xs
xsm
sm
md
lg

ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด! เปิดประเด็นเซ็กซ์ทอยเมืองไทย กับ “เฮียกังฟู”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีดรามาในโลกออนไลน์ด้วยข้อถกเถียงที่ว่า ‘ควรมี “เซ็กซ์ทอย” วางขายในเมืองไทยอย่างถูกกฎหมายหรือไม่’ นั้น กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควร มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ‘อากังฟู’ หรือ ชูชาติ ธนมงคลชัย กูรูด้านเพศศึกษาและอดีตบรรณาธิการนิตยสารปลุกใจเสือป่า ‘ไทยเพลย์บอย’ ในตำนาน ได้ออกมาแสดงทัศนะอย่างตรงๆ เลยว่า ประเทศไทยจะไม่มีวันได้ขายเซ็กซ์ทอยอย่างถูกกฎหมายอย่างแน่นอน!

 • ถามคุณอาแบบคนไม่รู้อะไรเลย เซ็กซ์ทอย คืออะไรครับ

เป็นอุปกรณ์ช่วยในเรื่องเซ็กซ์ทั้งหญิงและชาย คำว่า Toy มันก็แปลว่าของเล่นอยู่แล้ว ทีนี้อย่างเด็กๆ จะเล่นตุ๊กตา เล่นหุ่นยนต์ อย่างนี้เขาเรียกว่า Toys แต่สิ่งนี้ใช้คำว่า Sex เพิ่มเข้าไป มันก็เหมือนกับเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องการสำเร็จความใคร่ของทั้งหญิงและชาย เหมือนกับเป็นเครื่องเล่นส่วนตัว คือมันก็เป็นอุปกรณ์ช่วยอยู่แล้ว อาจจะไม่จำเป็นแค่ว่าจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้เสมอไป บางทีทั้งสองฝ่ายอาจจะนำสิ่งนี้มาเสริมด้วย เพราะว่าเขาสามารถที่จะทดแทนได้ หมายความว่าอีกคนหนึ่งอาจจะไม่พร้อม หรือว่าเป็นการหาความท้าทาย สิ่งนี้มันเป็นการเอื้ออำนวย แล้วผมว่าจริงๆ มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ ถ้าจะเปรียบหน่อยก็เหมือนกับโทรศัพท์มือถือว่าทำไมต้องมีหูฟัง ทำไมต้องมีขาตั้ง นั่นแหละคืออุปกรณ์ตัวช่วย คุณใช้โทรศัพท์อย่างเดียวมันก็ใช้ได้อยู่แล้ว แต่ทำไมมันต้องมีไม้เซลฟีล่ะ เพราะมันคืออุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวก และเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่ง Sex Toy ก็เป็นอย่างว่าเช่นกัน

 • อาจจะเป็นเพราะว่าสภาพสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัยด้วยมั้ยที่ทำงานมากจนไม่มีเวลามากพอ ทำให้ต้องมีสิ่งนี้มาด้วย

ก็มีส่วน จริงๆ แล้วจะบอกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ไม่มีใครหลึกเลี่ยง เพียงแต่ว่าใครจะสามารถใส่หน้ากากได้มากกว่ากันแค่นั้นเอง อย่างมนุษย์บนโลกใบนี้ ธรรมชาติเขาสร้างมาให้มีผู้หญิงและผู้ชายเพื่ออะไร เพื่อที่จะให้มีการสืบขยายพันธุ์ ถ้าไม่อย่างงั้นแล้วเขาจะสร้างมาทำไม ทำไมถึงไม่สร้างเพศเดียวขึ้นมา พอสร้างทั้ง 2 เพศเสร็จแล้วต้องให้มีการเชื่อมในการที่จะขยายพันธุ์ แต่ทีนี้ธรรมชาตินั้นฉลาด เพราะถ้ารู้ว่ามนุษย์ทำอะไรแล้วไม่มีสิ่งตอบแทนจะไม่ทำ เหนื่อยเปล่า เพราะถ้ามีเซ็กซ์กันแล้วไม่มีอารมณ์ร่วมกับมัน เขาก็จะไม่ทำ เพราะฉะนั้น ธรรมชาติก็เติมความเสียว ความสนุก และสิ่งนี้ขึ้นมา มนุษย์เลยติดใจ มันก็มีการกระตุ้นให้มีการขยายเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทุกเชื้อชาติมีค่าเทียบเท่ากัน

