เรื่องราวของหญิงรายหนึ่งออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบายความในใจ หลังอดีตแฟนหนุ่มไม่ยอมรับลูกในท้อง หลอกไปทำแท้ง พร้อมคำดูถูกจากครอบครัวฝ่ายชาย ก่อนขอความเป็นธรรมฝ่ายชายออกมายอมรับเป็นพ่อของเด็ก
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความระบายความอัดอั้นใจหลังได้ตั้งท้องกับแฟนหนุ่ม แต่ทางครอบครัวของฝ่ายชายไม่ยอมรับ พร้อมกับพูดจาดูถูกหาว่าไปท้องกับคนอื่นที่ไม่ใช่หลานชายของตน ด้านฝ่ายหญิงจึงอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง ด้วยการให้ฝ่ายชายออกมายอมรับว่าเป็นฝ่ายทำตนเองท้อง ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวได้ระบุข้อความว่า
“เราผิดไหมกับคำว่า “ไม่กล้าที่จะทำแท้ง” กับ อีกคนบอกว่า “ยังไม่พร้อม” เราคบกันมา 3 ปี เกือบ 4 ปี ต้องมาจบกับการที่ ผู้ชายอีกคนที่เราไว้ใจและรักมากยอมเปิดใจรับทุกอย่าง เรารู้ว่าเราเป็น “แม่หม้ายลูกติด 2 คน” มีธุระกิจส่วนตัว มีหน้าที่การงานของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะเลือกเป็นแบบนี้ได้ ยอมที่จะฆ่าลูกในสายเลือดตัวเอง เราขอให้เราเป็นคนสุดท้ายที่คุณพาไปทำแท้งนะ
เราอดทน อดกลั้นมาตั้งแต่รู้ว่าท้องได้ 1 เดือน จนเราคลอดลูก วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ทางผู้ชายไม่มีการติดต่อมาหาเราเลย ตั้งแต่รู้ว่ามีปัญหา ก็หายตลอดไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเลย เราทั้ง 2 รู้ว่าตั้งท้องก็อยู่ในช่วงหลัง 28 พฤษจิกายน 2560 หลังวันเกิดของเขา พอตรวจแล้ว ทุกๆ อย่างก็เปลี่ยน ผู้ชายก็หาทางออกและแก้ไขปัญหาอย่างเดียวเลยว่า “ต้องทำแท้ง” เราบอกเลยว่าไม่กล้าและไม่ทำแน่นอน แต่การที่เราหาทางออกคือ ปรึกษา คนที่เราไว้ใจ แต่ กว่าจะบอกได้ เราก็ต้องฝืนความแพ้ท้องจนถึง 2 เดือน ถึงกล้าบอกพ่อกับแม่ กลัวทุกๆ อย่าง แต่ ผู้ชาย ไม่คิดที่จะแก้ไขปัญหาช่วยเลย จนเราต้องโกหกก่อนไปว่า “เฮีย พ่อกับแม่รู้แล้วนะ” ผู้ชายคนนั้นเลยยอมเข้ามาหาที่บ้าน พอมาที่บ้าน เราก็ต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน บอกพ่อแม่เราก่อน พอพ่อแม่เราถาม ว่าจะทำไงต่อไป แก้ไขปัญหาแบบไหน เพราะอายุของผุชาย ก็ 34 ปีแล้ว แต่ที่บ้านเขาไม่ยอมรับเรา แต่ ผู้ชายก้อฝืนมาทุกๆอย่างจนมาท้องแล้วบอกกับพ่อแม่เราว่า ไม่พร้อมครับ ถ้าที่บ้านผมรู้ว่าท้องบ้านจะแตกแน่ๆผมขอให้เอาออกก่อนได้ไหมครับ ไม่มีคนดูแลพ่อแม่ผมด้วย พ่อแม่เรามองหน้ากันแล้วฟังเหตุผลนั้นเลยบอกให้เขาคิดดีๆ ไม่ใช่ให้แก้ไขปัญหาแบบนี้ พ่อแม่เรา เลยคิดแล้วบอกกับเขาว่า ไม่เป็นไร จะเก็บไว้เลี้ยงเอง ไม่กล้าให้ไปเอาเด็กออกหรอก แต่ให้เขากลับไปคิดใหม่ เผื่อคิดอะไรได้มากกว่านี้ แต่ไม่เลยก่อนหน้านี้วันที่เขาจะพาเราไปเอาลูกออก เขาดูแลเราดีมาก อยากกินอะไร ก็ตามใจหาทางมาช่วยดูแล แต่เราลืมไปว่า วันข้างหน้าไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร จนมาจบด้วยการ “พาเราไปทำแท้ง”
