ล้านกว่า subscribe สิ แต่มันไม่ใช่ ตอนนี้ช่อง Bearhug ก็มี 1 ล้านกว่า subscribe แล้วค่ะ เราก็จะค่อยๆ เติบโตกันไปเรื่อยๆ
ซารต์ sunbeary และกานต์ kanninich
มองอาชีพยูทูปเบอร์สร้างรายได้ แต่ไม่มั่นคง
อนาคตวางแผนเปิดกิจการส่วนตัว

ทุกวันนี้ซารต์อยู่กับงานยูทูปเบอร์มา 2 ปีกว่าแล้ว ซารต์จะทำงานตรงนี้ไปจนกว่าจะไม่มีความสุข ทำจนกว่าอาชีพนี้จะไม่ใช่อาชีพ แต่ซารต์ไม่อยากให้งานยูทูปเบอร์มาเป็นรายได้หลักของพวกเรานะคะ เพราะถ้าเกิดว่าเราอยากรวยด้วยอาชีพนี้มันจะต้องรับสปอนเซอร์เยอะๆ ซึ่งมันจะทำร้ายทั้งตัวเองและคนดู ขืนทำแบบนี้อนาคตต่อไปจะยิ่งเป็นกราฟลง สู้เราไปทำธุรกิจอย่างอื่น แล้วเอางานนี้เป็นอาชีพเสริม เป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขจะดีกว่า ซารต์ไม่อยากไปบังคับตัวเองว่าฉันต้องมีรายได้จากงานนี้เท่านั้นเท่านี้นะในแต่ละเดือน

ซารต์มองว่าอาชีพนี้ยากนะคะ มันสามารถสร้างรายได้ได้ก็จริง แต่ว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกันว่าถ้าจะทำอาชีพนี้อย่างจริงจัง เราจะทำยังไงให้มีคนดูตลอดทุกคลิป อาชีพนี้ไม่แน่นอน ไม่มั่นคงนะคะ ดูอย่างอาชีพดารานักแสดงสิคะ เขายังไม่แน่นอนเลย แล้วเราเป็นใคร เราไม่ได้เพอร์เฟกต์แบบเขา สักวันเราก็ต้องมีร่วงเหมือนกัน หรือสักวันถ้าเราพลาดก็คือพลาดเลยนะ มียูทูปเบอร์บางคนที่พลาดแล้วเหมือนกัน ซึ่งวันหนึ่งซารต์ sunbeary กับกานต์ kanninich อาจจะพูดอะไรพลาดไป หรือไปทำอะไรบางอย่างที่เราคิดว่าถูกแต่มันผิดมารยาททางสังคม เราก็อาจจะไม่มีคนดูไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นอาชีพนี้ก็ถือว่าเสี่ยงมากจริงๆ ค่ะ แต่ซารต์ไม่ได้กลัวว่าจะมีคู่แข่งนะคะ เรามองว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมวงการที่ทำให้คนเข้ามาในโลกยูทูปมากขึ้นมากกว่า เพราะยังไงคนใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว
ซารต์ sunbeary และกานต์ kanninich
มีคุณแม่หลายคนทักมาหาซารต์เหมือนกันค่ะว่า “ลูกอยากเป็นยูทูปเบอร์ต้องทำยังไง” ซารต์ต้องบอกตรงนี้เลยค่ะว่าเราก็ไม่ได้เชียร์อาชีพนี้ขนาดนั้น เพราะซารต์ไม่อยากให้เห็นว่าเป็นอาชีพที่ดีกว่างานอื่น มันก็เป็นแค่อาชีพหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มโลกนี้ให้มันหมุนต่อไป ไม่อยากให้คิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่หรูหรามาก เพราะทุกอาชีพมันมีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่ละคนก็มีความถนัดแตกต่างกัน