 • กล่าวโดยสรุปคือ เซ็กซ์ทอย คือตอบโจทย์ที่ว่านี้

ใช่ แต่ถ้าถามผมว่าจำเป็นมั้ย อย่างคนที่มันยังไปไม่ถึงมันก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าคนที่ไปถึงมันก็จำเป็น มันก็ต้องมีระดับของมัน เราต้องเข้าใจในการแบ่งตรงนี้ออกมา เพราะฉะนั้น เราจะไปวัดเอาว่าใช้คำพูดของคนนี้มันไม่ได้ ในระดับของเขา เขาเข้าใจได้แค่ไหน เขาอยู่ในระดับไหนล่ะ ถ้าไปถามพระ พระก็ด่าตายห่าเลย (หัวเราะ) มันไม่ใช่อะ มันอยู่ที่ตัวบุคคลที่จะมีมุมมองตรงนี้ แต่ถ้าถามผมนะ โดยส่วนตัวผมแล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก จำเป็นในคู่ครอง ครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนเป็นโสด เพราะอะไร มันสามารถระบายได้ แล้วมันจะมีความคิดอะไรที่แตกแยกออกไป เพราะฉะนั้น อย่างคนที่ระดับล่างๆ ทำไมถึงมีการไปข่มขืน อย่างถ้าเป็นจิตสำนึกของเราเอง คุณกล้าที่จะไปข่มขืนเด็ก 5 ขวบมั้ย แค่มองก็ละอายแล้ว แต่ทำไมเขาถึงทำล่ะ เพราะว่าระดับความเข้าใจเขาไม่ถึงไง คือเราไม่ได้บอกว่าความรู้ไอคิวเขาต่ำนะ แต่ความรู้สึกนึกคิดของเขามันต่ำไง บางทีคนแก่อายุ 70-80 ยังข่มขืนเลย แต่ถ้าเป็นเรานะ แถมเงินยังไม่เอาเลย เพราะฉะนั้นอย่างระดับตัวบุคคลมันจะต้องอ่านให้ขาดในสิ่งเหล่านี้ด้วย โดยส่วนตัวผม ผมว่ามันจำเป็นมาก เพราะสามารถที่จะช่วยลด ละ อะไรหลายๆ อย่างโดยที่คาดคิดไม่ถึง ถ้าเรามีสติ มันก็ไม่มี แต่ถ้าขาตสติ ต่อให้จบอะไรมาก็เรียบร้อย แต่หากมีสติให้ถือปืนเขาก็ไม่ยิงหรอก คือมันไม่ต้องเทียบหรอกครับ

 • คือคุณอากำลังจะบอกว่าการมีเซ็กซ์ในแต่ละครั้งต้องใช้สติด้วย

เพราะว่าในเรื่องเซ็กซ์มันจะต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ฉันจะเอาเลยนะ แต่มันจะต้องมีการบิลด์ การสร้างจินตนาการ คือพอเรามองฝ่ายตรงข้ามว่าสวยหรือหล่อปุ๊บ เราค่อยบิลด์แล้วว่าน่า... มันก็ต้องจีบกัน เป็นขั้นตอนของมัน เพราะฉะนั้น ถ้าบอกว่าอารมณ์วูบเดียวตรงนั้นน่ะใช่ แต่ก่อนหน้านั้นคือ เขาเตรียมการมาแล้ว คือ เซ็กซ์ทอย มันคือความเจริญของคนในยุคนี้ที่จำเป็น เพราะว่ามันคือตัวที่ช่วยบรรเทาในการเสริมสร้าง ช่วยคลาย ช่วยทุกอย่าง เหมือนกับน้ำเปล่าที่ทำไมมันต้องมีน้ำอัดลมมาด้วยล่ะ เพราะว่ามันกินแล้วมันซ่าดี มันเป็นตัวช่วย

