xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 8-14 ก.ค.2561

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

1.ทั่วโลกสุดดีใจ ปฏิบัติการช่วย 13 หมูป่าออกจากถ้ำสำเร็จ- “ในหลวง” พระราชทานยศ-เครื่องราชฯ แก่ “จ่าแซม” เป็นกรณีพิเศษ!
(บน) ทั่วโลกอาลัย จ.อ.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม และหลังการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ มีผู้ปั้นรูปจ่าแซมกำลังลูบหัวหมูที่กำลังร้องไห้ (ล่าง) น้องๆ ทีมหมูป่าอยู่ในการดูแลของ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
ในที่สุด ปฏิบัติการช่วยเหลือนักเตะเยาวชนทีม “หมูป่าอะคาเดมี” พร้อมโค้ชรวม 13 คน ออกจากถ้ำหลวง จ.เชียงราย ก็ประสบผลสำเร็จ หลังเด็กๆ ติดอยู่ภายในถ้ำตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หลังจากนักดำน้ำชาวอังกฤษ 2 คน พบทีมหมูป่าบริเวณเนินนมสาว เลยจุดพัทยาบีชประมาณ 400 เมตร เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค. ความพยายามช่วยเหลือเด็กๆ ทั้งหมดออกจากถ้ำจึงเริ่มขึ้น ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งหน่วยซีลของไทย และนักดำน้ำต่างชาติจากหลายประเทศ รวมทั้งหน่วยสนับสนุนนับร้อยคนที่ต้องเข้าไปช่วยภายในถ้ำ

โดยการช่วยเหลือหมูป่าชุดแรก 4 คนมีขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.ค.หลังศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวงฯ จ.เชียงราย (ศอร.) แจ้งให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ถ้ำหลวง รวมทั้งสื่อมวลชน เพื่อเคลียร์เส้นทางรองรับปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่า โดยมีรถพยาบาล 13 คันสแตนบายที่ปากถ้ำ เพื่อรับเด็กไปโรงพยาบาล

เหตุที่ ศอร.เลือกช่วยเหลือทีมหมูป่าในวันดังกล่าวและใช้วิธีดำน้ำพาเด็กออกมา นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าฯ เชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการ ศอร.เผยว่า เนื่องจากระดับน้ำลดลงในจุดที่น่าพอใจ และเกรงว่า หากพายุมาก่อน ความพร้อมจะลดลง ประกอบกับออกซิเจนภายในถ้ำเริ่มลดลง ซึ่งหากลดลงเรื่อยๆ จะเกิดอันตรายได้ พร้อมยืนยันว่าเด็กๆ รับทราบภารกิจแล้ว และมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยเจ้าหน้าที่ได้ซักซ้อมวิธีช่วยเหลือและทดสอบเด็กเพื่อปฏิบัติจริงแล้ว

ทั้งนี้ จุดที่ต้องดำน้ำ คือจากโถงสามจนถึงเนินนมสาว ระยะทางประมาณ 1,700 เมตร ซึ่งในการช่วยเหลือ จะมีเจ้าหน้าที่ 2 คนคอยประกบเด็ก 1 คน ส่วนจากโถงสามมายังปากถ้ำ เจ้าหน้าที่ใช้วิธีให้เด็กนอนเปล เพื่อไม่ต้องเดินเอง และมีการใช้เชือกช่วยชักรอกด้วย

ซึ่งในที่สุด การช่วยเหลือทีมหมูป่า 4 คนแรกก็เรียบร้อยและปลอดภัย โดยใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง ก่อนใช้รถพยาบาลและเฮลิคอปเตอร์พาเด็กเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จากนั้นวันต่อมา 9 ก.ค.ปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าชุดที่ 2 ก็เริ่มขึ้น โดยช่วยออกมาอีก 4 คนอย่างปลอดภัยเช่นกัน ก่อนที่วันที่ 10 ก.ค. จะช่วยเหลือชุดสุดท้ายอีก 5 คน โดยโค้ชเอกอยู่ในชุดสุดท้ายด้วย นอกจากนี้ยังมีหมอภาคย์ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผบ.พัน.สร.3 เจ้าของฉายาหมอแกร่งที่สุดในปฐพี และหน่วยซีลอีก 3 นายที่อยู่ดูแลทีมหมูป่าที่เนินนมสาว ออกจากถ้ำมาในชุดสุดท้ายด้วย ซึ่งทุกคนปลอดภัยดี

