คำถามคาใจ หลังมหาดไทยอนุมัติ “โค้ชเอก” และ 3 เยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี ได้รับสัญชาติไทย เปรียบเทียบ “หม่อง ทองดี” มือพับจรวดสร้างชื่อเสียงให้ไทยเมื่อหลายปีก่อน ผ่านไป 9 ปียังไม่ได้รับ พบในไทยบุคคลไร้สัญชาติมีมากกว่า 8 แสนราย
... รายงาน
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก อายุ 25 ปี หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี 1 ใน 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ได้รับการอนุมัติสัญชาติไทย ตามมาตรา 23 พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551
พร้อมกับ ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน อายุ 14 ปี, ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม หรือน้องมาร์ค อายุ 13 ปี และ ด.ช.พรชัย คำหลวง หรือน้องตี๋ อายุ 16 ปี ได้รับสัญชาติตามมาตรา 7 (ทวิ) พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551
นายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย ชี้แจงว่า ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์หมูป่าติดถ้ำหลวงแล้วถึงอนุมัติสัญชาติไทย แต่เพราะโค้ชเอก “คุณสมบัติครบ”
ส่วนเด็กอีก 3 คน เกิดในประเทศไทย พ่อแม่ได้รับการลงทะเบียนไว้หมด คุณสมบัติมีทุกอย่าง แต่ต้องไปยื่นเรื่องคำร้องที่เทศบาลที่ตัวเองมีภูมิลำเนาอยู่ ปรากฎว่า 3 คน มี ด.ช.พรชัย ที่ต้องสอบเพิ่มเติม ส่วนน้องดุลย์ และน้องมาร์คเกิดในไทย คุณสมบัติครบ เพียงแค่รับรองการเกิดก่อนเท่านั้น
เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 4 คนที่ได้ยื่นเรื่องขอสัญชาติไทยตามขั้นตอน และรอมานานแล้ว เพียงแต่ว่าได้รับอนุมัติในช่วงที่เหตุการณ์ถ้ำหลวงจบลงเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น จึงหลีกเลี่ยงที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก “สังคมอุดมดรามา” ในโลกโซเชียลฯ ไม่ได้
อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยมี “ผู้ใหญ่” หลายคน ประกาศความช่วยเหลือทีมหมูป่าแบบ “เกินสมควรแก่เหตุ” ไม่ว่าจะเป็นเชิญให้ร่วมทีมฟุตบอลในระดับไทยลีก ข้ามหน้าข้ามตาเด็กคนอื่นๆ ที่ต้องคัดตัวแบบคัดแล้วคัดอีก แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยของรัฐในจังหวัดพิษณุโลก ประกาศให้ทุนการศึกษาเรียนฟรี ตั้งแต่ปริญญาตรียันปริญญาเอก
เรื่องการให้สัญชาติไทยกับ 4 สมาชิกทีมหมูป่า ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับบุคคลไร้สัญชาติคนอื่นๆ เช่นกัน ต่างก็มองว่าทำไมถึงไม่ได้ “สิทธิพิเศษ” เฉกเช่นพวกเขา
ย้อนกลับไปถึงรากเหง้าของปัญหาบุคคลไร้สัญชาติ ประเทศไทยมีบุคคลไร้สัญชาติกว่า 875,814 คน จากจำนวนประชากร 66,188,503 คน ตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2560
สาเหตุมีตั้งแต่เรื่องของกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มชาวเขา บุตรของผู้อพยพย้ายถิ่นซึ่งเกิดในไทย แต่บิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว และผู้พลัดถิ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เนื่องจากเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย แม้กระทั่งการเดินทางยังถูกจำกัด
ที่ผ่านมามีการยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยจำนวนมาก รวมทั้งประชากรแฝงที่ไม่มีสถานะใดๆ และคนที่เกิดในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้สัญชาติอีกมาก แต่ปัญหาก็คือ การพิจารณาให้สัญชาติไทยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สาเหตุสำคัญเกิดจากการตรวจสอบสถานะ ที่ต้องทำด้วยความรอบคอบ แถมเจ้าหน้าที่แต่ละอำเภอมีเพียงไม่กี่คน
หนึ่งในบุคคลที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับกับ 4 สมาชิกทีมหมูป่า คือ “นายหม่อง ทองดี” หนุ่มวัย 21 ปี ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเมื่อ 9 ปีก่อน ในฐานะที่เคยเป็นตัวแทนประเทศไทย คว้าอันดับ 3 การแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ หรือโอกามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนกันยายน 2552 ในครั้งนั้นเขาอายุ 12 ปี
นายหม่องเกิดที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ติดชายแดนไทย-พม่า พ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวที่มาขายแรงงานในเมืองไทย ก่อนที่จะพาครอบครัวมาทำงานก่อสร้างในตัวเมืองเชียงใหม่ และ ด.ช.หม่องในขณะนั้น เรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่
ในตอนนั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัญญาว่าจะช่วยให้ได้สัญชาติไทย และส่ง ด.ช.หม่องเรียนจบปริญญาเอก แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคประชาธิปัตย์มาถึงพรรคเพื่อไทย เรื่องราวการให้สัญชาติไทยแก่นายหม่องก็เงียบหายไปราวกับสายลม
ปัจจุบัน นายหม่องทำงานเป็นช่างก่อสร้างในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับรับถ่ายภาพมุมสูง และสอนการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) พร้อมเรียนต่อชั้น ม.ปลาย การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หากเรียนจบแล้วก็จะเรียนต่อระดับปริญญาตรี ตามคำพูดของหลายหน่วยงานที่อ้างว่าถ้าจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ก็จะได้สัญชาติไทย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2561 นายหม่องมายื่นแบบคำร้องขอให้พิจารณาความจำเป็นต้องมีสัญชาติไทย ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมีนายมิ้น ชัยวงศ์ คอยประสานงานช่วยเหลือ ซึ่งได้แนบใบรับรองการทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาด้วย
แต่ในตอนนั้น นายบุญส่ง แสงกฤช ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ ยังร้องขอเอกสารที่เหลืออยู่ คือ ใบเกิดของนายหม่อง ซึ่งต้องไปติดต่อที่ว่าการอำเภอไชยปราการ เพื่อให้ทางอำเภออัพเดตข้อมูลลงในระบบ ส่วนคำร้องจะส่งไปให้อธิบดีกรมการปกครองพิจารณา
ดูเหมือนว่า การให้สัญชาติไทยของนายหม่องจะเป็นเรื่องยาก เพราะ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง เคยกล่าวว่า พ่อแม่ของนายหม่องเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ต้องไปย้อนดูว่าใช้ช่องทางและเงื่อนไขใดในการยื่นคำร้อง ต่างจากเยาวชนหมูป่า 3 คนที่เป็นลูกของชนกลุ่มน้อย
ส่วนอีกช่องทางหนึ่งในการพิจารณา คือ เรื่องของคุณงามความดี ซึ่งคนที่จะพิจารณาอนุมัติเรื่องนี้ได้ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน คือ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
การให้สัญชาติไทยแก่บุคคลไร้สัญชาติ ยังคงมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน คนที่ได้สัญชาติไทยก็โชคดีไป แต่คนที่ยังไม่ได้สัญชาติไทย พวกเขากำลังรอความหวัง แม้จะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รัฐต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบเรื่องความมั่นคงก็ตาม