MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 11 - 17 ส.ค. 2561)
อันดับ 1 : ไลฟ์สดมาราธอน! "เสก โลโซ" ด่าทักษิณ-หนุนประยุทธ์
กลายเป็นคลิปไลฟ์สดที่มีคนดูแซงหน้ารายการโทรทัศน์บางรายการ สำหรับ "เสก โลโซ" หรือ นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย วัย 44 ปี แม้จะใช้เฟซบุ๊กเพจ SEK LOSO ไลฟ์สดมาเรื่อยๆ แต่ไม่ดังเท่าช่วงวันที่ 12 ส.ค. เสก โลโซ เฟซบุ๊กไลฟ์ตำหนินายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่เสก โลโซ เคยชื่นชอบพร้อมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทำเอานายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายโพสต์ข้อความในอินสตาแกรม เขียนว่า “เราและนาย” ซึ่งเป็นชื่อเพลงของเสก โลโซ และอวยพรให้หายไวๆ ระบุว่าตนเข้าใจ ถามว่าไหวหรือเปล่า ไม่ไหวบอกไหว
หลังจากไลฟ์สดด่านายทักษิณ 5 วันติดต่อกัน ให้ยุติบทบาททางการเมืองเพราะบ้านเมืองต้องการความสงบสุข กระทั่งวันที่ 17 ส.ค. เสก โลโซ ประกาศจุดยืนว่าหากรักตนขอให้เลือกนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย โดยต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อดูแลบ้านเมืองจนกว่าจะสงบเรียบร้อย แล้วค่อยมาเลือกตั้งกัน
อันดับ 2 : หนีไม่รอด! เสี่ยอ้วน มือฆ่าน้องสปาย ทางการกัมพูชาจับได้ก่อนหนีเข้าเวียดนาม
จากคดีสะเทือนขวัญกลุ่มคนร้ายบุกยิง น้องสปาย-น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ พร้อมเพื่อนเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ต่อมาทราบว่าคนบงการคือ "เสี่ยอ้วน" นายปัญญา ยิ่งดัง อายุ 39 ปี หลังผ่านไปนานครึ่งเดือน ในที่สุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. เจ้าหน้าที่กัมพูชาสามารถติดตามจับกุมนายปัญญาได้แล้ว ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.เปรยเวง ชายแดนกัมพูชาติดกับประเทศเวียดนาม เพื่อเตรียมข้ามแดนหลบหนีไปประเทศเวียดนาม
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับเสี่ยอ้วน ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แต่ทางการกัมพูชาได้ขอเลื่อนส่งตัวเสี่ยอ้วนออกไปเป็นวันที่ 21 ส.ค. ผ่านด่านพรมแดนทางด้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เนื่องจากติดเรื่องเอกสารการส่งตัวตามระเบียบของทางกัมพูชา โดยมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าไม่ได้ติดขัดเรื่องใดๆ แต่เป็นขั้นตอนตามระเบียบที่ต้องใช้เวลา นอกจากนี้มีรายงานว่า ตำรวจได้ดำเนินคดีกับคนพาเสี่ยอ้วนหลบหนีข้ามชายแดนไปกัมพูชา 3 คน หลังดำเนินคดีกับทีมมือปืนไปแล้ว 5 คน
อันดับ 3 : ทวงคืนเงินบริจาค! ชาวเน็ตกดดัน สท.อมตังค์ "เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล" วิ่งการกุศล
เจอแบบนี้ทำเอาคนที่ตั้งใจทำกุศลถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว สำหรับนายวรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล ตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เฟซบุ๊กเพจแห่งหนึ่ง ออกมาทวงถามเงินบริจาคกิจกรรมวิ่งการกุศล “ร้อยล้านวิ่งด้วยใจ มอบให้โรงพยาบาลชลบุรี” เมื่อ 14 มี.ค. เพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ พบว่าโรงพยาบาลได้เงินบริจาคไปเพียง 2 แสนบาท จากทั้งหมด 401,500 บาท สาเหตุเพราะ ส.ท.ต้น หรือ นายจักกฤษ บุญเกิด สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านสวน ซึ่งเป็นผู้เก็บเงินอ้างว่าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจัดงาน
