จากนักข่าวภาคสนามแห่งรายการข่าว 3 มิติ สู่เจ้าของแบรนด์ “โศธิดา” อาภรณ์เสื้อผ้าที่ดึงความเป็นเจ้าหญิงออกมาจากหัวใจสาวๆ “โศธิดา โชติวิตร” หรือ “ทราย Sothida Silk” ตั้งเป้าสูงทะลุเพดาน หวังปั้นแบรนด์เสื้อผ้าของไทยไปสู่เวิลด์คลาส

พูดได้ว่า ทั้งชีวิตผูกติดอยู่กับแฟชั่นการแต่งตัว ด้วยความรักในสีสันของเสื้อผ้าที่เธอเห็นว่าส่งผลต่อความคิดจิตวิญญาณ ทำให้อดีตนักข่าวที่กำลังก้าวขึ้นมามีชื่อ มีความมั่นคง ตกลงปลงใจละทิ้งเส้นทางคนข่าว เพื่อก้าวเข้าหาสิ่งที่บอกกับตัวเองทุกเมื่อเชื่อวันว่า มันคือความรัก
แม้จะโดนทัก แม้จะโดนท้วง ด้วยความห่วงใย จากคนใกล้ตัว แต่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยรัก ทำให้เธอไม่ย่อท้อที่จะทอถักความฝันและดีไซน์มันออกมาจนเป็นที่ยอมรับ ...“โศธิดา” หรือ “Sothida” ณ เวลานี้ กลายเป็นอีกแบรนด์เสื้อผ้าระดับลักซ์ชัวรี่ที่สตรีถ้วนหน้า ปรารถนาที่จะได้มันมาเก็บไว้ในตู้ และประดับอยู่บนเรือนกาย...

กล้าที่จะฝันและลงมือทำ
ฉากแรกเจ้าหญิงโศธิดาแบรนด์
• เริ่มต้นรักชอบทางด้านนี้ตอนไหนอย่างไร
ชอบตั้งแต่เด็ก คือถ้าเกิดผ้าม่านผืนไหนในบ้านสวยก็จะเลาะลงมาเอามาเพื่อนสาวมาได้คนหนึ่งก็พันๆ แล้วก็สั่งให้เดิน (หัวเราะ) ซึ่งอายุตอนนั้นก็น่าจะตั้งแต่จำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
• พบว่าชอบมีใจแล้ว ทำไมถึงเลือกที่จะไปทำงานด้านสื่อสารมวลชนหรือเป็นนักข่าวก่อน
เป็นความเข้าใจของผู้ใหญ่ คิดว่าเป็นความไร้สาระของเด็กๆ อันนี้จริงๆ เราไม่เห็นด้วย เพราะว่าแม่จะปลูกฝังมาตลอดว่าการเป็นดีไซเนอร์มันไม่มีอะไรจะกิน ทีนี้พอถึงวันหนึ่งที่ตัดสินใจว่าเราจะเป็นอะไรก็ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบแต่ไม่กล้า ก็ตัดสินใจไปทางอื่น ก็มาเรียนวารสารแทน ในช่วงที่จบวารสารแล้วจะไปเข้าวงการข่าว เราเลือกมาเป็นผู้ประกาศ เพราะว่าจะได้แต่งตัวสวยๆ ตั้งใจอย่างนั้นเลย ว่าแต่งตัวสวยๆ นั่งอยู่บนโต๊ะแล้วก็ประกาศข่าว (ยิ้ม)
ก็ได้ทำงานที่ช่อง 9 ตอนนั้นทำในส่วนของ Breaking News ประมาณ 7 เดือน บังเอิญเป็นช่วงเดียวกับที่พี่กิติ สิงหาปัด อยู่ช่อง 9 แล้วพอพี่กิติย้ายมาช่อง 3 เขาก็บอกว่าทรายย้ายไปช่อง 3 กัน ซึ่งในขณะที่เรางงๆ อยู่นั้น HR ทางช่อง 3 ก็โทรมา น้องทรายคะ เดี๋ยวเริ่มงานวันจันทร์ เราก็ตามนั้นๆ ก็ย้ายจากช่อง 9 มาช่อง 3 ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ทำรายการทำนองฮาร์ดนิวส์ ข่าว 3 มิติ ตอนแรกๆ ก็ชอบแต่งตัวฟรุ้งฟริ้งเด็กๆ ตามสไตล์ของเรา ติดโบว์บ้าง มีลูกไม้ระบายบ้าง ก็โดนโทรมาว่าทำไมใส่ชุดนี้ไปทำข่าว วันรุ่งขึ้นพี่ก็พาไปซื้อเสื้อผ้าเลยทันที
• รู้สึกอย่างไร ณ ตอนนั้น
เฮิร์ท…ก็เฮิร์ท แต่ก็รักรายการนะ เพียงแต่มันก็กลายเป็นความเก็บกด คือเรื่องหลักเรื่องเดียวที่เราเก็บกดจากการทำงานข่าวเลยก็คือเรื่องชุด เพราะว่าเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นผืนผ้าหรือดีไซน์ก็ตามมันอยู่บนผิวเรา มันมีผลกับความรู้สึกเรา จิตวิญญาณ สำหรับเรา ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่ แต่สำหรับโศธิดาไม่ได้ ณ ตอนนั้นวิธีแก้ขัดของเราเลยก็คือจะต้องมีมงกุฎอันหนึ่งใส่เวลาเขียนข่าวทุกครั้งเลย (หัวเราะ) ต้องใส่มงกุฎทุกครั้ง กลับมาจากทำข่าวนับคนตาย อุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตามแต่ เวลาเขียนสคริปต์ข่าว ก็จะใส่อันนี้ไว้แล้วเขียนสคริปต์ พี่ๆ เขาก็แซวว่าไอ้บ้า เพี้ยน

• ระยะเวลากี่ปี ถึงก้าวออกมาจากตรงจุดนั้น