17 มกราคม 2561 วันที่ทุกอย่างไม่มีคำว่า “เราเคยรักกัน” ไหนบอกกับที่บ้านเราว่าจะพาเราไปหาหมอ แต่พาเรามาทำแท้งละ เราไม่รู้ว่าอะไรยังไงนะ เข้าไป ตรงที่ทำแท้งแต่เราไม่พร้อม ทุกอย่างมืดหมด เราได้ยินคำแรกที่ผู้ชายคนนั้นบอกกับคนที่นั้นว่า ที่โทรมาครับ เรา งง มาก ว่าจะทำไรยังไง แต่ ทางที่ทำแท้งก็ให้เราเซ็นเอกสารเราให้ไปอัลตร้าซาวด์ท้องว่าในท้องเป็นแบบไหน พอตรวจมี ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไปบอกข้างนอกว่า มีร่างกายของเด็กเกือบครบ เราเลยสงสัย แต่เสียงที่ได้ยินจากข้างนอกเข้ามาในห้องเขาบอกกับผู้ชายคนนั้นว่า จ่ายเพิ่มอีกนะคะเพราะเด็กตัวโต จาก 4,500 เป็น 4,900 เราตกใจมาก ยังไงต้องทำกับเราแน่ๆ เราเลยบอกว่า เราไม่ได้พร้อมที่จะเอาออกนะ ไหนบอกว่า มาดูเฉยๆไง แล้วอีกอย่างจะพาเรามาฝากท้องนิ ที่ยอมมาด้วยเพราะอยากให้พามาฝากท้องนะไม่ใช่ทำแท้ง ผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเราไม่ยอมเหมือนกัน เขาเลยทิ้งเราไว้ที่ทำแท้ง โทรเรียกแท็กซี่กลับบ้านคนเดียว ส่วนเราเลยเล่าทุกอย่างให้ที่ทำแท้งฟัง แต่ก่อนหน้านั้นเขาทำทุกๆ อย่างให้เราแท้ง ให้กินยาบ้าง แต่โชคดีที่โชคชะตาเข้าข้างบ้างว่าลูกไม่มีปัญหา ทางทีาทำแท้งเลยให้เงิน 4,900 คืนกับเรา เราตั้งสติได้ เลยโทรหาพ่อแม่ ฝากดูลูกให้แล้วเราก็รีบเอาตัวเองไปฝากท้องแทน เอาเงิน 4,900 ของผู้ชายคนนั้นจ่ายค่าทำแท้งให้ไปจ่ายค่าฝากท้องแทน
พอเราขับรถถึงคลินิกฝากท้องเลยเล่าให้คุณหมอฟังทุกๆอย่าง คุณหมอเลยดูแลเราเป็นอย่างดี เราพยายามคุยดีกับเขาก็แล้ว โทรหาเขา ไลน์หาก็แล้ว แต่เขาก็บอกว่ายุ่งอยู่ ทำงาน ที่บ้านมีปัญหา “จบ” จนเราไปหาพี่ชายกับพี่สาวช่วยแก้ไขปัญหาช่วย พี่ชายเลยพาเราไปหาเขาที่บ้านเขาก็ไม่เจอ พ่อเขาเลยถามว่ามาทำไม พี่ชายเราบอกว่า ลูกชายเฮียทำน้องสาวผมท้อง รู้หรือยังครับ เราไปคุยกับทางบ้านเขาแบบดี ไม่ได้โวยวายอะไรเลย แต่ที่บ้านเขาตอบกลับมาว่า ไม่ใช่เรื่องของผม อีกอย่างผมบอกแล้วว่าจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น รับผู้หญิงอย่างเราไม่ได้ของมันมีตำหนิ เราฟังเราก็เงียบนะ เราอยากรู้เหมือนกันว่าคนที่บ้านเขารู้ เขาเห็นเราเขาจะทำอย่างไร คำพูดอีกคำที่เราได้ยินและนิ่งที่สุดคือ คำพูดจากปากน้องสาวคนเล็กของเขาที่เห็นเราที่บ้านเขา เลยพูดออกมาว่า ม๊าคะเราต้องเอาน้ำมาล้างหน้าบ้านไหม ใครฟังคงรู้สึกไม่ดีหรอกจริงไหม ไม่พูดยังจะดีกว่า ไหนว่าที่บ้านเขาเป็นคนมีเงิน นามสกุลก็ดี ไม่คิดเลยว่าจะพูดดูถูกคนอื่นได้แบบนี้ พี่ชายเรากับเราไปวันนั้นอยากให้เรื่องจบ แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบ เพราะผู้ชายคนนั้นไม่อยู่บ้าน และไม่ติดต่อหาเราอีกเลย แล้วมีหน้า มาหาว่าเราไปหาเรื่องที่บ้านเขาอีก ขนาดเรากับพี่ชายเราไม่ได้ไปด่า ว่าร้องอะไรเลย เพียงแต่อยากให้ที่บ้านเขารับรู้แค่นั้น ไม่ใช่ให้หนีปัญหา