ด้าน เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล เปิดเผยว่า หลังเกิดเรื่องพรรคพวกเคยตามแต่ก็เงียบ เลยให้ผู้ใหญ่ช่วยทวงถึงได้คืนมา 2 แสนบาท รู้สึกเสียใจ เสียความรู้สึก ด้วยความเห็นใจครอบครัวจึงไม่ดำเนินคดีใดๆ แต่ต้องคืนเงินให้ครบ แต่เกิดความเข้าใจผิดผ่านสื่อขึ้นมา เจ้าตัวจึงประกาศว่าขอหยุดกิจกรรมวิ่งทั้งหมด ด้าน ส.ท.ต้น ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้การประชุมสภาเทศบาลตำบลบ้านสวนเมื่อ 17 ส.ค. ไม่มีการชีแจงเรื่องเงินที่ยังไม่ได้นำส่งให้กับโรงพยาบาลชลบุรีแต่อย่างใด
อันดับ 4 : ตายายเก็บเห็ดเก่าไป! ยายสะอื้นขายข้าวหมากถูกจับ สรรพสามิตอัดกลับเหล้าสาโทชัดๆ
ดรามาสนั่นชาวเน็ตพอๆ กับเรื่องตายายเก็บเห็ดคราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค. นางเสน่ห์ ป่วงรัมย์ วัย 60 ปี แม่ค้าขายข้าวหมาก ออกสื่อว่า ตนทำข้าวหมากขายที่ตลาดนัดคลองถมสี่แยกกระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ห่อละ 5 บาท วันละประมาณ 20-30 ห่อ กระทั่งวันที่ 22 ก.ค. ถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้าจับกุมในข้อหาจำหน่ายสุราสาโทโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับ 5 หมื่นบาท เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องถูกจำคุกหากไม่เสียค่าปรับ แต่เมื่อไม่มีเงินเจ้าหน้าที่ลดให้เหลือ 1 หมื่นบาท ทำเอาชาวเน็ตต่างโจมตีเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจำนวนมาก
หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป ร้อนถึงนายนพรัตน์ จรรยาวรางกูร สรรพสามิตพื้นที่สาขาเมืองบุรีรัมย์ ชี้แจงว่า ในวันนั้นจับกุมนางเสน่ห์พร้อมสุราแช่ (สาโท) มัดเป็นถุงใส่อยู่นับได้จำนวน 11 ถุง บรรจุอยู่ในถังพลาสติก (กระป๋องสีทาบ้าน) จึงแจ้งข้อกล่าวหามีไว้ในครอบครองซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝืน มาตรา 153 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.สรรพสามิต โดยอัตราโทษของกลางตั้งแต่สิบลิตรขึ้นไป ปรับ 10,000 บาท ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการจับกุมคนขายข้าวหมากตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด พร้อมฝากเตือนลักลอบผลิตสาโทผิดกฎหมาย
อันดับ 5 : กระบะซิ่งฟาด "แมคลาเรน" 30 ล้าน ดวงดีทายาทบีทาเก้นไม่เอาเรื่อง
กลายเป็นอุบัติเหตุที่คนในโลกโซเชียลต้องฮือฮา เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เฟซบุ๊ก “Werayut Kaewkaew” ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถ บันทึกเหตุการณ์ที่รถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง จนเบรกไม่อยู่ฟาดไปกับรถยนต์รถยนต์แมคลาเรน รุ่น 720S มูลค่า 30 ล้านบาท เหตุเกิดที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ทำเอาชาวเน็ตต่างวิจารณ์ถึงรถกระบะ ว่า ไม่ประเมินศักยภาพรถตัวเอง ขับซิ่งตามซูเปอร์คาร์จนเกิดเหตุดังกล่าว จากนี้ก็คงต้องจ่ายค่าซ่อมรถหรูอ่วม เพราะประกันคงไม่พอคุ้มครอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านายวีระพงษ์ ทองชม อายุ 29 ปี คนขับรถกระบะจะยิ้มออก เพราะเจ้าของรถซูเปอร์คาร์ ก็ไม่ติดใจอะไร และได้ว่ากล่าวตักเตือนให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง และยังบอกอีกว่า “ดีนะที่เป็นรถพี่ ถ้าเป็นรถคนอื่นอาจถูกเอาเรื่องมากกว่านี้ก็ได้” หลังเกิดเรื่องต่างคนต่างโทรเรียกประกันมาพูดคุยถึงค่าซ่อมรถ ก่อนจะแยกย้ายกันไป ขณะที่เจ้าของรถซูเปอร์คาร์คันนี้ คือ เจ-จักษวัชร์ อรรถสกุลชัย ทายาทนมเปรี้ยวบีทาเก้น ผู้บริหารอินสตาวอช แอปพลิเคชันเรียกล้างรถจากประเทศเกาหลีใต้