หลังการช่วยทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตประสบผลสำเร็จอย่างน่าทึ่ง สร้างความดีใจให้คนไทยทั้งประเทศ รวมถึงทั่วโลกที่ลุ้นให้การช่วยเหลือเด็กๆ ครั้งนี้ลุล่วงด้วยดี โดยทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวความสำเร็จของการช่วยทีมหมูป่าออกจากถ้ำเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 ขณะที่ผู้นำหลายประเทศต่างร่วมแสดงความชื่นชมยินดี

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ขอบคุณทุกคนกับความสำเร็จในการช่วยเหลือทีมหมูป่าครั้งนี้ “ผมในนามรัฐบาลไทย ต้องขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งในความเสียสละและความมุมานะในการปฏิบัติงานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน”

สำหรับสุขภาพของทีมหมูป่าทั้ง 13 คนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แม้เด็กบางคนจะมีภาวะปอดอักเสบระยะแรก แต่แพทย์ก็ดูแลจนไม่มีอะไรน่าห่วง ขณะที่การตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อจากภายในถ้ำหรือไม่ ก็ไม่พบเช่นกัน คาดว่า เด็กน่าจะกลับบ้านได้ในวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.ค.นี้ แต่หลังจากนั้นต้องติดตามอาการประมาณ 1 เดือน

ล่าสุด 14 ก.ค. เฟซบุ๊กของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้เผยแพร่คลิปสมาชิกหมูป่าทั้ง 13 คน โดยแต่ละคนกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้สุขภาพทุกคนแข็งแรงดี

ทั้งนี้ ไม่เพียงกระแสชื่นชมจะมีต่อทีมกู้ภัยทั้งของไทยและต่างชาติที่ร่วมช่วยเหลือทีมหมูป่าในครั้งนี้ แต่ทั่วโลกยังให้การยกย่องความเสียสละของ จ.อ.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม ว่าเป็นวีรบุรุษตัวจริง ที่เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่าเมื่อวันที่ 6 ก.ค. แม้แต่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าฯ เชียงราย ยังกล่าวว่า สำหรับตน วีรบุรุษตัวจริงก็คือ จ.อ.สมาน ถือเป็นผู้เสียสละอย่างมาก ทำให้มุ่งมั่นทำภารกิจให้สำเร็จ

ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ได้ข้อสรุปจะให้เงินช่วยเหลือและเงินชดเชยแก่ครอบครัว จ.อ.สมาน เบื้องต้นประมาณ 4 ล้านบาท โดยบอร์ด ทอท.จะหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป ขณะที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จะให้เงินช่วยเหลืออีก 4.9 แสนบาท

นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ชาวเชียงราย ได้ประกาศจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ จ.อ.สมาน เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความเสียสละ นอกจากนี้จะบันทึกประวัติศาสตร์การติดภายในถ้ำหลวงของเด็กๆ 13 คน ลงบนผืนผ้ากว้าง 3 เมตร ยาว 13 เมตร โดยฝีมือศิลปินชาวเชียงรายที่มีกว่า 300 คน

ล่าสุด 14 ก.ค. ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.อ.สมาน ที่วัดบ้านหนองคู ต.เมืองหงส์ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธี และวันเดียวกันนี้ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ นาวาตรี เป็นกรณีพิเศษ แก่ จ.อ.สมาน พร้อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจาก จ.อ.สมาน เป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี และได้อุทิศความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จนกระทั่งตนเองเสียชีวิต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน องค์กร และนานาประเทศ

2.สนช. โหวตเลือก กกต.แค่ 5 คว่ำ 2 “สมชาย-พีระศักดิ์” คาดหวั่นมีปัญหาภายหลัง!
(ซ้าย) นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด (ขวา) นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ไม่ได้รับเลือกเป็น กกต.
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้ประชุมลับเพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ชุดใหม่ โดยผู้ถูกเสนอชื่อทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร 3.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย 4.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด 5.นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) 6.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ 7.นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หลังคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. ตรวจสอบประวัติทั้ง 7 คนเรียบร้อยแล้ว

หลังใช้เวลาประชุมลับกว่า 3 ชั่วโมง และให้สมาชิกได้ลงคะแนนลับ ผลปรากฏว่า มีผู้ได้รับเลือกให้เป็น กกต.เพียง 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ได้ 178 ต่อ 20 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง 2.นายอิทธิพร บุญประครอง ได้ 186 ต่อ 10 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง 3.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย 148 ต่อ 12 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง 4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ได้ 184 ต่อ 11 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง และ 5.นายปกรณ์ มหรรณพ ได้ 185 ต่อ 10 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง

ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับเลือก 2 คน ประกอบด้วย นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ได้ 3 ต่อ 193 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ได้ 28 ต่อ 168 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เหตุที่นายสมชายและนายพีระศักดิ์ ไม่ได้รับคัดเลือก เนื่องจากนายสมชายมีคดีถูกฟ้องร้องอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. และศาล กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้ สนช.หลายคนเกรงว่า หากได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และเกิดความยุ่งยากตามมา หากถูกชี้มูลความผิดในภายหลัง ส่วนนายพีระศักดิ์ มีปัญหาถูกร้องเรียนเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง

ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.แถลงว่า หลังสนช.มีมติเห็นชอบ กกต.5 คนแล้ว กกต.ทั้ง 5 คนต้องลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ภายใน 15 วัน จากนั้นสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะดำเนินการให้ กกต. 5 คนได้ประชุมร่วมกันเพื่อเลือกประธาน กกต.1 คน ก่อนนำรายชื่อทั้ง 5 คนขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป โดยไม่ต้องรอให้ครบ 7 คน ส่วนการสรรหา กกต.ใหม่อีก 2 คนนั้น จะทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาอีกครั้ง ซึ่งต้องดำเนินการสรรหาให้เสร็จภายใน 90 วัน

3.ปิดคดีทุจริตคลองด่าน ศาลฎีกาสั่งจำคุก “วัฒนา” กับพวก คนละ 3-6 ปี ขณะที่เจ้าตัวยังหลบหนี!
(บน) นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (ล่าง) โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอกชน 18 ราย และนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และฉ้อโกงสัญญาจ้างก่อสร้างฯ มูลค่าประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี จำเลยที่ 1 และสั่งประทับรับฟ้องไว้เฉพาะจำเลยที่ 2-19

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2552 ว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2-19 เชื่อมโยงกัน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ กลุ่มหนึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินนำขายให้แก่โจทก์ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงการ ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน โดยทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินดังกล่าวออกโฉนดโดยมิชอบแล้วนำมาขายให้โจทก์ใช้ก่อสร้างโครงบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการ มีเจตนาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นำผลประโยชน์ไปแบ่งปันกัน พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2-19 ร่วมกันกระทำผิดตาม ม.341 ฐานร่วมกันฉ้อโกง จึงให้จำคุกจำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18, 19 คนละ 3 ปี

ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12, 16 ให้ปรับรายละ 6,000 บาท โดยระหว่างอุทธรณ์คดี จำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18 ได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท ส่วนนายวัฒนา จำเลยที่ 19 หลบหนีคดีไปก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับและปรับนายประกัน

ต่อมาศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2556 พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากเห็นว่าช่วงเวลาที่บริษัท ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 16 ซื้อที่ดินยังไม่แน่ชัดว่าโครงการก่อสร้างบำบัดน้ำเสียจะใช้ที่ดินบริเวณใดบ้าง พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าพวกจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการใดๆ ให้คณะกรรมการคัดเลือกของ คพ.ให้เลือกที่ดินของบริษัท คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 12 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-19 ฟังขึ้น ต่อมาโจทก์ ได้ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกากลับพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหมด

ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้ให้จำคุกนายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำเลยที่ 3 และนายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 11 จำคุกคนละ 6 ปี ฐานร่วมกันฉ้อโกงการซื้อที่ดิน 1.9 พันล้านบาท และฉ้อโกงสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง

สำหรับนายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 13, นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ ที่ 14, นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ ที่ 15, นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ ที่ 17 และนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย (หนีคดีตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งศาลออกหมายจับไว้อยู่แล้ว) จำเลยที่ 19 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน

ส่วนบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำเลยที่ 2 กับ บริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 10 นั้น ให้ปรับรายละ 2 กระทง รวมเป็นเงิน 12,000 บาท ฐานร่วมกันฉ้อโกงการซื้อที่ดินและฉ้อโกงสัญญาจ้างก่อสร้างงาน และปรับบริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ จำเลยที่ 12 กับบริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 16 รายละ 6,000 บาท ฐานร่วมกันฉ้อโกงการซื้อที่ดิน

สำหรับบริษัทประยูรวิศว์การช่าง, นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัทประยูรวิศว์การช่าง, นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัทสี่แสงการโยธา, บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์, นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์ จำเลยที่ 4, 5, 7, 8, 9 ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง เพราะไม่มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