 • แสดงว่าเมื่อก่อนยุคโบราณกาลก็มีรูปร่างลักษณะอย่างนี้

อาจจะใช่ส่วนหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ทำแบบใหญ่ไง เขาทำแบบเล็กๆ แต่มันก็หมายความอยู่แล้ว หมายความถึงการบูชา เทิดทูน แต่ต่างประเทศจะเป็นอย่างศิวลึงค์ อย่างนี้ ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าเจ้าโลกเหรอ ถ้าเป็นสมัยก่อนจริงๆ อาจจะไม่มีใครมาใช้หรอก เพราะว่ายังมีการเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ยังเชื่อถือเรื่องอะไรต่างๆ หรืออย่างสมัย 40-50 ปีก่อน ที่มีความเชื่อว่าราวตากผ้าถุง ผู้ชายถือไม่ได้เพราะว่ามันจะซวย แค่ทฤษฎีนี้คนก็กลัวแล้ว เพราะฉะนั้นตัวช่วยพวกนั้นนี่คือไม่ต้องคิดเลย เพราะว่าจะยังไม่กล้ากัน แล้วก็ไม่มีการศึกษาเรียนรู้ เหมือนกับบ้านเราที่ทำบั้งไฟแล้วมีการทำรูปจู๋น่ะ แต่มันเป็นการบูชาไง

 • มองในมุมหนึ่งถือว่าการที่คุณอาบอกมาเมื่อกี้ ก็ยังมีความกลัวด้วย

ทุกวันนี้มันก็ยังมีความกลัวอยู่ เพราะว่าอยู่ที่ความเข้าใจด้วยว่าใช้แล้วจะเป็นโรคมั้ย มันจะติดเชื้อมั้ย มันจะอะไรมั้ย มันยังมีความเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่บางคนไม่เข้าใจจะกลัวว่าเก็บมาใช้แล้วจะมีความกังวลอย่างที่บอกมั้ย ความคิดยังก้ำกึ่งกันอยู่ แต่คนที่ใช้แล้วจะมีการรู้จักรักษาสุขภาพอนามัยในการใช้ มันไม่เหมือนกัน คนที่ใช้ส่วนมากจะมาจากคนที่ไปต่างประเทศทั้งนั้น เพราะว่าเมืองไทยมันไม่ค่อยมีขายไง มันต้องแอบขายกัน อย่างที่ฮ่องกงแถวจิมซาจุ่ย หรือแถวเกาลูน พอเวลากลางคืนเขาก็แบกะดินขายเลย ผู้หญิงก็ไปหยิบมาดูปกติ ส่วนที่ญี่ปุ่นเขาตั้งเป็นชอปเลย สามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อได้ เพราะว่าเขาสามารถขายอย่างถูกกฎหมายได้ แต่สังคมไทยมันปากว่าตาขยิบแหละ เพราะนี่มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ของเรายังมีอะไรที่มาจำกัดอยู่ ทำให้การแสดงออกหรือการพูดเรื่องนี้ มันพูดไม่ได้แค่นั้นเอง

 • แล้วอย่างเรื่องชีวิตคู่ในหลายๆ คู่ที่ล่มเพราะเรื่องนี้ คุณอาถือว่ามันมีส่วนด้วยมั้ย

คือจะออกมาพูดทำไมล่ะ คือพูดกันไปเท่าไหร่แล้ว ไอ้คำว่าเข้ากันไม่ได้น่ะ ผมบอกเลยว่า บางคู่มีทุกอย่างครบหมด แต่มันขาดอะไร แสดงว่ามันไม่ลงตัวกัน อาจจะเป็นเพราะผู้ชายไม่แข็ง หรืออาจจะเร็ว ทำให้ผู้หญิงไม่เคยเสร็จ หรือฝ่ายหนึ่งมีอารมณ์ แต่อีกฝ่ายไม่มี มันเลยทำให้ทนกันไม่ได้ มันเลยทำให้เกิดการหย่าร้างกัน อย่างบางคนเมียสวย ฝั่งเมียก็กลัวว่าถ้ามีอะไรกันบ่อยก็จะไม่สวย แล้วถามว่าถ้าไม่นอนกับเมียแล้วจะไปเอาใครล่ะ (หัวเราะ) แล้วทีนี้ปัญหามันก็เกิด แล้วสังคมวงนอกมันไม่รู้นี่ อยู่ดีๆ ก็หย่ากัน อย่างบางรายชายหล่อ หญิงสวยเหมาะสมกัน แต่ทำไมถึงเลิกกัน ต้องมองให้ลึกข้างในกว่านั้น

