xs
xsm
sm
md
lg

BNK48 เปิดตัวหนังสารคดี Girls Don't Cry “เต๋อ” หวังคนดูได้อะไรกลับไปสักอย่าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


BNK48 รุ่น 1-2 เดินพรมแดงเปิดตัวหนัง Girls Don't Cry “เต๋อ นวพล” ชี้ คอนเซปต์ให้สมาชิกรุ่นแรกมองย้อนกลับไปใน 1 ปีที่ผ่านมา รับยากทำให้ 26 คน อยู่ในหนังครบ ยันทำดีที่สุดแล้ว หวังคนดูน่าจะได้อะไรกลับไปสักอย่าง ย้ำ ไม่ได้ดูยาก ใครมาดูก็ได้ ไม่มีฉากตบตีชิงดีเด่น แต่เป็นเรื่องลึกๆ ในใจ



อลังการงานสร้างจริงๆ สำหรับการเปิดตัวภาพยนตร์สารคดี Girls Don't Cry ของวงไอดอลสาว BNK48 ในรอบปฐมทัศน์ เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) โดยบรรดาสมาชิกทั้งรุ่น 1-2 ต่างใส่ชุดลายดอกไม้ ที่ดูเหมือนกับจะต้อนรับซิงเกิ้ลที่ 4 “คิมิ วะ เมโลดี้” มาเดินพรมแดงโชว์ตัว พร้อมจับ “เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ผู้กำกับ มาเปลี่ยนลุคใส่สูทผูกไทเดินร่วมกับ “จ๊อบซัง ณัฐพล บวรวัฒนะ” ผู้จัดการวง และ “วิชัย มาตกุล” โปรเจกต์ โปรดิวเซอร์ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนที่จะขึ้นพูดคุยบนเวทีร่วมกับ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด และ 3 สมาชิกของวง “เฌอปราง อารีย์กุล” กัปตันวง “ปัญ ปัญสิกรณ์ ติยะกร” กัปตันทีม BIII และ “เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ” รองกัปตันทีม BIII

โดย “เต๋อ นวพล” ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ก็จริงๆ เริ่มจากทาง BNK48 กับ แซลมอนเฮาส์ ชวนมาทำ ตนก็มีความสนใจอยู่แล้ว ทั้งฟัง ติดตามเพลง เรารู้สึกว่ามากกว่าการเป็น BNK48 คือ การเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เจอเหตุการณ์มากมาย ที่บางทีผู้ใหญ่อย่างเราหรือว่าเด็กโตอาจจะไม่เคยเจอด้วยซ้ำ เราก็เลยอยากทำ

เมื่อถามว่า มีโครงเรื่องอะไรวางไว้หรือไม่ “เต๋อ นวพล” กล่าวว่า มันเคยมีอยู่ 2 วัน แล้วพอมาเจอก็ไม่ค่อยมี เพราะคุยแต่ละคนก็เริ่มมีเรื่องราวของตัวเองที่เราไม่เคยรู้มาก่อน พอเราอยู่กับเขาก็เจอเรื่องหรือความคิดที่คุยกันมากขึ้น ก็เลยตามเขาไป ก็เหมือนกับค่อยๆ คิดโครงสร้างจากการที่อยู่กับน้องๆ ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนโดยประมาณ จริงๆ มันไม่ยาวหรอก คอนเซปต์ของหนังมันน่าจะเป็นเรื่องการที่น้องๆ มองย้อนกลับไปว่า 1 ปีที่ผ่านมา มันเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาตอนแรกมันเหมือนจะเป็นหนังที่ไว้ฉลองครบรอบ 1 ปี ที่ BNK48 เปิดตัว เราก็เลยคิดจากตรงนั้นว่า เออ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าน้องๆ ได้มองกลับไป ก็เหมือนได้ทบทวนชีวิตได้วิเคราะห์สถานการณ์บางอย่างที่เคยเจอ ซึ่งหนังแนวสารคดีตนก็เคยทำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นหนังมันคนละแบบ มันยากเพราะนี่คือ 26 คน และเราคิดว่าอย่างหนึ่งต้องทำให้ 26 คนอยู่ในหนัง จะมากจะน้อยแต่มันต้องครบ เพราะเราอยากให้มันเป็นหนังของรุ่นเขาจริงๆ เป็นของๆ น้องที่อยู่ด้วยกันมา 1 ปีจริงๆ มันก็เลยยาก

“เกร็งมาก เพราะเวลาเราคุยมันค่อนข้างไว้วางใจกันเยอะ แล้วเราก็รู้สึกว่าพอเชื่อใจกันแล้ว เราก็อยากทำให้มันดี พอเราเซตว่ามันเป็นสารคดีของน้องๆ คนดูที่ผมแคร์สุดก็คือน้องๆ มั้ง แต่เราก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่คิดว่าทำดีที่สุดแล้วจริงๆ เต็มที่มากๆ ให้กับเรื่องนี้” เต๋อ นวพล กล่าว