4.“เจ้าของ-ช่างเครื่อง” เรือฟีนิกซ์มอบตัวแล้วหลังถูกศาลออกหมายจับ ด้าน ผอ.เจ้าท่าภูเก็ตโดนเด้งเซ่นเรือล่ม!
(ซ้าย) นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี ช่างเครื่องเรือฟีนิกซ์ (ขวา) น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล เจ้าของเรือฟีนิกซ์ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน
ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเรือล่ม 2 ลำที่ภูเก็ต คือเรือฟินิกซ์ และเรือเซเรเนต้า ที่นำนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเพื่อไปดำน้ำ แต่ถูกคลื่นลมแรงซัดจนล่มกลางทะเลเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือของเรือเซเรเนต้าได้ทั้งหมดรวม 41 คน แต่ในส่วนของเรือฟินิกซ์ ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือ 89 คนนั้น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 42 คน และเสียชีวิต 47 ศพ โดยยังเหลืออีก 1 ศพที่เจ้าหน้าที่พบแล้วว่าติดอยู่ใต้ซากเรือฟินิกซ์ที่จมอยู่ก้นทะเลลึกถึง 45 เมตร แต่ยังไม่สามารถกู้ศพขึ้นมาได้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 ก.ค. เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม พร้อมแนะให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการท่องเที่ยวกลางทะเลในช่วงนี้ โดยแจ้งเตือนและกำชับห้ามนำเรือท่องเที่ยวออกอย่างเด็ดขาด และให้เรือตรวจการณ์ในทะเลคอยตรวจสอบ หากพบมีเรือฝ่าฝืนออก ให้เร่งนำเรือเข้าฝั่งทันที เพื่อป้องกันเหตุเรือล่มเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเน้นย้ำว่า จะมีการสืบสวนหาสาเหตุของเรือล่มครั้งนี้ หากเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญ จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเหตุเรือล่มนั้น พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ดำเนินการอยู่ 3 คดี 1.ดำเนินคดีนายเมธา หลิมสกุล ซึ่งเป็นนายเรือ(กัปตัน) เรือเซเรนาต้า และนายเผิง ต้าชิง สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยเรือ ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 2.ดำเนินคดีนายสมจริง บุญธรรม ซึ่งเป็นนายเรือ(กัปตัน) เรือฟีนิกซ์ ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาไปแล้ว และ 3. ดำเนินคดี MR.ILIA GOLDMAN สัญชาติรัสเซีย ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการเปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 1,000 บาท

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ซึ่งศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว ประกอบด้วย 1.น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี เจ้าของเรือฟีนิกซ์ 2.นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี อายุ 56 ปี ช่างเครื่องเรือฟีนิกซ์ โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้จับกุมและดำเนินคดีคนขับเรือฟีนิกซ์ ข้อหากระทำการโดยประมาทฯ ไปแล้ว

ล่าสุด 14 ก.ค. น.ส.วรลักษณ์ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตแล้ว ขณะที่นายอ่อนจันทร์ ได้เข้ามอบตัวก่อนหน้าแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว เผยว่า ขณะนี้ทราบว่า ทางกรมเจ้าท่าได้มีคำสั่งย้ายนายสุรัฐ สิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ไปช่วยราชการที่สำนักงานเจ้าท่าเขต 5 แล้ว

ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำคณะเดินทางไปตรวจสอบ หจก.ธนวัฒน์ เอ็นจิเนียริ่ง ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจ้างต่อเรือฟีนิกซ์ ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และคานเรือของบริษัท สิกิจ จำกัด ซึ่งเป็นอู่ต่อเรือฟินิกซ์ จากการตรวจสอบ พบว่า หจก.ธนวัฒน์ เอ็นจิเนียริ่ง ภูเก็ต ตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 12

สำหรับการเยียวยาผู้ประสบภัยเรือล่มครั้งนี้และการกู้ศพรายสุดท้ายที่ติดอยู่ใต้ซากเรือฟีนิกซ์นั้น ล่าสุด 14 ก.ค. นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต เผยว่า ขณะนี้ทางกองทัพเรือภาคที่ 3 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยกู้ภัยจากจีน พยายามที่จะกู้ร่างผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายที่ถูกเรือฟีนิกซ์ทับติดอยู่ใต้เรือ 1 ศพ ขึ้นมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วน 46 ศพนั้น ได้ตรวจอัตลักษณ์บุคคลเสร็จทั้งหมดแล้ว ฌาปนกิจแล้ว 39 ศพ และรับกลับประเทศจีนทั้งหมด 7 ราย ส่วนการให้การช่วยเหลือเยียวยานั้นได้มีการทยอยจ่ายเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยทั้ง 2 แห่ง คือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด จ่ายไปแล้ว 28 ล้านบาท และบริษัท ไทยศรีประกันภัย จ่ายไปแล้ว 2.8 ล้านบาท รวมถึงกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม รายละ 2.1 ล้านบาท