 • ผลเสียของการมีเซ็กซ์ทอย มีส่วนด้วยมั้ยครับ

คือมันมองต่างมุมไง ถ้าผมมองนะ ถือว่าเก่งในการใช้ชีวิต แต่ถ้าคนทั่วไปไปเที่ยวบอกอย่างงั้นอย่างงี้นะ มันคนละเรื่องเลย แต่จริงๆ แล้วมันเรื่องเดียวกัน แต่เป็นคนละภาษาที่พูด สังคมบ้านเราตอนนี้มันมีเรื่องขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมมากำกับอยู่ ทำไมเปิดบ่อนไม่ได้ เพราะศีลธรรมสังคมกำกับ แต่ก็ยังออกไปเล่นกันได้ จริงๆ มันไม่เชิงว่าเป็นผลเสียในการมีและเอาไว้ใช้ หรือว่ามีเอามาเป็นตัวเสริมตัวช่วย แต่ในมุมมองของคนอีกระดับหนึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่เห็นดีด้วย เพราะว่ามีเรื่องของขนบธรรมเนียมมากำกับ

 • อาจจะเป็นเพราะคู่ครองที่ไม่พร้อมจนทำให้คิดว่าฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

คือถ้าเขารู้จักที่จะหาตัวเสริมตัวช่วย อันนี้ผมว่าทำถูกนะ เขาทำให้ชีวิตคู่ หรือคู่ครองเขาสมบูรณ์แบบ แบบอย่างกลุ่มสวิงกิ้งอย่างเงี้ย เขารักกัน คนเราถ้ารักกันเนี่ยจำเป็นต้องมีเซ็กซ์กันมั้ย บางคู่ไม่จำเป็น แต่บางคู่จำเป็น อย่างหลังนี่มันถึงได้มีการฆ่ากันไง การที่มีเหตุนี้ได้มันมาจากไปง้อขอคืนดี แต่พออีกฝั่งไม่เอาก็เอาปืนไปยิงเขาตาย ฝ่ายแรกคิดว่ามันจำเป็นไง แต่บางคู่เขาอยู่ด้วยความรัก อยู่ด้วยความเข้าใจ แล้วเซ็กส์ไม่จำเป็นเลย แต่เขาอาจจะไปหาตัวช่วย ก็อย่างที่บอกว่าต้องเป็นคนที่เข้าใจ

 • สมมติว่าบ้านเรามีการขายถูกกฎหมาย สามารถลดได้มั้ย

ถูกต้องครับ ลดได้แน่นอนเลย ผมเคยสอนเขาอยู่ว่าเวลาที่คนจะไปเที่ยวนะ ผมจะไม่บอกอย่างอื่น แต่ผมจะบอกว่าถ้าอยากจะเที่ยวให้คุ้มนะ ก่อนไปให้ช่วยตัวเองสักครั้งหนึ่งก่อน พอช่วยเสร็จ ลองไปเที่ยวสิ มันจะได้อึด ทน แต่หลังจากช่วยแล้วก็ไม่ไปแล้ว เพราะว่าหยุดอยู่บ้าน (หัวเราะ) บางทีเราไปแล้ว ไม่ถึง 2 นาทีก็เสร็จแล้ว ไม่คุ้ม ก็คิดอย่างงี้ไง เลยทำให้ทุกวันนี้ความเข้าใจของสังคมบ้านเรา อย่างกินบุปเฟต์ กินหมูกระทะ ทุกคนมีความรู้สึกกินแล้วต้องให้คุ้ม แต่ถ้าเป็นบางคนล่ะ เขาจะกินหลากหลาย เพราะเราได้สิ่งนี้ มันก็อิ่มเหมือนกัน แต่บางคนที่เล่นตะบี้ตะบันเลย นั่นคือมุมมองคนไม่เหมือนกันเลย

