xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : สัปดาห์อาชญากรรม "น้องหญิง" ดับปริศนา | "เสี่ยอ้วน" สายเปย์ยิงดับแค้น | "ไอ้โก้" จิ้งจอกฆ่าสาวไฮโซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 28 ก.ค. - 3 ส.ค. 2561)

อันดับ 1 : "น้องหญิง" ดับปริศนา! จับพิรุธ "ไอ้อ๊อฟ" หนุ่มเทรลเลอร์ "เป็ด" นางนกต่อค้ามนุษย์

การเสียชีวิตปริศนาของน้องหญิง หรือ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช พนักงานบัญชีร้านอาหารวัย 19 ปี ถูกเปิดเผยโดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Baifern Pns ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. น้องหญิงไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีเพื่อนสาวที่ชื่อเป็ด และแฟนของเป็ดที่ชื่อท็อปไปด้วย ต่อมานายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี คนขับรถเทรลเลอร์ นำตัวน้องหญิงส่งโรงพยาบาลการุณเวช 2 อ้างว่าตกจากรถลงมาเอง ก่อนส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาบาล กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ก.ค. เมื่อชันสูตรพลิกศพ พบว่าถูกของแข็งไม่มีคมทุบที่ท้ายทอยกะโหลกแตก ส่วนตำรวจ สภ.บางปะอิน ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันแล้วปล่อยตัวนายอ๊อฟ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ครอบครัวของน้องหญิงนำโลงศพเข้าร้องเรียนต่อกองปราบปราม กระทั่ง พล.ต.อ.ศรีราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ลงมาดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง และสั่งย้ายนายตำรวจ 3 โรงพักรวม 10 นายเพื่อความเป็นธรรม ก่อนจับกุมนายอ๊อฟมาชี้จุดเกิดเหตุ และฝากขังต่อศาลโดยคัดค้านการประกันตัว หลังจากนั้นพบค้อนเหล็กต้องสงสัยอยู่ในรถ ขณะนี้กำลังตรวจดีเอ็นเอ หากพบจะเพิ่มข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับ น.ส.สิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ อายุ 18 ปี เพื่อนร่วมงานน้องหญิง ข้อหาสนับสนุนกระทำความผิด หลังมีพฤติกรรมเป็นนางนกต่อ ปล่อยให้น้องหญิงอยู่กับนายอ๊อฟสองต่อสองโดยอ้างว่าติดธุระ ส่อว่าเป็นการค้ามนุษย์

อันดับ 2 : แรงแค้นสายเปย์! "เสี่ยอ้วน" ระดมทีมฆ่า "สปาย" พร้อมเพื่อนดับ ทุ่มเป็นล้านแต่ไม่รับรัก

คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญกลางแหล่งท่องเที่ยวศาสนาสถาน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค. น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 21 ปี ถูกคนร้ายขับรถเก๋งสีขาวยิงเสียชีวิต บริเวณลานจอดรถถนนฝั่งตรงข้ามหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. ตำรวจจับกุมนายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี สารภาพว่านายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน ยิ่งดัง อายุ 39 ปี เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.ภูเก็ต ผู้จ้างวาน แฝงตัวเข้าไปตีสนิทเป็นแฟนกับนายวราเทพ ก่อนให้นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน อายุ 34 ปี ชาวภูเก็ต เป็นผู้ลงมือยิงทั้งคู่จนเสียชีวิต

ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. ตำรวจพบรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ ตกข้างทางริมถนนเขาหินซ้อน-วัฒนานคร หมู่ 2 ต.ท่าเกษม อ.เมืองฯ จ.สระแก้ว ตรวจสอบพบเสี่ยอ้วนเป็นผู้ครอบครองรถ ขณะเดียวกันเมื่อไปที่บ้านเกิดเสี่ยอ้วนใน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พบรถเก๋งฮอนด้าซีอาร์วี สีขาว จอดอยู่หน้าบ้าน คาดเสี่ยอ้วนหลบหนีออกนอกประเทศไปกัมพูชาแล้ว ส่วนนายเกียรติศักดิ์ หรือบอนด์ สุรางแสงมีบุญ อายุ 35 ปี คนขับรถเสี่ยอ้วนได้มอบตัวต่อมา สำหรับปมสังหารมาจากความแค้นที่เสี่ยอ้วนเสียเงินซื้อบ้านและโอนเงินให้น้องสปายรวมกันกว่า 4 ล้านบาท แต่ฝ่ายหญิงกลับไม่มีใจให้ จึงเกิดความรู้สึกแค้นเหมือนถูกหักหลังนำไปสู่การสังหารโหดดังกล่าว

อันดับ 3 : สุนัขจิ้งจอกปอกลอกสาวไฮโซ "ไอ้โก้" คว้าไม้เบสบอสทุบ "เชอรี่" เบิก 2 แสนไปเขมร

