xs
xsm
sm
md
lg

เหตุเกิดเมื่อ ๒๔ มิถุนายน! การก้าวสู่อารยะของประเทศไทยในยุคเผด็จการเต็มรูปแบบ!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านๆมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทยหลายอย่าง โดยเฉพาะในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ซึ่งหลายเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงประเทศไทยมาจนทุกวันนี้

ทั้งนี้เนื่องจากวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ “คณะราษฎร”ได้ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตย มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข วันที่ ๒๔ มิถุนายนจึงกลายเป็นวันสำคัญแห่งยุค หลายสิ่งหลายอย่างได้ถือฤกษ์เกิดขึ้นในวันนี้

ตอนจอมพล ป.พิบูลสงคราม เจ้าของฉายา “นายกตลอดกาล” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ได้ปกครองประเทศด้วย “ลัทธิผู้นำ” ปลุกให้ประชาชนตื่นตัวสร้างชาติกันครั้งใหญ่ ทั้งหนังสือพิมพ์และวิทยุต่างประโคมข่าวสรรเสริญ “ท่านผู้นำ” และมีคำขวัญออกมามากมาย ล้วนแต่เป็นคำขวัญที่ให้ประชาชนทำตามท่านผู้นำมุ่งไปทางเดียวกัน เพราะท่านผู้นำจะนำชาติไปสู่ความเป็นมหาอำนาจ ทุกบ้านจะมีรูปท่านผู้นำติดไว้ ส่วนในโรงหนังโรงละครก็ต้องฉายภาพท่านผู้นำพร้อมเปิดเพลงมหาฤกษ์มหาชัยให้ประชาชนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ในวันเกิดของท่านผู้นำคือวันที่ ๑๔ กรกฎาคม จะมีการติดธงชาติพร้อมเพรียงไปทั่วเมือง พร้อมกับเพลงสรรเสริญท่านผู้นำซึ่งมีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า

“ท่านผู้นำไปทางไหน ฉันจะตามไปด้วย ขอร่วมบุญค้ำชูช่วย ท่านผู้นำชาติไทย...”
ส่วนคำขวัญยอดฮิตในยุคนั้นคือ

“เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย”

จอมพล ป.ได้ใช้อำนาจเผด็จการทหารปฏิวัติสังคมไทย แบบจะให้เห็นผลทันตา เพื่อให้ก้าวทันสถานการณ์ของโลกในขณะนั้น เครื่องมืออย่างหนึ่งคือประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีที่เรียกว่า “รัฐนิยม” มีผลเป็นกฎหมายที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม และประกาศออกมาทั้งหมด ๑๒ ฉบับ เมื่อจอมพล ป.หมดอำนาจในสมัยแรกเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๘๗ บางอย่างในรัฐนิยมที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ก็เลิกปฏิบัติกันไป ทั้งรัฐบาลต่อมายังเอาใจประชาชนประกาศยกเลิกบางอย่าง แต่รัฐนิยสมัยจอมพล ป.หลายอย่างก็เป็นที่ยอมรับ ปฏิบัติกันสืบมาจนถึงวันนี้

รัฐนิยมฉบับที่ ๑ ซึ่งประกาศในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๒ “ว่าด้วยการใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ” ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยยังมีชื่อเป็นทางการว่า “สยาม” รัฐนิยมฉบับนี้จึงประกาศข้อความว่า

“โดยชื่อของประเทศนี้มีเรียกกันเป็นสองอย่าง คือ “ไทย” และ “สยาม” แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า “ไทย” รัฐบาลเห็นสมควรถือเป็นรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศให้ถูกต้องตามเชื้อชาติและความนิยมของประชาชนชาวไทย ดั่งต่อไปนี้

ก.ในภาษาไทย
ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ให้ใช้ว่า “ไทย”

ข.ในภาษาอังกฤษ
๑. ชื่อประเทศ ให้ใช้ว่า Thailand
๒. ชื่อประชาชน และสัญชาติ ให้ใช้ว่า Thai
แต่ทั้งนี้ไม่กระทบถึงกรณีที่มีบทกฎหมายบัญญัติคำว่า “สยาม” ไว้”
ประเทศนี้ซึ่งมีชื่อว่า “ประเทศสยาม” มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ จึงได้เปลี่ยนมาเป็น “ประเทศไทย” ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๒ เป็นต้นมา

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ฤกษ์ทำพิธีเปิดในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๓ อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกกระแนะกระแหนในยุคเผด็จการครองเมืองว่า เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงประชาธิปไตยที่ตายไปแล้ว เช่นเดียวกับอนุสาวรีย์ทั้งหลายที่ระลึกถึงสิ่งที่ล่วงลับ แต่การสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นดำริของจอมพล ป.พิบูลสงครามว่า เมื่ออเมริกาเขาได้เสรีภาพมา เขาก็สร้างอนุสาวรีย์เสรีภาพขึ้นเป็นอนุสรณ์ เราคนไทยได้การปกครองระบอบประชาธิปไตยมา ก็น่าจะสร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นอนุสรณ์บ้าง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๓ นี้ ยังมีประกาศรัฐนิยมที่สำคัญอีกฉบับหนึ่ง คือ รัฐนิยมฉบับที่ ๙ “เรื่องภาษาและหนังสือไทยกับหน้าที่พลเมืองดี” มีสาระสำคัญว่า ให้รู้สึกเป็นเกียรติในการพูดหรือใช้ภาษาไทย อย่างน้อยคนไทยต้องอ่านออกเขียนได้ และจะต้องไม่ถือเอาสถานที่กำเนิด ภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือสำเนียงพูดที่แปร่งไปตามท้องถิ่น เป็นเครื่องแสดงความแตกแยกกัน