อันดับ 6 : โอละพ่อ! หนุ่มธนาคารโวยโรงแรมแอบถ่าย สุดท้ายกุเรื่อง เจ้าของมีเคืองขาย 70 ล้าน
กลายเป็นคดีพลิกไปซะอย่างนั้น เมื่อพนักงานขับรถธนาคารวัย 34 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวและชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า ได้พาสาววัย 24 ปี ที่คบหากันหลังแยกกันอยู่กับภรรยา ไปใช้บริการโรงแรมม่านรูดในตัวเมืองเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2560-2561 แต่พบว่ามีภาพตนกับแฟนสาวกำลังมีเพศสัมพันธ์ในทวิตเตอร์ และอ้างว่า ได้ล่อซื้อคลิปจากกลุ่มไลน์จำนวน 3,000 บาท วันต่อมาตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ และตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ได้เรียกหนุ่มรายนี้มาสอบปากคำ เมื่อจับพิรุธได้จึงรับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นมา
คนกุเรื่องสารภาพว่าทำไปเพราะความเครียด ตำรวจจึงดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ได้แก่ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน, แจ้งความเท็จเพื่อให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญาและพยายามกรรโชกทรัพย์ ก่อนที่ในช่วงเย็นมีญาติมาประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 1 หมื่นบาท ด้านเจ้าของโรงแรม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายณรงค์ฤทธิ์มาใช้บริการ ต่อมาก็โวยว่าโรงแรมตั้งกล้องแอบถ่าย เขาเสียหายจะให้เคลียร์เงิน หลังเป็นข่าวทำให้ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ จึงขอประกาศขายโรงแรมแห่งนี้ 70 ล้านบาท
อันดับ 7 : "หมอขอนแก่น" โพสต์แว่นผ่าตัดหัวใจถูกขโมยไป สุดท้ายได้คืน ตำรวจจับตีนแมวได้
พลังโซเชียลมีอยู่จริง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค. นพ.ฐิติ จันทร์เมฆา ศัลยแพทย์หัวใจหลอดเลือดและทรวงอกประจำที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ประกาศว่า ได้มีขโมยขึ้นบ้านพักในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 6 ส.ค. และได้เอาแว่นตาที่ใช้สำหรับผ่าตัดหัวใจหลอดเลือดไปด้วย มีความจำเป็นสำหรับการผ่าตัดหัวใจอย่างมาก จึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้พบเห็นหรือรับซื้อได้มาคืน เพราะจำเป็นต้องใช้ในการผ่าตัดหัวใจช่วยชีวิตผู้ป่วย แว่นนี้เป็นแบบสั่งตัด คนอื่นจะใช้ไม่ได้นอกจากตน
หลังข้อความถูกแชร์ออกไป ร้อนไปถึงตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ต้องตามหาจนพบว่า ถูกนำไปจำนำไว้ที่ร้านรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยทางร้านตีราคา 1,000 บาท ต่อมาได้จับกุมนายอนุชา ตันปุระ อายุ 20 ปี ชาว อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุลักทรัพย์จริง และเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมาแล้ว 2 ครั้ง ขณะที่ นพ.ฐิติ ได้กล่าวขอบคุณ ระบุว่า แว่นตานี้สำคัญในการช่วยชีวิตคนมาก หากสั่งใหม่จะต้องเสียเวลานาน เพราะต้องสั่งทำมาจากสหรัฐอเมริกาในราคา 8 หมื่นบาท