มันค่อนข้างเก็บกดกับสิ่งที่มันอยู่ข้างในเรามาก เราก็ไปเอาผ้าไหมมาพับหนึ่ง เยอะเหมือนกันแล้วก็เดินหาช่าง 1 คน แล้วก็บอกเขาว่าพี่คะเอากระโปรงแบบนี้ แล้วก็ทำออกมาได้เป็นกระโปรงดับเบิล s 01 ขายครั้งแรก ลงในไอจีและเฟซบุ๊ก ทำเพจเลย เพราะคิดไว้แล้วว่าจะต้องทำจริงจัง ทีนี้คุณแม่ก็จะบอกว่าลูกทำไมจบปริญญาโทมาเป็นแม่ค้าหรือ เราก็คิดในใจ...ไม่ได้เหรอ แต่ก็ทำควบคู่กันอยู่สักพักหนึ่ง เพราะเข้าใจท่านว่าท่านเป็นห่วงอนาคตของเรา ท่านอยากให้เราเติบโตไปในทิศทางที่ท่านสบายใจ
แต่มันไม่ง่ายเลย ตั้งแต่ว่าเราจะสามารถสร้างธุรกิจได้ยังไงนั้นก็ส่วนหนึ่ง เราจะสู้กับข้างในครอบครัวเราอย่างไร เพราะว่าเขาไม่มั่นใจหรอกว่านักข่าวคนหนึ่งที่ทำงานกินเงินเดือนมาตั้งนาน อยู่ๆ จะมาดูแลบริษัท เพราว่าบริษัทมันคือทั้งหมด แล้วเขาก็รู้ว่าเราไม่รู้หรอก ทำตรงนี้มันหนักหนาแค่ไหน ซึ่งตอนนั้นจริงๆ สิ่งที่ตัดสินใจออกมากับสิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน
• วันที่ตัดสินใจทำมีคนร่วมด้วยกี่คน
มีเรากับมีคุณพ่อสองคน คือก่อนหน้านั้นเราบอกคุณพ่อว่าสนใจหุ้นกับเราไหม ทำแผนธุรกิจบิสสิเนสแพลนมาให้ แต่พอเสนอปุ๊บ ท่านตอบว่าพ่อยังไม่รู้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการมีกำไรหรือเปล่า แล้วทำไมพ่อถึงจะซื้อหุ้นกับลูก เราก็ย้อนกลับมาคิด ซึ่งก็จริง หลังจากนั้นเราก็พยายามหนักกว่าเดิมอีก คือช่วง 3 เดือนที่ออกมาจากทางช่อง 3 เราไม่มีรายได้ ตอนนั้นมีเงินเก็บอย่างเดียว และเป็นช่วงที่เราขายของคนเดียวโดยที่ยังไม่เป็นบริษัท ก็ทำได้อยู่ประมาณหลักเกือบๆ แสนประมาณ 3 เดือน จนกระทั่งพ่อรู้สึกว่ามันทำคนเดียว มันก็ยังทำได้
• ทำได้อย่างไร
ส่วนหนึ่งตรงนั้นโชคดีมากที่รัฐบาลนี้ในช่วงปีนั้นมีนโยบายสนับสนุน SMEs แล้วโครงการนั้นสนับสนุนเป็นรูปธรรมมาก Fashion Next 2017 เขาประกาศปุ๊บ เราเห็นจดหมาย เราไม่รู้ว่าการเข้าไปร่วมกับรัฐมันจะได้อะไร แต่โครงการนั้นมันเป็นหนทาง เราต้องไป แล้วเขาก็มีทั้งแพทเทิร์น ดีไซน์ การออกแบบคอลเลคชั่น จัดซื้อ แล้วก็มารุมเราคนเดียวเพื่อให้เรากำเนิดแบรนด์นี้ให้ได้

ผู้หญิงที่รักตัวเองเป็นเท่านั้น…
ถึงจะได้รับความรักตอบกลับมา
• ทำให้เป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ แถมได้รับการตอบรับสนับสนุนในโลกออนไลน์
คือต้องบอกก่อนว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ได้ด้วยก็คือเพราะว่าเราใส่กลยุทธ์การออกแบบที่เป็นอินโนเวชั่นของเรา เราตั้งชื่อมันว่าอีซี่ออนไลน์ ดีซีชั่น (easy online decision) ด้านหลังจะเห็นตัวข้อต่อที่เราสั่งมาเฉพาะดีไซน์นี้ ซึ่งความลับของมันอยู่ตรงที่ว่าตรงตัวล็อคมันทำให้เราขยับเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยางยืด ในเมื่อเอวพอดีแล้วหน้าอกพอดี เราก็สามารถขยับดึงตรงนี้ขึ้นลงเท่าไหร่ก็ได้ เราออกแบบเสื้อที่มันสามารถปรับออกแบบเอวและอกได้ นั่นคือคำตอบของลูกค้าที่กล้าสั่งเรา เพราะเราออกแบบให้ลูกค้าปรับให้เหมาะกับลูกค้า
• สั่งได้ดั่งเจ้าหญิง ตามชื่อแบรนด์ของเรา
เรามีบริการในการแก้ไขไซด์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเลยหนึ่งครั้ง ถ้าเกิดว่ามันไม่พอดี คือไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นสั่งซื้อเราได้เลย เราดูแลให้เป็นอย่างดี ทั้งออนไลน์และบูติค คือเราดูแลประหนึ่งคุณคือเจ้าหญิง เราเรียกลูกค้าเราว่า S Princes คนที่เข้ามาเป็นลูกค้าเรา ถ้าเรามั่นใจ เขาก็มั่นใจ ถ้าเรากล้าที่จะบอกเขาว่ามั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับไปจะไม่ผิดหวัง คืออย่างดีที่สุดคือถ้าไซส์ไม่พอดีในบางจุด เราก็รับแก้ไขให้ แต่เรื่องของความสวยงาม ความที่ลูกค้าเอาไปใส่แล้วจะมีความสุข อันนี้เราคอนเฟิร์ม