อีกหนึ่งคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ เมื่อ 30 ก.ค. พบศพ น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขนส่ง สภาพถูกตีด้วยของแข็งที่ขมับขวาจนกะโหลกยุบ พบไม้เบสบอลเปื้อนเลือดตกอยู่บนเตียง ภายในชั้น 7 โรงแรมในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 เขตลาดพร้าว กทม. ส่วนรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่นอี 220 สีบรอนซ์ หายไป กระทั่งศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบทั้งคู่เข้าห้องพักเมื่อ 26 ก.ค. เวลา 22.41 น. จากนั้น 01.55 น. 27 ก.ค. นายโก้ออกจากห้องแล้ว ติดต่อ น.ส.เชอรี่ไม่ได้

ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. ตำรวจพบรถยนต์เมอร์ซิเดสเบนซ์จอดอยู่ที่ลานจอดรถ ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยพบนายโก้ขับเข้ามาเมื่อ 27 ก.ค. เวลา 18.43 น. แต่ไม่ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อาศัยคนในพื้นที่ช่วยพาออกไปกบดานที่บ่อนฝั่งกัมพูชา โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. พบนายโก้ปรากฏตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในฝั่งกัมพูชา สำหรับปมสังหารคาดว่ามาจากเรื่องทรัพย์สินมีค่า เพราะก่อนหลบหนีมีการเบิกเงินผู้ตายติดตัวไป 2 แสนบาท อีกทั้งครอบครัวผู้ตายระบุว่า นายโก้เข้ามาคบหา น.ส.เชอรี่เหมือนมาปอกลอก อีกทั้งนายโก้มีครอบครัวแล้ว ถูกภรรยาจับได้ว่ามาคบกับ น.ส.เชอรี่ จนตัดสินใจเลิกกับภรรยา

อันดับ 4 : จับ "พนม ศรศิลป์" พร้อมพวก ทุจริตเงินทอนวัด ตามหลังพระเถระไปติดๆ

หลังจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 7 รูปจาก 3 วัดดัง "วัดสระเกศ-วัดสามพระยา-วัดสัมพันธวงศ์ฯ" เมื่อ 24 พ.ค. สั่นสะเทือนทั้งวงการพระพุทธศาสนา ในที่สุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตำรวจกองปราบปราม เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 10 จุด หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ลอต 3 รวม 10 คน หนึ่งในนั้นคือ นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) นอกนั้นเป็นอดีตรอง ผอ.พศ. อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด อาทิ อ่างทอง นครปฐม ลำปาง สิงห์บุรี และผู้รับเหมา รวม 9 คน ส่วนนางประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. หลบหนีออกนอกประเทศ และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. ตัวการใหญ่สำคัญ หลบหนีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

2 ส.ค. ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา 8 คน ฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ แยกคำร้อง 3 สำนวน ได้แก่ คดีทุจริตเงินอุดหนุนเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้วัดมุขธารามและวัดท่าพญา จ.นครศรีธรรมราช 21.3 ล้านบาท แต่เหลือเงินให้ทั้งสองวัดเพียง 7 แสนบาท, คดีทุจริตงบจัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา ปี 59 ให้วัดสระเกศฯ เพียงแห่งเดียว 2 ครั้ง รวม 63.7 ล้านบาท ภายหลังเบิกถอนให้บุคคลภายนอกหลายครั้ง และคดีทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาให้วัดสามพระยา 5 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีโรงเรียน และเบิกถอนให้บุคคลภายนอก โดยคัดค้านการประกันตัว และศาลไม่อนุมัติตามที่ญาติผู้ต้องหายื่นคำร้อง เนื่องจากทำความเสียหายให้พระพุทธศาสนา อีกทั้งยังมีการกระทำอีกหลายคดี และคดีมีอัตราโทษสูง เกรว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

อันดับ 5 : สุดงง "ประยุทธ์" คุมสื่อ! บังคับถ่ายรูปต้องทำความเคารพ ห้ามเข้าใกล้ระยะ 5 เมตร

เรื่องวุ่นๆ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับสื่อมวลชน เกิดขึ้นจากความพยายามของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า จะไม่พูดเรื่องการเมืองหากไม่มีประเด็น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะไปประชุมส่วนราชการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเปิดงาน Thailand Industry Expo 2018 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และวันต่อมายังไปเปิดงาน Thailand Social Expo 2018 นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า สื่อจาการ์ตาโพสต์ของอินโดนีเซีย ตีพิมพ์บทความเสนอแนะอย่าให้ผู้นำจากการรัฐประหารจากไทยเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า