แล้วการใช้เซ็กซ์ทอย บางคนเขามีความจำเป็นที่จะเป็นตัวช่วย เพราะสภาพบ้านเราก็รู้กันอย่างงี้ แล้วถ้าให้เขาไปหาของจริงมันอีกเรื่องเลยนะ ถ้าตัวช่วยตัวนี้มันสามารถช่วยได้ มันก็บรรเทาได้ประมาณนึง ส่วนถามว่าเรื่องที่บางคู่ต้องเลิกกัน มันต้องดูองค์ประกอบหลายๆ  อย่าง เงินทอง ชื่อเสียง รูปลักษณ์ ถ้ามีหมดแต่เลิกกันก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้แหละ ก็ขนาดที่บางครอบครัวที่ไม่มีอย่างที่บอกยังสามารถอยู่กันได้เลย เพราะว่าเขามีความสัมพันธ์แบบนี้ ปู่ย่าตายายเราตั้งแต่สมัยโบราณเขาก็อยู่กันมา 40-50 ปี เขาไม่จำเป็นจะต้องไปหาที่ไหนเลย กลางคืนเขาก็มีความสุขกัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าไม่มีพวกเขา พวกเราจะเกิดกันมั้ย เราควรมองตรงนี้ว่าเข้าใจกับมันมั้ย ทุกวันนี้มองแบบไม่เข้าใจไง มันเลยเกิดเหตุสลดทั้งหลาย

ผมถึงบอกเลยว่าพวกที่เลิกไปปีสองปี คนที่ฆ่าหรือทำร้ายกัน เพราะว่ามันมีอะไรที่ลึกซึ้งแล้วมันถึงต้องทำ แต่ถ้าคนเราแค่รักกันอย่างเดียวแล้วมันไม่มีอะไรอย่างลึกซึ้ง มันก็แยกย้ายกันไปได้ ไม่ง้อก็ได้ หาเอาใหม่ แต่ไอ้ที่มันฆ่ากันเพราะความลึกตรงนั้น มันถึงทวงไง ถ้าเป็นคนมีชื่อเสียง มันถูกชื่อมันค้ำคอไว้ ไม่กล้าที่จะหลุดอะไรออกมาได้ แต่ถ้าไม่มีชื่อเสียงอะไรก็ไม่ต่างกัน ผมมองว่าคำว่าอกหักมันใช้กับคนที่ไม่มีอะไรกันนะ จะเป็นแบบชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเรา แต่ถ้าถึงขั้นฆ่าแกงกัน มันแสดงถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้ว ก็เหมือนกัน อย่างผมทำรายการอยู่ทุกคืน ผมจะสอนเลยว่าถ้าเลิกกับคนรักไปนานๆ วันไหนถ้าเขามาง้อขอคืนดี จำไว้เลยว่าวันนั้นคือวันตายของเรา เพราะเขาไม่มีทางไปแล้ว เขาถึงกลับมาง้อเรา ถ้าเขามีทางนะเขาไม่ง้อหรอก บางคนบอกเลิกไปนานๆ ไม่มีหรอก ก็มันไม่มีทางไปไงเลยกลับมาง้อ แล้วทีนี้โดยส่วนมากผู้หญิงมักจะไม่ป้องกันไง เริ่มต้นด้วยการด่าไล่เลย ผมบอกเขาเลยว่าถ้าวันหนึ่งเขามาง้อเมื่อไหร่ ก็ตามที่ผมบอกเลย เพราะเขาตัดสินใจแล้ว แล้วถ้าไปบอกว่ามีใหม่อีกก็ยิ่งไปยั่วยุเขาอีก พอทำอย่างงั้นก็ทำให้เติมเชื้อไฟอีก ถ้าเราทำใจดีสู้เสือแล้วบอกว่ายังไม่มีอะไรกับใคร แบบเธอทำตัวแบบนั้นแบบนี้ แล้วมาง้อเนี่ย ลองดูใจกันไปก่อนมั้ยล่ะ ดูว่าเปลี่ยนแปลงนิสัยอะไรได้มั้ย แบบผ่อนให้เขามีหวังไง แต่ตัวเองก็ต้องคิดด้วยว่ามึงเจอวันนี้วันเดียว แต่วันอื่นไม่เจอแล้ว ผู้หญิงต้องคิดอย่างงี้แล้ว ผ่อนให้มันคลายไป จากนั้นก็ไม่มีทางเจอแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไปด่าเขาไง มันเลยเกิดการยั่วยุ

 • แน่นอนว่าการมีเซ็กซ์ทอย ช่วยลดอาชญากรรมได้ด้วย

ใช่ ถูกต้อง ช่วยเลย อย่างที่บอก ถ้ามันคิดจะไปข่มขืนใคร มันก็ช่วยตัวเองทีเดียวก็จบแล้ว มันรู้ชั่วดีหมดแล้ว มันเป็นแต่ละมุมที่เข้าใจกัน แต่เราไปมองว่าเป็นสิ่งที่สกปรก ลามก เป็นสิ่งที่ทำลายศีลธรรม ซึ่งมันก็ใช่ ผมไม่เถียง ถ้าไปเดินถือเล่นที่เมืองไทยนั่นก็ใช่ ผมยอมรับ แต่ถ้าเก็บไว้ในห้อง นั่นมันก็เรื่องส่วนตัว