เอาจริงๆ ถ้าเด็กยุคใหม่ไม่เป็นหมอนี่ตายเลยนะ หรือถ้าไม่มีอาชีพครูอยู่ก็ตายเลย แต่ละอาชีพก็ต้องเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ซารต์มองว่าทุกอาชีพมีคุณค่าในตัวเองนะคะ ซารต์ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่หลายๆ คน เป็นมาร์เกตติ้งหลายๆ บริษัท พี่เขาก็มีความสุขกับสิ่งที่เขาทำมากๆ เขาก็เติบโตในอาชีพของเขาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี

ถ้าอยากเป็นยูทูปเบอร์จริงๆ อาชีพนี้ซารต์มองว่าใครทำรุ่งก็รุ่ง ถ้าไม่รุ่งก็ไม่รุ่งเลย เราต้องแข่งกับตัวเอง ต้องถามตัวเองให้ได้ว่าเราชอบทำอะไร ถ้าเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบสุดท้ายมันจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วถ้าเราเจอสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว การจะเป็นยูทูปเบอร์ต้องดูอีกด้วยว่าสิ่งที่เราชอบนั้นคนดูเขาจะได้ประโยชน์ไหม แล้วจะมีลูกค้าเข้ามาได้ไหม

ส่วนตัวซารต์กับกานต์ไม่อยากมีอาชีพนี้เป็นอาชีพหลัก ถ้าเรายึดมันเป็นอาชีพหลัก เราน่าจะเครียด ซารต์อยากให้เราทำแล้วมีความสุขมากกว่า ตอนนี้ซารต์กับกานต์เลยคุยกันแล้วค่ะว่าเราอยากจะเปิดธุรกิจ ซึ่งซารต์อยากเปิดร้านขนมหวานหรือว่าร้านอาหารให้คนมาต่อแถว ในอนาคตเร็วๆ นี้ เราก็จะมีเซอร์ไพรส์ ยังไงก็อยากให้รอติดตามกันค่ะ

แนะเด็กรุ่นใหม่อยากเป็นอะไรก็ตาม
ต้องเริ่มต้นที่ใจรัก ตอบตัวเองให้ได้ว่าใช่! หรือเปล่า

ส่วนตัวซารต์ไม่ได้บอกว่างานประจำไม่ดี หรืองานอิสระดีกว่าหรือว่าอะไรนะคะ แต่ถ้าเราไปทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลงมากๆ เลยนะ กลับกันถ้าเราทำในสิ่งที่ชอบ มันไม่รู้เลยว่าเราไปเอาพลังมาจากไหน มันไม่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ ตรงนี้อยู่ที่ว่าเราจะให้คำตอบกับตัวเองยังไง

สุดท้ายซารต์อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ๆ ใครที่อยากจะทำอาชีพยูทูปเบอร์ หรือใครที่อยากจะเป็นอะไรก็ตาม ขอแค่เรารู้ว่าใจเรารักกับอะไร มันใช่เราหรือเปล่า ให้ใช้ชีวิตตามจิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเอง ซื่อสัตย์กับความรู้สึก ความต้องการของเรา เพราะบางคนก็ไม่ได้เหมาะที่จะเป็นในสิ่งที่คนอื่นเป็น ถ้าให้พูดตามตรงแต่ละคนอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จได้เหมือนๆ กัน แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆ ก็อยากให้ลองหลายๆ อย่าง ลองให้เยอะๆ ลองไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเจอตัวเอง เพราะกว่าจะมีวันนี้ซารต์ก็เคยทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบมาก่อนเหมือนกัน

PROFILE

ชื่อสกุล : ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช
วันเกิด : 15 มีนาคม พ.ศ. 2536
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อาชีพ : Youtuber
คติประจำใจ : ใช้ชีวิตตามจิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเอง ซื่อสัตย์กับความรู้สึก ความต้องการของเรา
ติดตามผลงานที่ : Youtube : bearhug channel, Ig : sunbeary, Fb :  sunbeary channel



เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : Sunbeary



กำลังโหลดความคิดเห็น