จากกรณีศาลสั่งจำคุก 114 ปี อดีตพระเณรคำ หลอกสร้างพระใหญ่ ที่หลายคนอยากทราบถึงประวัติความเป็นมาของ “เณรคำ” ซึ่งโด่งดังมาจากภาพนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว สวมแว่นตาดำราคาแพง ใช้ไอโฟน และถือกระเป๋าแบรนด์เนมในยุคก่อนโดนจับ วันนี้ MGR Online จะพาย้อนกลับไปอีกครั้งหนึ่งว่าเณรคำคนนี้ทำอะไรมาถึงต้องมาติดคุก
โดยประวัติย่อๆ นั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก แห่งวัดป่าขันติธรรม หรือนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาได้เมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกนะทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 นั้น แต่จำคุกจริงตามกฎหมายเพียง 20 ปี พร้อมให้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย 29 รายนั้น เริ่มต้นสายปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม นอนในป่าช้ามาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ และเมื่ออายุครบ 15 ปี หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ระหว่างนั้นก็ได้เดินทางจาริกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดป่าดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี โดยได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนา ว่า “ฉัตติโก” หลังจากนั้นได้เดินทางมายังวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ
หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก มีนามเดิมว่า “วิรพล สุขผล” เกิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 ทั้งนี้ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้ง 5 คน ของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล เมื่อ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก บวชเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ฉัตติโก” หรือ “พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก”
สำหรับเส้นทางในการเข้าสู่ทางธรรมนั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้เริ่มปฏิบัติตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ครั้งที่ยังอายุ 6 ขวบ ด้วยการปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐานมาโดยตลอด และเมื่อถึงช่วงวันพระ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จะหยุดเรียน และนุ่งขาวห่มขาวเข้าไปถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด ตั้งแต่เช้าจดค่ำ รวมทั้งยังเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร นอกจากนี้ ในช่วงกลางวัน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก จะไปนอนในป่าช้าเพื่อฝึกจิตให้ตั้งมั่น ซึ่งผลจากการปฏิบัติธรรมตั้งแต่เยาว์วัย เป็นเหมือนการบอกถึงความจริงในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละคนว่า “แม้เราบำเพ็ญในชาตินี้หรือว่าชาติไหนๆ ผลของการปฏิบัติบำเพ็ญนั้นมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมไปไหน” และในขณะที่ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้หมั่นปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น โดยหลังเลิกเรียนของทุกๆ วัน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ก็ได้ไปปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาที่อยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทุกวัน วันพระจะถือกลดไปโรงเรียนด้วย พอเลิกเรียนจะเข้าไปปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่วัด บางครั้งก็ไปปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทั้งคืนจนสว่าง ปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตร
จนกระทั่งเมื่อหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก อายุได้ 15 ปี ก็ได้ออกบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยมีท่านหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งหลังจากบรรพชา หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ระยะหนึ่ง จากนั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ออกเดินทางจาริกธุดงค์ ปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี อยู่ในถ้ำภูตึกเป็นเวลา 3 เดือน ก็ได้เริ่มออกจาริกธุดงค์ เพื่อทำการเผยแผ่หลักธรรมคำสอน
ระหว่างที่ออกธุดงค์นั้น หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่วัดอรัญบรรพต ต่อจากนั้นไปที่วัดหินหมากเป้ง เพื่อกราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งท่านได้ให้ธรรมะชั้นสูง จากนั้นเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปถึง จ.เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี แล้วกลับมาที่วัดป่าดอนธาตุ เพื่อเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 โดยหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ฉัตติโก” หรือ “พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก” ซึ่งเป็นอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อย หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ได้ออกเดินทางมายัง จ.ศรีสะเกษ โดยปัจจุบันหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก มีตำแหน่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และยังเป็นผู้เขียนหนังสือ “ชาติหน้าไม่ขอเกิด” และ “นิพพานมีจริง”
ส่วนเหตุที่เรียกตัวเองว่าหลวงปู่ เพราะเป็นการรวมอายุในชาติที่แล้วกับชาตินี้นั่นเอง