ความสำคัญจากรัฐนิยมฉบับนี้ ได้มีการแต่งตั้งนักปราชญ์ราชบัณฑิตสาขาอักษรศาสตร์ ปรับปรุงตัดทอนภาษาไทยครั้งใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่าภาษาไทยของเราเรียนยาก เพราะตัวสะกดการันต์มากมาย บางคำก็ยืมคำของภาษาอื่นมาใช้ ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมกับชาติไทยที่เป็นชาติเอกราชและมีวัฒนธรรมสูง
ภาษาไทยในสมัยจอมพล ป.จึงตัด ใ ฤ ฤา ฦ ฦา ออกไป คำที่ใช้ ใ ให้ใช้แทนด้วย ไ และคำที่เคยใช้ ฤ ฤา ฦ ฦา ให้ใช้ ร แทน

ส่วนพยัญชนะที่ถูกตัดออกไปได้แก่ ซ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ ฬ สำหรับ ญ ให้ตัดหางออก เหลือเพียง ญ โดยพยัญชนะที่ถูกตัดออกนี้ ให้ใช้พยัญชนะที่ออกเสียงเหมือนกันแทน เช่น ค ใช้แทน ฆ, ช ใช้แทน ฌ, ด ใช้แทน ฎ, ต ใช้แทน ฏ, ถ ใช้แทน ฐ

สำหรับคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต ก็ให้ใช้เขียนแบบคำไทย เช่น บรร เป็น บัน, ควร เป็น ควน, สำคัญ เป็น สำคัน เป็นต้น

หลังจากที่จอมพล ป.หมดอำนาจ คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่คุ้นกับภาษาไทยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ก็หันกลับไปใช้แบบเดิมอีก ภาษาไทยในแบบฉบับของ “ท่านผู้นำ” จึงกลายเป็นประวัติศาสตร์

ความสำคัญอีกอย่างของวันที่ ๒๔ มิถุนายน ก็คือ ถูกประกาศให้เป็น “วันชาติ” ในสมัยที่ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีการฉลองเป็นครั้งแรกและประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในปี ๒๔๘๒ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

๒๔ มิถุนายน เป็นวันชาติของไทยอยู่ ๒๑ ปี จนในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๐๓ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้เปลี่ยนวันชาติ จากถือเอาวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ซึ่งตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม เป็น “วันชาติ”

รัฐนิยมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ รัฐนิยมฉบับที่ ๑๐ เรื่อง การแต่งกายของประชนชาวไทย มีข้อความว่า

ด้วยรัฐบาลได้สังเกตเห็นว่า การแต่งกายของประชนชาวไทยในสาธารณสถานหรือที่ชุมนุมชน ยังไม่สุภาพเรียบร้อยสมกับวัฒนธรรมของชาติไทย

คณะรัฐมนตรีจึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ประกาศเป็นรัฐนิยมไว้ดังต่อไปนี้
ชนชาติไทยไม่พึงปรากฏตัวในที่ชุมนุมชนหรือสาธาราณสถาน ในเขตต์เทศบาล โดยไม่แต่งกายให้เรียบร้อย เช่น นุ่งแต่กางเกงชั้นใน หรือไม่สวมเสื้อ หรือนุ่งผ้าลอยชายเป็นต้น

การแต่งกายที่ถือว่าเรียบร้อยสำหรับประชาชนชาวไทย มีดังต่อไปนี้

แต่งเครื่องแบบตามสิทธิและโอกาสที่จะแต่งได้
แต่งกายตามแบบสากลนิยมในทำนองที่สุภาพ
แต่งกายตามประเพณีนิยมในทำนองที่สุภาพ

รัฐนิยมฉบับนี้เป็นผลให้คนไทยแต่งกายตามแบบสากลนิยม หรือเช่นเดียวกับชาวตะวันตกในวันนี้

ในปี ๒๔๙๗ เมื่อจอมพล ป.พิบูลสงครามกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังพ้นคดีอาชญากรสงคราม ก็ยังถือฤกษ์วันที่ ๒๔ มิถุนายนเปิดสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทย ซึ่งก็คือสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง ๔ ตั้งอยู่ในวังบางขุนพรหม หรือธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน ออกอากาศในระบบขาวดำ คนดูเรียกกันว่า

“วิกบางขุนพรหม” ทั้งยังเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกในภาคพื้นเอเซียตะวันออก ซึ่งขณะนั้นแม้แต่ออสเตรเลียก็ยังไม่มีสถานีโทรทัศน์

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งล้วนแต่เป็นเหคุการณ์ที่ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเป็นอารยะในยุคการปกครองแบบที่เรียกกันว่า “เผด็จการ”




กำลังโหลดความคิดเห็น