26 มกราคม 2561 วันที่อยากคุยกับผู้ชายคนนั้นโดยที่เราคิดดีแล้วว่า ต้องให้ตำรวจช่วย แต่ก็ได้แค่ช่วยนิดๆเพื่อที่อยากให้เขามาเจรจาว่า จริงๆแล้วคุณจะเอายังไง ไม่ใช่ให้หนีปัญหาแบบนี้ เราเป็นผู้หญิงเราเสียหายก็จริง มันคือความยินยอมทั้งคู่ แต่ไม่คิดเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะเห็นแก่ตัว คำพูดของคุณบอกกับตำรวจว่าจะมาคุยกันกับที่บ้านเราทำไม ทั้งๆ ที่คุณไม่มา ให้พ่อ แม่ ย่า คุณออกมาพูดแทน มันไม่แมนเลยนะ สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบอยู่ดี เพราะทางบ้านเขาไม่ยอมรับเรา เขาบอกว่า พ่อของผู้ชายพูด ลูกชายมีแต่ออกไปทำงานซ่อมรถไถที่บ้านนอกจะเอาเวลาที่ไหนมาทำเธอท้อง ถ้าเป็นลูกตาสีตาสาทำท้องจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นิเธอมีลูกติดมา 2 คนแล้ว จะให้รับผิดชอบยังไง ย่าของเขาพูด รับไม่ได้จริงๆหลานฉันมันเป็นกระเทยยังจะกล้าให้มันมารับผิดชอบอยู่เหรอ ตอนนี้ในท้องมันยังไม่เป็นตัวเป็นตนรีบๆ เลิกกันละเอาออกซะ
ที่เรามาในวันนี้เราต้องการความจริงออกจากปากของผู้ชายคนนี้ว่า ทำเราท้องจริงเราไปมาหาสู่กันที่บ้านเราบ่อยแม้แต่ลูกเรา 2 คน เขายังไม่รังเกียจเขารับเราได้ เขาพาเรากับลูกไปเที่ยวบ้างช่วงที่มีเวลา ทำดีด้วยทุกๆอย่าง แค่เอาความจริงมาคุยต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองแค่นั้นเองให้ตำรวจเป็นกลาง เพราะเราทำทุกๆทางให้เขากลับมารับผิดชอบ และให้โอกาสกับเขา แต่เขาก็หายไป แล้วไปบอกกับคนอื่นๆ ว่า ไม่ได้ทำเราท้อง ไม่เคยคบเรา ทั้งๆ ที่เราต้องการแค่นั้นจริงๆถ้าไม่รับผิดชอบเราก็เลี้ยงลูกเราได้
ตอนนี้เราคลอดน้องได้ 4 วันแล้ว เราขอความเป็นธรรมได้ไหม ว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณจริงๆ ถึงแม้คุณกับครอบครัวคุณจะไม่รับอะไรทั้งสิ้นก็ตาม เราอยากตรวจเลือดด้วย เรารู้ว่าคุณมีคนใหม่ที่บ้านคุณเขารักและเอ็นดูผู้หญิงคนนั้นมากๆ แต่เราขอความเป็นธรรมบ้าง เพราะทุกอย่างตลอดอุ้มท้องมา 9 เดือนเราไม่เคยไปราวีใคร ใส่ร้ายใครเลย เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
ตลอดอุ้มท้อง 9 เดือน เรามีความสุขที่ได้อยู่กับความเป็นจริง ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ให้เราสู้จนถึงทุกวันนี้ ขาดไม่ได้คือกำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆ และคนรอบข้างที่เข้าใจนะคะ
หลักฐานเรามีหมด อย่าหาว่าเราหมิ่นประหมาด ที่คุณบล็อกเบอร์โทร บล็อกไลน์ บล็อกเฟซ ไม่ให้เรารับรู้อะไรเลย อย่างน้อยเราดีใจที่เราผ่านจุดแย่ๆในชีวิตของเราได้ แต่มีเด็กชายตัวน้อยๆ ทราเขาอยากมาเกิดกับเรา แม่รักหนูนะ”
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 4,600 ครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์จากชาวโซเชียลเข้ามาให้กำลังใจผู้โพสต์เป็นจำนวนมาก พร้อมกับประณามการกระทำของฝ่ายชาย