• ฟังดูเหมือนเราจัดผลิตภัณฑ์ของเราเอาไว้ในลักซ์ชัวรี่แบรนด์เลย
เราตั้งใจวางการตลาดของเรามาเป็นแบบนี้ เพราะว่าตอนที่เริ่มทำแบรนด์ใหม่ๆ คนจะถามว่าไม่กลัวคนก็อปปี้เหรอ ก็อปสินค้า เราก็ไม่วอรี่นะ เพราะต่อให้คุณก็อปสินค้าเราวันนี้ได้ แต่คุณก็อปแบรนด์เรา แล้วเข้าไปนั่งในใจลูกค้าแบบเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้สร้างแค่ฐานลูกค้า เราสร้างแฟนคลับ เราสร้างให้เสื้อผ้าของแบรนด์ของเราเป็นสิ่งที่ผู้หญิงรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่คู่ควรกับเรา นี่คือสิ่งที่เราจะต้องได้ใส่
เพราะฉะนั้น วันที่เราทำโศธิดาขึ้นมา เราอยากให้ทุกคนมีความสุข แค่มามองสินค้าของเรา มาจับแล้วเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ถ้าวันหนึ่งมันมาอยู่บนตัวเขา เขาจะมีความสุข อันนั้นเราถือว่าเราประสบความสำเร็จในมาร์เก็ตติ้งเราแล้วนะ มาร์เก็ตติ้งขอลักซ์ชัวรี่มันอาจจะไม่ได้ทำวันนี้ขายได้พรุ่งนี้ แต่มาร์เก็ตติ้งของลักซ์ชัวรี่มันทำวันนี้และในอีกระยะยาวมันจะต้องเป็นโศธิดาที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของผู้หญิงทุกคนและเขาภูมิใจด้วยว่ามีถุงที่เขียนว่าโศธิดาอยู่ในตู้เขา (ยิ้ม)

ไม่ถึงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน
จุดเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริง
• ฟังดูไม่ใช่งานง่ายๆ กว่าจะเป็นแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ขนาดนี้
เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการมันปวดร้าว คือต้องรู้ก่อนว่าการเป็นผู้ประกอบการถ้าเป็นธุรกิจเล็ก ความกดดันก็เล็ก เป็นธุรกิจใหญ่ความกดดันก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดธุรกิจของคุณ คือทุกธุรกิจมันมีปัญหาและอุปสรรค สำหรับลักซ์ชัวรี่กับแมส การบริหารก็ไม่เหมือนกัน แมสขายได้ทุกวันจริง แต่แมสก็มีมาร์จิ้นการซื้อก็ต่ำกว่า ลักซ์ชัวรี่มารฺจินสูงแต่เทิร์นโอเวอร์ก็ไม่ลื่นเท่าแมส
• อย่างนั้นมองอนาคตของโศธิดาไว้ถึงระดับใหญ่ขนาดไหน
โศธิดาจะเป็นเวิลด์แบรนด์ แพลนคร่าวๆ รายปี คือภายใน 5 ปี เราจะเจาะตลาดเอเชียอาคเนย์ แล้วก็ภายในไม่เกิน 10ปี เรามั่นใจว่าเราจะไปเวิร์ดแบรนด์ด้วยแผนการตลาดที่เราวางเอาไว้ เราตั้งใจคิดเอาไว้ตั้งแต่มันยังไม่เกิด เพราะว่าวันแรกที่เราไปหยิบผ้าไหมปึกแรกลุกขึ้นมาทำ ทำไมเราถึงหยิบผ้าไหม เพราะเราตั้งใจว่าเราจะขายต่างชาติด้วย เราต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถไปได้ในแบบที่เราเป็นและตั้งใจในแบบที่มันมันใช่แมส
คือเราจะดูทุกตะเข็บให้สวยงามได้ ตั้งแต่นั้นที่เราคิดว่าเราจะเอาความเป็นแบรนด์ไทยนี้ไปเวิลด์แบรนด์ให้ได้ มันต้องทำได้สิ เพราะในโลกนี้ พอมองออกไป ไม่ว่าจะเป็น ตึกเอ็มไพร์สเตท หรือแบรนด์ทุกอย่าง มันถูกวางอยู่มันได้ก็โดยมนุษย์ทำเหมือนกัน เราก็มนุษย์คนหนึ่ง แล้วทำไมเราถึงจะทำไม่ได้

• ทัศนคติเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยส่งให้ไปสู่อนาคตที่วาดหวัง
