xs
xsm
sm
md
lg

คนขับรถแท็กซี่รุ่นแรกต้องใส่เสื้อนอก! คนโดยสารต้องแต่งตัวเรียบร้อยให้เกียรติรถเก๋ง!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

พล.ท.พระยาเทพหัสดิน
กรุงเทพฯเริ่มมีรถแท็กซี่ออกบริการเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ๒๔๖๖ สมัยรัชกาลที่ ๖ เกือบ ๑๐๐ ปีมาแล้ว ผู้ริเริ่มก็คือ พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) อดีตแม่ทัพไทยที่ไปร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ ๑ ในยุโรป เริ่มต้นเพียง ๔ คัน เป็นรถออสติน ทะเบียนก็ไม่ได้แยกให้แตกต่างจากรถส่วนบุคคล ใช้ป้ายวางไว้ด้านหน้ากระจกว่า “รับจ้าง” พอมีผู้โดยสารขึ้นก็เก็บป้าย เรียกกันว่า “รถไมล์” เพราะคิดค่าโดยสารเป็นไมล์ ส่วนคนขับก็ใช้อดีตทหารอาสาในหน่วยยานยนต์ที่ไปร่วมรบด้วยกันมา แต่งตัวโก้นำสมัย นุ่งกางเกงขายาวแบบฝรั่ง ใส่เสื้อเชิ้ตแล้วสวมทับด้วยเนื้อนอกคอแบะ มีรายได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของค่าโดยสาร

รถแท็กซี่ได้รับความนิยมพอควร ใน ๖ เดือนมีจำนวนรถเพิ่มขึ้นเป็น ๒๐ คัน และมีคู่แข่งเกิดขึ้นตาม พระยาเทพหัสดินจึงเสนอต่อกระทรวงนครบาล กำหนดราคาค่าโดยสารให้แน่นอน โดยให้แท็กซี่ทุกคันต้องติดมิเตอร์แบบแท็กซี่ในยุโรป และในฐานะผู้ริเริ่มกิจการนี้ จึงขอโควต้าแท็กซี่ ๒๐๐ คัน ยินดีจ่ายค่าภาษีให้มากกว่าภาษีรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ไม่ได้รับความสนใจจากราชการ พระยาเทพหัสดินจึงเลิกกิจการรถแท็กซี่ไป

คนที่ขึ้นแท็กซี่แรกๆนั้น ก็เพราะเห่อของใหม่ และอยากจะลองนั่ง “รถเก๋ง” ดูซักที มีคนขับแต่งตัวโก้ขับให้นั่งเสียด้วย จึงต้องแต่งตัวกันให้เรียบร้อยกว่าขึ้นรถสามล้อ ให้กียรติรถเก๋ง แต่ค่าโดยสารก็อยู่ในขั้นสูงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพคนไทยในสมัยนั้น คือ ๑๕ สตางค์ต่อ ๑ ไมล์ แท็กซี่จึงต้องค่อยๆเลิกไปในที่สุด

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปี ๒๔๙๐ รถแท็กซี่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งโดยมีผู้นำรถโรโนลต์เครื่องท้ายคันเล็กๆมาวิ่ง จนคนทั่วไปเรียกรถแท็กซี่ว่า “รถเรโนลต์” คิดค่าโดยสารประมาณกิโลเมตรละ ๒ บาท ต่อมารถออสตินแวนก็เข้าครองตลาดแท็กซี่ และมีแต่สีเทาเท่านั้น ก่อนที่ดัทสันบลูเบิร์ดและฮีโน่เครื่องท้ายจะเข้ามาแทรกจนเรโนลต์หมดสภาพไป และรถญี่ปุ่นก็เข้ายึดครองรถแท็กซี่ได้โดยเด็ดขาด

เมื่อกิจการแท็กซี่ได้รับความนิยม คนที่มีรถเก๋งก็เอารถส่วนตัวมาทำเป็นแท็กซี่หารายได้พิเศษกันมากขึ้น และขยายไปตามจังหวัดต่างๆ จนมีการควบคุมจำนวนและพัฒนาระบบเรื่อยมา

ปัจจุบันแท็กซี่ในกรุงเทพฯมีอยู่กลาดเกลื่อน ทุกคันต้องติดมิเตอร์ บางคันก็มีวิทยุเรียกได้ และทุกคันต้องมีแอร์ สภาพอากาศกรุงเทพฯไม่สามารถใส่เสื้อนอกขับรถเปิดกระจกได้ เหมือนเมื่อแรกมีแท็กซี่อีกแล้ว เพราะเหงื่อจะโชกทั้งคนขับและผู้โดยสาร ทำให้เชื่อว่าโลกร้อนขึ้นแน่ๆ
รถม้ารับจ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น