เมื่อถามถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องๆ ใน 1 ปีที่ผ่านมา “เต๋อ นวพล” บอกว่า ค่อนข้างมาก ไม่ใช่แค่การแสดง มันเป็นเรื่องดวงตา ต้องดูในหนัง เขาโตขึ้นมั้ง ทั้งความคิดต่างๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น หรือความสัมพันธ์ต่างๆ ก็ค่อยๆ เติบโตกันไปพร้อมๆ กัน

ด้าน “เฌอปราง” กล่าวว่า ก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเราออกมาอย่างไร อยากดูมากๆ เลยตอนนี้

ส่วน “ปัญ” กล่าวว่า เวลาพวกเราร้องเพลงก็จะยิ้มออกมา แต่จริงๆ แล้วลึกๆ มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ มีเรื่องราวก่อนที่จะขึ้นเวที ก่อนเป็นเซมบัทสึ เรื่องก่อนซ้อมและทุกๆ อย่าง จะถูกฉายในหนังเรื่องนี้

เมื่อถามว่า คาดหวังว่าแฟนๆ จะรู้จักเราผ่านเรื่องนี้อย่างไรบ้าง “เจนนิษฐ์” กล่าวว่า ก็นอกจากจะเห็นด้านที่ไม่ค่อยได้ออกสู่สื่อ หรือว่าบนเวที เราเล่าเรื่องที่อยากเล่าที่ไม่สามารถบอกผู้คนโดยตรงได้ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ คิดว่าทุกคนน่าจะได้รับรู้อะไรหลายๆ อย่าง

เมื่อถามถึงคำถามจากผู้กำกับ “เจนนิษฐ์” กล่าวว่า มันโหดร้ายมาก (หัวเราะ) บางที 1 คำถามเราก็ตอบกันยาวมาก เล่าไปเรื่อยๆ ขณะที่ “เฌอปราง” กล่าวเสริมว่า มันเป็นคำถามที่จริงใจ ด้าน “ปัญ” บอกว่า คำถามของพี่เต๋อก็ไม่ได้ดึงดรามามากหรอก แต่ว่าคำตอบของพวกเราเองมากกว่า ยิ่งตอบไปมันยิ่งดึงลงไปเรื่อยๆ ของตัวเอง

เมื่อถามว่า ผู้ชมเข้าไปดูแล้วจะได้อะไร “เต๋อ นวพล” กล่าวว่า มันแล้วแต่ว่าใครเข้าไปดู แฟนๆ เข้าไปดูก็จะได้อันหนึ่ง คนไม่ใช่แฟนก็จะได้อันนึง คนที่ไม่ใช่แฟนแต่โตแล้วก็จะได้อีกอันนึง เพราะว่าหลายๆ อย่างที่น้องพูดมันใช้กับตัวเองได้ บางเรื่องก็ไม่ทันคิดมาก่อน แต่มาจากปากของเด็กๆ ก็ตรงไปตรงมา ก็ทำให้เราคิดได้ เลยรู้สึกว่าหนังเราพยายามที่จะบอกว่า ใครก็มาดูได้ ทุกคนน่าจะได้อะไรกลับไปสักอย่างนึงจากสมาชิกคนไหนสักคน ส่วนไหนสักส่วนของหนัง หนังมันมีอินโทรจำนวนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจ และมันก็ไม่ได้ยากมาก

เมื่อถามถึงการแย่งชิงดีชิงเด่นกัน “เต๋อ นวพล” กล่าวว่า มันไม่ถึงขั้นนั้น มันเป็นเรื่องลึกๆ ในใจเขามากกว่า ที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งกันหรือเป็นเพื่อนกันในเวลาเดียวกัน แต่ว่ามันมีเยอะกว่านั้นเยอะเลย ไม่ใช่มีฉากน้องตบตีกันในห้องแต่งตัว

ขณะที่ “เฌอปราง” กล่าวว่า ภาพความเครียดจริงจังมันก็มีอยู่แล้ว ขณะที่เราทำงานความกดดันมันมี แต่แรงผลักดันหลายๆ อย่างที่ผลักดันพวกเราให้ก้าวออกมาทำให้ดีที่สุดในทุกๆ ครั้งที่ขึ้นแสดง เพราะฉะนั้น ความยากลำบาก น้ำตา ความพยายาม โห มีเยอะมากๆ และน่าจะถูกเก็บภาพโดยพี่เต๋อไว้เยอะมาก น่าจะได้เอามาใช้ในครั้งนี้ เพราะเป็นเบื้องหลังจริงๆ



















กำลังโหลดความคิดเห็น