ข้อคิดประจำใจเราเลยก็คือเรารู้ตัวว่าเราไม่ใช่คนเก่ง ก็เลยยิ่งรู้ตัวว่าเราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็เลยต้องฝึกทั้งวินัยฝึกทั้งแรงใจให้มันเข้มแข็ง แล้วก็ฝึกที่จะกล้าทำ ที่จะลงสนาม กล้าที่จะทดสอบ กล้าทุกอย่าง เราเดินเข้าไปในห้างเราเห็นทุกคนคือคู่แข่ง เสื้อผ้าทุกชิ้นที่แขวนอยู่บนราว ที่ขายบนออนไลน์เขาคือคู่แข่งของเราหมดเลย แต่พ่อก็บอกเราว่า เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร ถ้าเราคิดจะวิ่งแข่งกับเขา เราเหนื่อยตาย เอาแค่ว่าวันนี้ทำได้ดีกว่าเมื่อวาน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว มันทำให้เรามีกำลังใจมากที่ทำให้ทุกๆ วันเราทำดีกว่าเมื่อวาน
ง่ายๆ คือกล้าพูดว่าเส้นทางของการที่ผันตัวจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นผู้ประกอบการมันปวดร้าว ถ้ายังไม่มั่นใจ อย่าทำ แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวโดยที่ไม่ทำอะไร ถ้าเราคิดจะลงมือทำคือรอบคอบ ศึกษาให้ดีเลย เรียนเท่าที่เรียนได้ และอย่ามัวแต่เรียน ให้ลงมือทำจริง อันนั้นคือคีย์เวิร์ดสำคัญที่สุดในการที่เราจะลงมือทำความฝันหรือทำให้สิ่งที่เรารักมันเป็นจริงขึ้นมา
เราเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง พระเจ้าสร้างทุกคนให้มีความโดดเด่นและมีพรประทานเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั่นสิ่งที่ควรจะทำ วันนี้ถ้าคุณรู้ว่ามีสิ่งที่คุณรักอยู่ คือคุณมีพระพรที่ยิ่งใหญ่มาก ตัดสินใจว่าเราจะทำในสิ่งที่เรารักหรือเราจะตายไปกับสิ่งที่เราทำแล้วไม่มีความสุข สุดท้ายถ้าคิดว่าคุณกล้าพอที่จะเลือกในสิ่งที่คุณรัก คุณต้องการมันมากพอแล้วทำมันทุกวัน จนกระทั่งมันเป็นจริงขึ้นมา
• มาตรงนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
เรารู้สึกขอบคุณในทุกๆ ประสบการณ์ที่เราผ่านมา เรารู้สึกขอบคุณทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเรา คนในที่ทำงาน ไม่ว่าวันนั้น เขาจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเรา เขาเป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจ เป็นทั้งคนที่กดดันให้เราต้องมีวันนี้ มันไม่ได้ง่ายๆ และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เราขอบคุณทุกประสบการณ์ ทั้งการเป็นนักข่าวที่ทำให้เราสู้แล้วเรารู้ว่าชีวิตมันไม่ง่าย ทุกๆ ประสบการณ์ ทุกๆ บทเรียนของวันนั้นมันทำให้เรามี โศ-ธิ-ดา ในวันนี้

เราจำได้ว่าสิ่งที่เรารักคืออะไร แต่สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจจะทำ เพราะเรารู้สึกว่าวันนี้เราจำได้แล้วว่าเขาคือใครคนที่เรารัก เราจะยอมให้เขาออกมามีตัวตนอยู่ในชีวิตจริงหรือยัง ถามว่ากลัวไหม กลัวมาก ถามว่ามีอุปสรรคไหม มีทั้งภายนอกและภายในเยอะมาก แต่สิ่งที่เราคิดในใจตลอดก็คือ มันไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มันมีแต่คำว่าเราจะทำยังไงให้มันได้ต่างหาก



ข้อมูล / ภาพ : รายการคนล่าฝัน
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
พูดได้ว่า ทั้งชีวิตผูกติดอยู่กับแฟชั่นการแต่งตัว ด้วยความรักในสีสันของเสื้อผ้าที่เธอเห็นว่าส่งผลต่อความคิดจิตวิญญาณ ทำให้อดีตนักข่าวที่กำลังก้าวขึ้นมามีชื่อ มีความมั่นคง ตกลงปลงใจละทิ้งเส้นทางคนข่าว เพื่อก้าวเข้าหาสิ่งที่บอกกับตัวเองทุกเมื่อเชื่อวันว่า มันคือความรัก
แม้จะโดนทัก แม้จะโดนท้วง ด้วยความห่วงใย จากคนใกล้ตัว แต่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยรัก ทำให้เธอไม่ย่อท้อที่จะทอถักความฝันและดีไซน์มันออกมาจนเป็นที่ยอมรับ ...“โศธิดา” หรือ “Sothida” ณ เวลานี้ กลายเป็นอีกแบรนด์เสื้อผ้าระดับลักซ์ชัวรี่ที่สตรีถ้วนหน้า ปรารถนาที่จะได้มันมาเก็บไว้ในตู้ และประดับอยู่บนเรือนกาย...