 • อีกมุมก็เป็นการยับยั้งชั่งใจไปด้วย

ผมบอกเลยว่าเซ็กส์ทอยมันเหมือนกับถุงลมนิรภัยในรถยนต์ พอคุณชนปุ๊บมันเป็นตัวที่จะ อย่างน้อยที่สุด 10 ราย อย่างน้อยมี 3 รายที่ยับยั้งได้ แต่ถ้า 10 รายไม่มีเลย ก็ 10 ราย ทีนี้สังคมบ้านเราไม่ยอมรับ ก็คุณดูสิ ยาบ้าในตอนนี้โทษประหาร แต่ทำไมยังมีให้เห็นอยู่ทุกวัน มีการกลัวกันมั้ย ไม่มีหรอก นี่ก็เหมือนกัน ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ แต่ถามว่าในส่วนที่ดีมันก็มี หรือในส่วนที่ไม่ดีมันก็มี แต่ว่าในส่วนที่ไม่ดี ผมถามว่ามันไม่ดีตรงไหน มันไปกัดคน ไปตีหัวคนเหรอ มันก็ไม่ใช่ มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา คือบ้านเรายังไม่มีอิสระในการขาย จะต้องมีการแอบซ่อนขายกัน คือบ้านเรามันก็มีความเหนียมอายอย่างที่บอก มันเป็นเหมือนวัฒนธรรม อย่างง่ายๆ เลย ฝรั่งจูบกันมันเฉยๆ แต่ของเราแค่เดินจูงมือกันเฉยๆ มันคิดไปไกลเลยว่าคืนนี้จะต้องทำอย่างว่าแน่ๆ มันไปคิดอย่างงั้นเลย หรือถ้าตามชายหาด ฝรั่งใส่วันพีซ ทูพีซก็ปกติ แต่ถ้าคนไทยใส่ละก็เรียบร้อย ผมบอกเลยว่าอีกนานกว่าจะพลิกตรงนี้ได้ ถ้าถามส่วนตัวนะมันจำเป็นกับคนที่เข้าใจ แต่ไม่จำเป็นกับคนที่ไม่เข้าใจ บางคนบอกว่าสูบบุหรี่แล้วทำไมต้องคาบไปป์ด้วย มันคนละเรื่องกับที่คนเข้าใจไม่เหมือนกัน

 • ในมุมมองของคุณอา การที่แสดงบริบทด้านวัฒนธรรมในปัจจุบันถือว่าล้าสมัยมั้ยครับ

ในการอ้างวัฒนธรรมในปัจจุบันนี้ เราต้องดูกาลเทศะมากกว่า อย่างกรณีพระชั้นผู้ใหญ่โดนคดีในตอนนี้ คุณก็อย่าไปเหมารวมสิ มันมีแค่ไม่กี่รูปเท่านั้นเอง จะให้ไปเหมาทั้งประเทศได้ยังไง มันต้องมีมุมมองอย่างนี้บ้าง แต่ทุกวันนี้เราอย่าไปให้เขาเข้าใจ แต่เราทำความรู้ให้เขารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ เขาจะได้เข้าใจว่าคนนี้จำเป็นเขาก็ใช้ไง ให้เขาเข้าใจว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น อย่างบางคนกินอาหารมื้อละ 1,000 แต่บางคนกินมื้อละ 40 บาท มันก็อิ่มเหมือนกัน แต่เขาไม่ต้องบอกว่าทำไมต้องไปกินในราคานั้น ขอแค่เราอย่าไปก้าวก่ายเขา  ให้อยู่ในสภาวะตามความเหมาะสมและกาลเทศะ เปรียบเทียบง่ายๆ อีกอย่าง สมัยก่อนคนที่เป็นเพศทางเลือก เขาก็ไม่มีหน้ามีตา แต่ปัจจุบันนี้เขาเริ่มเป็นที่ยอมรับแล้ว แล้วมันต้องค่อยๆ ใช้เวลา เพราะเราคิดว่าอย่างน้อยเขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา แต่เรื่องเซ็กซ์ไม่มีเวลา  จำไว้เลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขนาดทุกคนมีหนังอย่างว่าในมือถือยังไม่ยอมรับเลย มันต้องแอบเปิดแอบดู รูปแบบเดียวกัน