ที่น่าแปลกใจ อยู่ดีๆ ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพลงทะเบียน ลงเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมออกระเบียบ บังคับให้ต้องทำความเคารพ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพ ต้องอยู่ห่างจากนายกรัฐมนตรี 5 เมตร ห้ามถ่ายภาพตรงหน้า ห้ามถ่ายภาพขณะเดินขึ้นหรือลงจากที่สูง ห้ามถ่ายภาพขณะรับประทานอาหาร กลายเป็นที่วิจารณ์ในหมู่ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลจำนวนมาก แม้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะส่งไลน์ข่าวแจกอ้างว่าเป็นเอกสารเก่า แต่กลุ่มผู้สื่อข่าวยืนยันว่าเซ็นรับคำสั่งคุมสื่อกับมือ และในงานยังประกาศผ่านไมโครโฟนถึงข้อห้ามต่างๆ อีกด้วย

การควบคุมสื่อมวลชนครั้งล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ถูกวิจารณ์จากฝ่ายการเมือง เช่น ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่เข้าท่า แค่หาข้ออ้างหลบนักข่าว ที่น่าตำหนิคือการบังคับให้ทำความเคารพ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนและหลังถ่ายภาพทุกครั้ง ทั้งที่การมีสัมมาคารวะควรปล่อยตามกฎเกณฑ์ทางสังคม ไม่ใช่บังคับเป็นกฎเหล็ก อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำเอา พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และ พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ต่างปฏิเสธความรับผิดชอบ พร้อมอ้างว่าสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องนี้จึงจบลงแบบหายไปกับสายสมตามเคย

อันดับ 6 : แผ่นดินไหวเกาะลอมบอก อินโดนีเซีย นักปีนเขาไทยกว่า 200 ชีวิตติดภูเขาไฟรินจานี

ภัยธรรมชาติในดินแดนวงแหวนภูเขาไฟครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 29 ก.ค. เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 แมกนิจูด บนเกาะลอมบอก ใกล้กับเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ที่พักอาศัยพังถล่มลงมา และเกิดดินถล่ม กระทั่งช่วงบ่ายนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟรินจานี บนเกาะลอมบอก ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ขอความช่วยเหลือว่า มีคนไทยไปท่องเที่ยวปีนเขา ติดค้างอยู่บนภูเขาไฟรินจานีนับร้อยคน เนื่องจากเกิดอาฟเตอร์ช็อก ดินบนภูเขาร่วงลงมาตลอด ขณะที่ทางการอินโดนีเซียระดมทีมกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซียลงพื้นที่ดูแลด้วยตัวเอง

กระทรวงการต่างประเทศของไทย ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟรินจานี พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. รวม 265 คน ขณะที่สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ระบุว่าในวันเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวรวมมากถึง 820 คน มีคนไทยลงทะเบียนมากที่สุด 337 คน รองลงมาคือาวฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสเปน ซึ่งการเดินขึ้นเขาและลงเขาความสูง 3,726 เมตร จะใช้เวลารวม 2 วัน 1 คืน ต่อมาวันที่ 30 ก.ค. มีคนไทยลงมาบริเวณตีนเขา 216 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ก่อนที่จะทยอยกลับไทย ชุดสุดท้ายมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 1 ส.ค. ด้านตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 16 ราย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 1 คน ไกด์ท้องถิ่น 1 คน บาดเจ็บ 330 ราย จำนวนนี้อาการสาหัส 220 ราย

อันดับ 7 : ไร้ฝ่ายค้าน! "ฮุน เซน" ชนะเบ็ดเสร็จ เลือกตั้งกัมพูชาครั้งที่ 6 สหรัฐฯ ขู่แซงก์ชัน

การเลือกตั้งทั้วไปของกัมพูชา ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา พบว่าสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน วัย 65 ปี แห่งพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งครองอำนาจมายาวนานที่สุดในโลกถึง 33 ปี ในนามพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ก็ชนะการเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จ โดยที่นั่ง ส.ส. 125 คน ถูกกวาดอย่างถล่มทลายเกิน 100 ที่นั่ง นอกนั้นพรรคฟุนซินเปก ของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ได้มา 5 ที่นั่ง พรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย ได้มา 6 ที่นั่ง และพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนหนึ่ง โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 6.88 ล้านคน คิดเป็น 82%

การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกวิจารณ์จากสหรัฐอเมริกาว่ามีข้อบกพร่อง เพราะไม่มีพรรคฝ่ายค้านหลักลงสมัคร สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ นายเขม โสภา หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชาถูกจับกุม ก่อนที่พรรคจะถูกศาลสั่งยุบพรรค ห้ามแกนนำพรรค 118 คน ทำกิจกรรมทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยอ้างว่าสมคบคิดกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาวางแผนยึดอำนาจรัฐบาลฮุน เซน พร้อมพิจารณามาตรการตอบโต้ อย่างที่เคยงดออกวีซ่าให้แก่สมาชิกในรัฐบาลกัมพูชา แต่รัฐบาลจีนกลับตรงกันข้าม ประกาศว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


กำลังโหลดความคิดเห็น