กล้าที่จะฝันและลงมือทำ
ฉากแรกเจ้าหญิงโศธิดาแบรนด์
• เริ่มต้นรักชอบทางด้านนี้ตอนไหนอย่างไร
ชอบตั้งแต่เด็ก คือถ้าเกิดผ้าม่านผืนไหนในบ้านสวยก็จะเลาะลงมาเอามาเพื่อนสาวมาได้คนหนึ่งก็พันๆ แล้วก็สั่งให้เดิน (หัวเราะ) ซึ่งอายุตอนนั้นก็น่าจะตั้งแต่จำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
• พบว่าชอบมีใจแล้ว ทำไมถึงเลือกที่จะไปทำงานด้านสื่อสารมวลชนหรือเป็นนักข่าวก่อน
เป็นความเข้าใจของผู้ใหญ่ คิดว่าเป็นความไร้สาระของเด็กๆ อันนี้จริงๆ เราไม่เห็นด้วย เพราะว่าแม่จะปลูกฝังมาตลอดว่าการเป็นดีไซเนอร์มันไม่มีอะไรจะกิน ทีนี้พอถึงวันหนึ่งที่ตัดสินใจว่าเราจะเป็นอะไรก็ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบแต่ไม่กล้า ก็ตัดสินใจไปทางอื่น ก็มาเรียนวารสารแทน ในช่วงที่จบวารสารแล้วจะไปเข้าวงการข่าว เราเลือกมาเป็นผู้ประกาศ เพราะว่าจะได้แต่งตัวสวยๆ ตั้งใจอย่างนั้นเลย ว่าแต่งตัวสวยๆ นั่งอยู่บนโต๊ะแล้วก็ประกาศข่าว (ยิ้ม)
ก็ได้ทำงานที่ช่อง 9 ตอนนั้นทำในส่วนของ Breaking News ประมาณ 7 เดือน บังเอิญเป็นช่วงเดียวกับที่พี่กิติ สิงหาปัด อยู่ช่อง 9 แล้วพอพี่กิติย้ายมาช่อง 3 เขาก็บอกว่าทรายย้ายไปช่อง 3 กัน ซึ่งในขณะที่เรางงๆ อยู่นั้น HR ทางช่อง 3 ก็โทรมา น้องทรายคะ เดี๋ยวเริ่มงานวันจันทร์ เราก็ตามนั้นๆ ก็ย้ายจากช่อง 9 มาช่อง 3 ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ทำรายการทำนองฮาร์ดนิวส์ ข่าว 3 มิติ ตอนแรกๆ ก็ชอบแต่งตัวฟรุ้งฟริ้งเด็กๆ ตามสไตล์ของเรา ติดโบว์บ้าง มีลูกไม้ระบายบ้าง ก็โดนโทรมาว่าทำไมใส่ชุดนี้ไปทำข่าว วันรุ่งขึ้นพี่ก็พาไปซื้อเสื้อผ้าเลยทันที
• รู้สึกอย่างไร ณ ตอนนั้น
เฮิร์ท…ก็เฮิร์ท แต่ก็รักรายการนะ เพียงแต่มันก็กลายเป็นความเก็บกด คือเรื่องหลักเรื่องเดียวที่เราเก็บกดจากการทำงานข่าวเลยก็คือเรื่องชุด เพราะว่าเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นผืนผ้าหรือดีไซน์ก็ตามมันอยู่บนผิวเรา มันมีผลกับความรู้สึกเรา จิตวิญญาณ สำหรับเรา ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่ แต่สำหรับโศธิดาไม่ได้ ณ ตอนนั้นวิธีแก้ขัดของเราเลยก็คือจะต้องมีมงกุฎอันหนึ่งใส่เวลาเขียนข่าวทุกครั้งเลย (หัวเราะ) ต้องใส่มงกุฎทุกครั้ง กลับมาจากทำข่าวนับคนตาย อุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตามแต่ เวลาเขียนสคริปต์ข่าว ก็จะใส่อันนี้ไว้แล้วเขียนสคริปต์ พี่ๆ เขาก็แซวว่าไอ้บ้า เพี้ยน
• ระยะเวลากี่ปี ถึงก้าวออกมาจากตรงจุดนั้น
มันค่อนข้างเก็บกดกับสิ่งที่มันอยู่ข้างในเรามาก เราก็ไปเอาผ้าไหมมาพับหนึ่ง เยอะเหมือนกันแล้วก็เดินหาช่าง 1 คน แล้วก็บอกเขาว่าพี่คะเอากระโปรงแบบนี้ แล้วก็ทำออกมาได้เป็นกระโปรงดับเบิล s 01 ขายครั้งแรก ลงในไอจีและเฟซบุ๊ก ทำเพจเลย เพราะคิดไว้แล้วว่าจะต้องทำจริงจัง ทีนี้คุณแม่ก็จะบอกว่าลูกทำไมจบปริญญาโทมาเป็นแม่ค้าหรือ เราก็คิดในใจ...ไม่ได้เหรอ แต่ก็ทำควบคู่กันอยู่สักพักหนึ่ง เพราะเข้าใจท่านว่าท่านเป็นห่วงอนาคตของเรา ท่านอยากให้เราเติบโตไปในทิศทางที่ท่านสบายใจ