5.พท.แฉอีก อดีต สส.ภาคกลางจะถูกดูดอีก 30 คน ชี้ใช้คดีความบีบ ด้าน “บิ๊กตู่” ยันไม่ดูดให้เมื่อยปาก!
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
สถานการณ์การเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการแฉเกี่ยวกับเรื่องการดูดนักการเมือง โดยแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) บางคน เช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล กล่าวถึงกรณีที่ทหารออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเดินสายดูดนักการเมืองว่า คนที่ถูกดูดมาพูดให้ฟังว่า มีการมาชักชวนตรงๆ นอกจากนี้ยังนำเรื่องคดีความเข้ามาบีบ เช่น อดีต 40 ส.ส.ที่เคยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งที่เป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะเสนอ รวมทั้งกรณีคนที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีก็ถูกนำคดีจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) มาบีบ ตอนนี้กลายเป็นว่า คนที่เป็นนักการเมืองมีคดีติดตัวเต็มไปหมด มันไม่ถูกต้อง

เช่นเดียวกับนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ออกมายืนยันว่า อดีต ส.ส.ภาคกลางของพรรคกำลังถูกรุกหนัก เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องต่อสู้กันหนัก มีการตั้งเป้าจะดูดอดีต ส.ส.ของพรรคไปให้ได้ 20-30 คน โดยใช้กระแสบวกกระสุนโน้มน้าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดอาคารโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 ตอนหนึ่งว่า “จะไปดูดให้เมื่อยปากทำไม ใครจะไปดูด เชิญไปดูดกันมาแล้วกัน ผมไม่ได้ไปดูดกับใคร”

ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ได้เห็นชอบให้เปลี่ยนสถานที่จัดประชุม ครม.นอกสถานที่(ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.นี้ ที่เดิมจะประชุมที่ จ.เชียงราย และดูงานในพื้นที่ จ.พะเยา เปลี่ยนเป็นไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี และดูงานในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ แทน โดยให้เหตุผลที่เปลี่ยนสถานที่ว่า เนื่องจาก จ.เชียงราย ยังมีภารกิจดำเนินการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คน จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนไปเป็นจังหวัดในภาคอีสาน ส่วนทำไมต้องเป็น จ.อุบลราชธานีและอำนาจเจริญนั้น นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เนื่องจากได้หารือกับทั้ง 2 จังหวัดนี้แล้ว เห็นว่ามีความพร้อมที่จะจัดการประชุมได้ทันที นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจะได้ร่วมงานแห่เทียนพรรษาที่ จ.อุบลราชธานีด้วย

ล่าสุด มีข่าวว่า นายสุพล ฟองงาม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุทธิชัย จรูญเนตร อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ได้เตรียมนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี ในนามพรรคพลังประชารัฐทั้ง 10 เขต รอต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่จะมาประชุม ครม.สัญจรในวันที่ 23-24 ก.ค.นี้แล้ว โดยนายสุพลกล่าวว่า แขกมาเยือน ก็ต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี และหากทางจังหวัดเชิญไปร่วมต้อนรับ ก็จะไป

ส่วนที่มีบางฝ่ายสงสัยว่า กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย จะไลฟ์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนให้มาเป็นสมาชิกพรรค จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ชัดเจนแล้วว่า สามารถทำได้ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อครั้งที่มีการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กับพรรคการเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยถามแล้วว่า พรรคการเมืองสามารถติดต่อกับสมาชิกพรรคผ่านช่องทางอิเลคทรอนิกส์ได้หรือไม่ ซึ่งตนได้สอบถาม กกต.แล้ว กกต.ระบุว่า สามารถทำได้ นายวิษณุ ยังสนับสนุนให้ใช้สื่ออิเลคทรอนิกส์ด้วย โดยบอก อยากให้ใช้วิธีนี้ เพราะเป็นวิธีที่เปิดเผย ไม่ใช่เรื่องลับๆ ล่อๆ และไม่ถือว่าขัดคำสั่ง คสช.เรื่องการรวมตัวทางการเมืองเกิน 5 คนแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น