 • เรื่องกฎหมายก็มองข้ามไปได้เลยเช่นกัน

(พยักหน้า) มันยากที่จะไปพูดในวงกว้าง มันเป็นแค่ในสังคมวงแคบๆ คือคุณรับรู้ เข้าใจ แต่ไม่สามารถอธิบายให้ใครเข้าใจได้ อธิบายให้ใครมีความเห็นอย่างคุณได้ ผมจะบอกเลยว่า เวลาที่ผู้หญิงรวมกลุ่มกัน คุยหยาบกว่าผู้ชายอีก โดยเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ เขาพูดแล้วหัวเราะสนุกกว่าผู้ชายอีก (หัวเราะ) แต่ก็เหมือนกันที่ว่าระดับชั้นเชิงในการคุยของเขานั้นสนิทกันแค่ไหน ถ้าเป็นระดับคุณหญิงคุณนายนี่ยิ่งสัปดนเลย (หัวเราะอีกครั้ง) ส่วนเรื่องกฎหมาย ผมพูดได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเปลี่ยนได้เลย คือเปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ จนทุกวันนี้แล้วเราก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย แล้วแม่นาคพระโขนงก็ยังอยู่เลย (หัวเราะเบาๆ) แล้วการมีเรื่องวิทยาศาสตร์มันจะเปลี่ยนไปได้ยังไง ถ้าเรื่องที่ผมยกมายังอยู่เนี่ย

ตราบใดที่เรื่องแบบนี้ยังอยู่คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เราก็จะเข้าใจในวงแคบๆ ต่อไป แล้วไม่มีทางกว้างขึ้น ก็คงต้องหลบๆ ซ่อนๆ และแอบมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องหนึ่งว่า พอความเจริญมันขึ้นมา มันจะค่อยๆ ซึมซับทีละนิดๆ เหมือนคนที่มองกะเทยเมื่อ 10-20 ปีก่อน แต่พอตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้ว เพราะว่ามันเกิดจากการค่อยๆ เรียนรู้ไง ผมถามเลยว่า อย่างเด็กผู้หญิง ถามเลยว่ามีแม่คนไหนสอนลูกเวลามีประจำเดือน ไม่มีหรอก ต้องให้มันเป็นเอง หรืออย่างพ่อก็เช่นกัน ยากที่จะสอนลูกชายในเรื่องเดียวกัน ต่างจากต่างประเทศ พ่อแม่เขาเอาถุงยางใส่กระเป๋าแล้วเพื่อที่จะให้เขาใช้เลย เขาสอนกันอย่างนี้

 • กล่าวโดยสรุปคือยาก ตัดไปได้เลย

ผมต่อสู้ในเรื่องเซ็กส์มาตั้งแต่อดีต ตั้งแต่ผ้าอนามัยออกมาใหม่ๆ หากใครจะซื้อนี่มีความอายเหลือเกิน คุยก็ไม่ได้ จนปัจจุบันนี้ผู้ชายเดินซื้อและถือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะไป คือมันจะพัฒนาไปอย่างที่บอก ผมสู้มาตั้งแต่ผ้าถุง ที่ผู้หญิงยังนุ่งผ้าถุงอาบน้ำ ขนาดปิดประตูห้องน้ำแล้วก็ยังใส่ผ้าถุง จนทุกวันนี้ไม่มีแล้ว ใช้แค่ผ้าเช็ดตัวแล้วแก้ผ้าอาบน้ำแล้ว ผมเชื่อว่ามันจะค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ แต่ผมว่าบ้านเราจะไม่มีวันเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิด หรืออะไรต่างๆ อาจจะเปลี่ยนได้ แต่ต้องหลบและซ่อน ดูสมัยก่อนให้ผู้หญิงถือบุหรี่สิ โดนด่าหนักเลย เป็นผู้หญิงไม่ดีเลย แล้วมาตอนนี้ถือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เรื่องเซ็กซ์นี่ยาก บอกเลย (เน้นเสียง)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : สันติ เต๊ะเปีย



กำลังโหลดความคิดเห็น