แต่มันไม่ง่ายเลย ตั้งแต่ว่าเราจะสามารถสร้างธุรกิจได้ยังไงนั้นก็ส่วนหนึ่ง เราจะสู้กับข้างในครอบครัวเราอย่างไร เพราะว่าเขาไม่มั่นใจหรอกว่านักข่าวคนหนึ่งที่ทำงานกินเงินเดือนมาตั้งนาน อยู่ๆ จะมาดูแลบริษัท เพราว่าบริษัทมันคือทั้งหมด แล้วเขาก็รู้ว่าเราไม่รู้หรอก ทำตรงนี้มันหนักหนาแค่ไหน ซึ่งตอนนั้นจริงๆ สิ่งที่ตัดสินใจออกมากับสิ่งที่เจอไม่เหมือนกัน
• วันที่ตัดสินใจทำมีคนร่วมด้วยกี่คน
มีเรากับมีคุณพ่อสองคน คือก่อนหน้านั้นเราบอกคุณพ่อว่าสนใจหุ้นกับเราไหม ทำแผนธุรกิจบิสสิเนสแพลนมาให้ แต่พอเสนอปุ๊บ ท่านตอบว่าพ่อยังไม่รู้ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการมีกำไรหรือเปล่า แล้วทำไมพ่อถึงจะซื้อหุ้นกับลูก เราก็ย้อนกลับมาคิด ซึ่งก็จริง หลังจากนั้นเราก็พยายามหนักกว่าเดิมอีก คือช่วง 3 เดือนที่ออกมาจากทางช่อง 3 เราไม่มีรายได้ ตอนนั้นมีเงินเก็บอย่างเดียว และเป็นช่วงที่เราขายของคนเดียวโดยที่ยังไม่เป็นบริษัท ก็ทำได้อยู่ประมาณหลักเกือบๆ แสนประมาณ 3 เดือน จนกระทั่งพ่อรู้สึกว่ามันทำคนเดียว มันก็ยังทำได้
• ทำได้อย่างไร
ส่วนหนึ่งตรงนั้นโชคดีมากที่รัฐบาลนี้ในช่วงปีนั้นมีนโยบายสนับสนุน SMEs แล้วโครงการนั้นสนับสนุนเป็นรูปธรรมมาก Fashion Next 2017 เขาประกาศปุ๊บ เราเห็นจดหมาย เราไม่รู้ว่าการเข้าไปร่วมกับรัฐมันจะได้อะไร แต่โครงการนั้นมันเป็นหนทาง เราต้องไป แล้วเขาก็มีทั้งแพทเทิร์น ดีไซน์ การออกแบบคอลเลคชั่น จัดซื้อ แล้วก็มารุมเราคนเดียวเพื่อให้เรากำเนิดแบรนด์นี้ให้ได้
ผู้หญิงที่รักตัวเองเป็นเท่านั้น…
ถึงจะได้รับความรักตอบกลับมา
• ทำให้เป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ แถมได้รับการตอบรับสนับสนุนในโลกออนไลน์
คือต้องบอกก่อนว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นลักซ์ชัวรี่แบรนด์ได้ด้วยก็คือเพราะว่าเราใส่กลยุทธ์การออกแบบที่เป็นอินโนเวชั่นของเรา เราตั้งชื่อมันว่าอีซี่ออนไลน์ ดีซีชั่น (easy online decision) ด้านหลังจะเห็นตัวข้อต่อที่เราสั่งมาเฉพาะดีไซน์นี้ ซึ่งความลับของมันอยู่ตรงที่ว่าตรงตัวล็อคมันทำให้เราขยับเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องใช้ยางยืด ในเมื่อเอวพอดีแล้วหน้าอกพอดี เราก็สามารถขยับดึงตรงนี้ขึ้นลงเท่าไหร่ก็ได้ เราออกแบบเสื้อที่มันสามารถปรับออกแบบเอวและอกได้ นั่นคือคำตอบของลูกค้าที่กล้าสั่งเรา เพราะเราออกแบบให้ลูกค้าปรับให้เหมาะกับลูกค้า
• สั่งได้ดั่งเจ้าหญิง ตามชื่อแบรนด์ของเรา
เรามีบริการในการแก้ไขไซด์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเลยหนึ่งครั้ง ถ้าเกิดว่ามันไม่พอดี คือไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นสั่งซื้อเราได้เลย เราดูแลให้เป็นอย่างดี ทั้งออนไลน์และบูติค คือเราดูแลประหนึ่งคุณคือเจ้าหญิง เราเรียกลูกค้าเราว่า S Princes คนที่เข้ามาเป็นลูกค้าเรา ถ้าเรามั่นใจ เขาก็มั่นใจ ถ้าเรากล้าที่จะบอกเขาว่ามั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้รับไปจะไม่ผิดหวัง คืออย่างดีที่สุดคือถ้าไซส์ไม่พอดีในบางจุด เราก็รับแก้ไขให้ แต่เรื่องของความสวยงาม ความที่ลูกค้าเอาไปใส่แล้วจะมีความสุข อันนี้เราคอนเฟิร์ม
•
• ฟังดูเหมือนเราจัดผลิตภัณฑ์ของเราเอาไว้ในลักซ์ชัวรี่แบรนด์เลย
เราตั้งใจวางการตลาดของเรามาเป็นแบบนี้ เพราะว่าตอนที่เริ่มทำแบรนด์ใหม่ๆ คนจะถามว่าไม่กลัวคนก็อปปี้เหรอ ก็อปสินค้า เราก็ไม่วอรี่นะ เพราะต่อให้คุณก็อปสินค้าเราวันนี้ได้ แต่คุณก็อปแบรนด์เรา แล้วเข้าไปนั่งในใจลูกค้าแบบเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้สร้างแค่ฐานลูกค้า เราสร้างแฟนคลับ เราสร้างให้เสื้อผ้าของแบรนด์ของเราเป็นสิ่งที่ผู้หญิงรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่คู่ควรกับเรา นี่คือสิ่งที่เราจะต้องได้ใส่
เพราะฉะนั้น วันที่เราทำโศธิดาขึ้นมา เราอยากให้ทุกคนมีความสุข แค่มามองสินค้าของเรา มาจับแล้วเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ถ้าวันหนึ่งมันมาอยู่บนตัวเขา เขาจะมีความสุข อันนั้นเราถือว่าเราประสบความสำเร็จในมาร์เก็ตติ้งเราแล้วนะ มาร์เก็ตติ้งขอลักซ์ชัวรี่มันอาจจะไม่ได้ทำวันนี้ขายได้พรุ่งนี้ แต่มาร์เก็ตติ้งของลักซ์ชัวรี่มันทำวันนี้และในอีกระยะยาวมันจะต้องเป็นโศธิดาที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของผู้หญิงทุกคนและเขาภูมิใจด้วยว่ามีถุงที่เขียนว่าโศธิดาอยู่ในตู้เขา (ยิ้ม)
ไม่ถึงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน
จุดเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริง
• ฟังดูไม่ใช่งานง่ายๆ กว่าจะเป็นแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ขนาดนี้
เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการมันปวดร้าว คือต้องรู้ก่อนว่าการเป็นผู้ประกอบการถ้าเป็นธุรกิจเล็ก ความกดดันก็เล็ก เป็นธุรกิจใหญ่ความกดดันก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดธุรกิจของคุณ คือทุกธุรกิจมันมีปัญหาและอุปสรรค สำหรับลักซ์ชัวรี่กับแมส การบริหารก็ไม่เหมือนกัน แมสขายได้ทุกวันจริง แต่แมสก็มีมาร์จิ้นการซื้อก็ต่ำกว่า ลักซ์ชัวรี่มารฺจินสูงแต่เทิร์นโอเวอร์ก็ไม่ลื่นเท่าแมส
• อย่างนั้นมองอนาคตของโศธิดาไว้ถึงระดับใหญ่ขนาดไหน
โศธิดาจะเป็นเวิลด์แบรนด์ แพลนคร่าวๆ รายปี คือภายใน 5 ปี เราจะเจาะตลาดเอเชียอาคเนย์ แล้วก็ภายในไม่เกิน 10ปี เรามั่นใจว่าเราจะไปเวิร์ดแบรนด์ด้วยแผนการตลาดที่เราวางเอาไว้ เราตั้งใจคิดเอาไว้ตั้งแต่มันยังไม่เกิด เพราะว่าวันแรกที่เราไปหยิบผ้าไหมปึกแรกลุกขึ้นมาทำ ทำไมเราถึงหยิบผ้าไหม เพราะเราตั้งใจว่าเราจะขายต่างชาติด้วย เราต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถไปได้ในแบบที่เราเป็นและตั้งใจในแบบที่มันมันใช่แมส
คือเราจะดูทุกตะเข็บให้สวยงามได้ ตั้งแต่นั้นที่เราคิดว่าเราจะเอาความเป็นแบรนด์ไทยนี้ไปเวิลด์แบรนด์ให้ได้ มันต้องทำได้สิ เพราะในโลกนี้ พอมองออกไป ไม่ว่าจะเป็น ตึกเอ็มไพร์สเตท หรือแบรนด์ทุกอย่าง มันถูกวางอยู่มันได้ก็โดยมนุษย์ทำเหมือนกัน เราก็มนุษย์คนหนึ่ง แล้วทำไมเราถึงจะทำไม่ได้
• ทัศนคติเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยส่งให้ไปสู่อนาคตที่วาดหวัง
ข้อคิดประจำใจเราเลยก็คือเรารู้ตัวว่าเราไม่ใช่คนเก่ง ก็เลยยิ่งรู้ตัวว่าเราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็เลยต้องฝึกทั้งวินัยฝึกทั้งแรงใจให้มันเข้มแข็ง แล้วก็ฝึกที่จะกล้าทำ ที่จะลงสนาม กล้าที่จะทดสอบ กล้าทุกอย่าง เราเดินเข้าไปในห้างเราเห็นทุกคนคือคู่แข่ง เสื้อผ้าทุกชิ้นที่แขวนอยู่บนราว ที่ขายบนออนไลน์เขาคือคู่แข่งของเราหมดเลย แต่พ่อก็บอกเราว่า เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร ถ้าเราคิดจะวิ่งแข่งกับเขา เราเหนื่อยตาย เอาแค่ว่าวันนี้ทำได้ดีกว่าเมื่อวาน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว มันทำให้เรามีกำลังใจมากที่ทำให้ทุกๆ วันเราทำดีกว่าเมื่อวาน
ง่ายๆ คือกล้าพูดว่าเส้นทางของการที่ผันตัวจากมนุษย์เงินเดือนมาเป็นผู้ประกอบการมันปวดร้าว ถ้ายังไม่มั่นใจ อย่าทำ แต่ก็ใช่ว่าจะกลัวโดยที่ไม่ทำอะไร ถ้าเราคิดจะลงมือทำคือรอบคอบ ศึกษาให้ดีเลย เรียนเท่าที่เรียนได้ และอย่ามัวแต่เรียน ให้ลงมือทำจริง อันนั้นคือคีย์เวิร์ดสำคัญที่สุดในการที่เราจะลงมือทำความฝันหรือทำให้สิ่งที่เรารักมันเป็นจริงขึ้นมา
เราเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง พระเจ้าสร้างทุกคนให้มีความโดดเด่นและมีพรประทานเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั่นสิ่งที่ควรจะทำ วันนี้ถ้าคุณรู้ว่ามีสิ่งที่คุณรักอยู่ คือคุณมีพระพรที่ยิ่งใหญ่มาก ตัดสินใจว่าเราจะทำในสิ่งที่เรารักหรือเราจะตายไปกับสิ่งที่เราทำแล้วไม่มีความสุข สุดท้ายถ้าคิดว่าคุณกล้าพอที่จะเลือกในสิ่งที่คุณรัก คุณต้องการมันมากพอแล้วทำมันทุกวัน จนกระทั่งมันเป็นจริงขึ้นมา
• มาตรงนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
เรารู้สึกขอบคุณในทุกๆ ประสบการณ์ที่เราผ่านมา เรารู้สึกขอบคุณทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเรา คนในที่ทำงาน ไม่ว่าวันนั้น เขาจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเรา เขาเป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจ เป็นทั้งคนที่กดดันให้เราต้องมีวันนี้ มันไม่ได้ง่ายๆ และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เราขอบคุณทุกประสบการณ์ ทั้งการเป็นนักข่าวที่ทำให้เราสู้แล้วเรารู้ว่าชีวิตมันไม่ง่าย ทุกๆ ประสบการณ์ ทุกๆ บทเรียนของวันนั้นมันทำให้เรามี โศ-ธิ-ดา ในวันนี้
เราจำได้ว่าสิ่งที่เรารักคืออะไร แต่สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจจะทำ เพราะเรารู้สึกว่าวันนี้เราจำได้แล้วว่าเขาคือใครคนที่เรารัก เราจะยอมให้เขาออกมามีตัวตนอยู่ในชีวิตจริงหรือยัง ถามว่ากลัวไหม กลัวมาก ถามว่ามีอุปสรรคไหม มีทั้งภายนอกและภายในเยอะมาก แต่สิ่งที่เราคิดในใจตลอดก็คือ มันไม่มีคำว่าทำไม่ได้ มันมีแต่คำว่าเราจะทำยังไงให้มันได้ต่างหาก
ข้อมูล / ภาพ : รายการคนล่าฝัน
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล